แก๊ก~
"ขออนุญาตนะคะ" เสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อนักศึกษาพยาบาลปีสุดท้ายต้องมาฝึกงานในโรงพยาบาล ที่มีเจ้าของเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อเลี้ยง
แก้วขวัญรีบนำเอกสารผลการตรวจไปวางให้บนโต๊ะทำงาน ซึ่งผู้ทำหน้าที่ตรวจรักษาก็คือกวิน แพทย์หนุ่มเฉพาะทางระบบประสาท มีชื่อเสียงมากที่สุดในโรงพยาบาลแห่งนี้
"แม่ของเธอกรอกหูมาว่าอะไรอีกล่ะ!" น้ำเสียงเข้มเอ่ยราบเรียบ เขารู้สึกเกลียดทุกครั้งที่เห็นใบหน้าสวย แต่แสร้งใส่ซื่อตลอดเวลา
เธอเป็นลูกของคนที่มาแต่งงานใหม่กับบิดา เพียงเพราะหวังในทรัพย์สมบัติมหาศาลจากตระกูลเขา
"แม่ไม่ได้บอกอะไรนะคะ ขวัญยังไม่ได้เจอแม่ตั้งแต่เมื่อวานนี้เลย" ร่างอรชรในชุดนักศึกษาพยาบาลรีบรับเอาแฟ้มเอกสารมาอ่านอีกรอบ
"คิดจะฝึกงานที่นี่ก็เตรียมใจไว้หน่อยแล้วกัน เพราะฉันจะใช้งานไอพวกที่มันคิดจะหาผลประโยชน์ของบ้านฉันให้หนักๆ " หน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมอง
"แม่ขวัญไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ คุณกวินน่าจะรู้ดี" เสียงใสเอ่ยเถียง เธออ่อนหวานก็จริงแต่ไม่ชอบให้ใครมากล่าวหาอย่างน่าอดสู
"ถ้าแม่เธอไม่ได้คิดอย่างนั้น คงไม่โผล่เข้ามาในบ้านตอนที่แม่ฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลหรอกนะ!" ร่างสูงยังสวมชุดเสื้อกาวน์ตัวยาว พุ่งมาคว้าเรียวแขนเล็กบีบข่มไว้ด้วยความโมโห
เพราะมันทำให้เขาย้อนไปกลับนึกถึง วันที่มารดาตรอมใจอย่างหนักเมื่อรู้ว่าบิดามีบ้านเล็กบ้านน้อย ในที่สุดอาการป่วยก็ทรุดลงรวดเร็ว ทิ้งให้เขาต้องเติบโตมาตามลำพัง จนบัดนี้มีอายุย่างสามสิบปีแล้ว
"เรื่องนั้นขวัญไม่รู้กับผู้ใหญ่หรอกนะคะ แต่ช่วยปล่อยแขนก่อนหนูเจ็บไปหมดแล้ว" ไม่ว่าเธอจะกำจิกฝ่ามือหนายังไงเขาไม่ยอมปล่อย ยังก้าวขายาวเกินประชิดลำตัวบอบบาง ทำให้เธอไปยืนแนบผนังห้อง
"อย่ามาทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย หน้าใสซื่อแต่ใจทรามอย่างแม่ของเธอ คงไม่พ้นสืบทอดสันดานมาตามกันหรอก!"
"นี่คุณกวินมันจะมาเกินไปแล้วนะ ปล่อยหนูนะหนูเจ็บแขนไปหมดแล้ว" แรงบีบมหาศาลคล้ายกับว่าจะทำกระดูกเล็กๆ หักได้ง่ายๆ มันปวดร้าวเกินกว่าที่ผู้หญิงคนนึงจะรับไหว
"แต่ฉันจะเตือนเธอไว้อีกอย่างนึง"
"ตะเตือนอะไรคะ?" เธอยิ่งเจ็บจากแรงบีบมากขึ้นเรื่อยๆ
"อย่าทำตัวเป็นเมียน้อยให้พ่อฉันเหมือนแม่ของเธอล่ะ ไม่งั้นบ้านฉันมันต้องน่าขยะแขยงสกปรกสิ้นดี!" มุมปากหยักเหยียดยิ้มสมเพช ถึงจะสะบัดมือทิ้งทำให้คนตัวเล็กแทบจะล้มหน้าคะมำ
"นี่มันมากเกินไปแล้วนะ! ขวัญไม่ได้มีความคิดอย่างที่คุณพูด นอกจากคนพูดนั่นแหละที่มีความคิดแย่ๆ เอง!"
"แก้วขวัญ!" กวินจะกวาดดุเสียงดัง
"คนอย่างคุณคงมองคนอื่นไม่ดีเป็นเพราะนิสัยคุณนั่นแหละ!" ร่างอรชรรีบคว้าแฟ้มเอกสารออกนอกห้องทันที ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่รังเกียจเธอ บางครั้งเธอเองก็รังเกียจจนไม่อยากจะเข้าใกล้เขาด้วยซ้ำ
หากไม่เป็นเพราะว่าพ่อเลี้ยงบังคับให้เธอมาฝึกงานที่นี่ ไม่อย่างนั้นคงได้ที่ใหม่ที่น่าสบายใจกว่า
"อ้าว..แก้วขวัญมาทำอะไรตรงนี้เหรอ" วาโยคือเพื่อนสนิทของกวิน เอ่ยทักทายทางร่างอรชร เขาเข้าออกบ้านเพื่อนบ่อยๆ เลยเจอเธอมาตั้งแต่เรียนมัธยมด้วยซ้ำ
"สวัสดีค่ะพี่หมอวาโย คือขวัญเอาเอกสารคนไข้มาให้คุณกวินอ่านค่ะ"
"ดีจังเลยที่แผนกนี้ได้เรามาฝึกงาน ไม่เห็นเหมือนแผนกพี่เลยนะมีแต่ผู้ชาย"
"อิอิ..แผนกนั้นต้องใช้กำลังค่ะขวัญไม่น่าไหว" ร่างอรชรหลุดเสียงหัวเราะเบาๆ ให้กับอัธยาศัยของอีกฝ่ายที่ดีกับเธอเสมอ
"ก็อย่างนี้แหละเนอะ รู้งี้เปลี่ยนสายเรียนตั้งแต่แรกแล้ว"
แก๊ก~
เสียงเปิดประตูจากห้องเมื่อกี้ดังขึ้น ทำให้แก้วขวัญหุบยิ้มอัตโนมัติ เธอเพิ่งทิ้งวาจาบาดหมางไปเองเดี๋ยวอีกฝ่ายจะตามมาต่อว่า
"เป็นไงบ้างว่ะเคสที่กูส่งต่อให้อ่ะ สรุปต้องผ่าก่อนไหม" วาโยหันไปถาม พอรู้มาบ้างว่ากวินไม่ถูกกับน้องสาวลูกติดของแม่เลี้ยง
"ก็ต้องผ่าก่อน ไปเดินเรื่องได้หรือยัง?" เสี้ยวหน้าหล่อคมเอียงมาทางนักศึกษาพยาบาล คล้ายจะตำหนิว่าเธอบกพร่องหน้าที่
"ค่ะขวัญจะไปเดี๋ยวนี้เลย ขอตัวก่อนนะคะ" เธอไม่ลืมบอกทางวาโยเป็นคนที่น่าเคารพคนนึง
"นี่มึงยังไม่เลิกตั้งแง่กับน้องตัวเองอีกเหรอว่ะ ผ่านมาก็หลายปีแล้วนะ" วาโยเอ่ยถาม เขาเห็นเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ ในบ้านของกวิน
"กูเกิดมาลูกคนเดียว ทำไมต้องไปสนพวกกาฝากด้วยว่ะ" ร่างสูงบอก หางตาคมมองเหยียดตามแผ่นหลังอรชร คงจะคิดว่าถ้าอ่อยเพื่อนเขาคนนี้ได้ ก็คงจะสบายไม่ต้องทำงานหลังเรียบ
"เฮ้อ...ความคิดมึงนี่เปลี่ยนไม่ได้จริงๆ ว่าแต่ส่งรายละเอียดเคสนั้นให้ดูด้วยแล้วกัน"
"เออ" เสียงเข้มขอกราบเรียบ ถึงจะก้าวขายาวไปชั้นทำงานของแฟนสาว ซึ่งเป็นหมออยู่ในโรงพยาบาลบิดาของเขาเอง
"กวินคะ อย่าบอกนะว่าอู้งานมาหาลูกแพรน่ะ" ฝ่ายคนบอกเผยยิ้มหวาน ตามท่าทางที่แสนเรียบร้อยดึงดูดให้คนเย็นชาอย่างกวินตกลงคบหา
"อืมแค่แวะมาดูหน่อย เคสที่ส่งให้ยากเกินไปหรือเปล่า" สายตาคมมองผลตรวจในมือของแฟนสาว พบรายละเอียดที่เขาเพิ่งส่งให้เธอไปเมื่อช่วงเช้านี้
"นิดหน่อยแต่ว่าลูกแพรเอาอยู่นะ เดี๋ยวรอผลตรวจก็คงส่งแอดมิดต่อ"
"ดีแล้วล่ะ" ร่างสูงบอก เขาเห็นว่าบิดาเดินตรวจชั้นนี้ตามลำพัง จากการที่ไม่ลงรอยกันอยู่แล้วเลยแสร้งไม่มองทักทาย
"เคสของกวินเยอะไหม ส่งมาให้ลูกแพรบ้างก็ได้นะ"
"วันนี้คนไข้เยอะกันไหม พอดีพ่อมีตรวจโครงสร้างน่ะว่าจะปรับภูมิทัศน์บ้าง" ทรงพลมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการรีบเดินดุ่มมาทักทายลูกชายและแฟนสาว
"สวัสดีค่ะ"
"หนูลูกแพรว่าชั้นนี้ควรจะเปลี่ยนอะไรไหมล่ะ พ่อจะได้บอกทีมวิศวะมาดูให้"
"เอ่อ...ไม่หรอกค่ะ ลูกแพรอยู่แต่ในห้องไม่มีตรงไหนให้เปลี่ยนหรอกค่ะ" เธอหันไปทางแฟนหนุ่ม แต่สองมือนั้นประสานไว้ตรงหน้าท้อง
"งานเยอะไม่ใช่เหรอ ไปทำงานต่อดึไหม" เขาเห็นสายตาเจ้าชู้ของบิดา มันทำให้คนมองโกรธจับขั้วหัวใจ
"งั้นลูกแพรขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ"
"ได้เดี๋ยวมารับ"
"โอเคค่ะ ไว้เจอกันนะ" เธอไม่ลืมจะก้มคำนับทางบิดาของกวิน
"ยังไงก็พาหนูแพรไปกินข้าวที่บ้านบ้างล่ะ เผื่อจะคุยเรื่องงานกันด้วย"
"อืม" เสียงเข้มบอกอย่างไม่ได้สนใจ ก่อนจะเดินดุ่มไปยังหน้าลิฟท์ แต่ยังเห็นสายตาบิดามองตามไปยังห้องทำงานของลูกแพร
............