วันสุดสัปดาห์ในที่สุดก็มาถึงดังนั้นเธอและแม่จึงพากันออกไปเล่นกันพวกเธอก็เหมือนพวกบ้านนอกเข้าเมืองแต่เธอก็ไม่สนนะ เพราะไม่มีใครรู้อะไรตั้งแต่เกิดไหม.. ทุกอย่างต้องมีการเรียนรู้สิใครมันจะไปฉลาดตั้งแต่เกิดออกมาจากท้องพ่อท้องแม่กัน..
“ แม่จ๋าแม่จะทำอะไรขายดี.. หนูหว่าผัดเผ็ดปลาดุกก็น่าจะดีนะแม่ เพราะว่าเท่าที่หนูสังเกตุดูแล้วไม่ค่อยเห็นใครทำขายอ่ะ น้ำพริกด้วยแบบว่าน้ำพริกตาแดง น้ำพริกปลาทู น้ำพริกกากหมูด้วยหนิ้งมันชอบ.. เอ่อ.. หนูขอโทษ…” เพียงนึกถึงเมนูน้ำพริกมันก็ทำให้เธอนึกถึงน้ำนิ่งทันที.. น้ำนิ่งชอบกินน้ำพริกเป็นอย่างมาก… เธอขอโทษ ขอโทษที่ทำให้แม่ต้องเสียใจ….
“ ไม่เป็นไรๆ งั้นก็เอาแบบนั้นก็ได้ เราทำของที่เราถนัดขายก่อนก็แล้วกันถ้าขายดีค่อยทำเพิ่ม..” เธอเองก็รู้ว่าน้ำฝนเสียใจขนาดไหน.. น้ำฝนคิดว่าเธอไม่รู้เลยละมั้งทุกครั้งที่น้ำฝนกลับบ้านมาเธอก็เห็นลูกสาวคนโตของเธอพยายามทำตัวเหมือนกับว่าตัวเองมีความสุขไม่มีความทุกข์เลยสักนิด ทำเหมือนว่าตัวเองลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปได้แล้ว.. แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลยเพราะทุกครั้งที่เธอขึ้นไปบนบ้านเธอมักจะได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของน้ำในฝนทุกๆวัน ทุกครั้งที่น้ำฝนเอาน้องน้ำนนเข้านอนเธอมักจะได้ยินน้ำฝนพูดกับน้องน้ำนนว่าน้ำฝนจะเป็นแม่ที่ดีแทนน้ำนิ่งเองน้ำนิ่งอย่าได้ห่วงน้ำนนเลย.. เธอสงสารลูกสาวทั้งสองของเธอ.. แม่เธอคิดว่าเธอคือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เก่งแล้วแต่เพียงแค่เธอได้ยินและได้เห็นสิ่งที่น้ำฝนเป็น.. มันทำให้เธอคิดว่าเธอยังเก่งไม่เท่าน้ำฝนเลยสักนิด.. ผู้หญิงตัวเล็กที่ต้องรับหน้าที่เสาหลักของบ้าน รับบทแม่ที่ไม่ใช่ลูกของตัวเองนั้น.. มันเหนื่อยนะ แล้วไหนงานที่โรงเรียนอีก.. เธอสงสารน้ำฝนสงสารน้ำนนเป็นอย่างมาก..
“ งั้นเราทำน้ำพริกใส่กระปุกขายนะแม่.. เอาเป็นว่าแม่เลือกซื้อของตรงแถวนี้นะถ้ามีหนุ่มมาชวนไปไหนห้ามไปเด็ดขาดรู้ไหมคะแม่อุไร.. เดี๋ยวหนูพาน้ำนนไปดูของเล่นตรงนั้นก่อนนะจ๊ะ.. อะนี่เงินเปย์ได้เลยค่ะคุณนายอุไร…”
“ ไอ้เด็กบ้า.. แม่จะไปกับใครได้เล่า.. ทำเป็นพูดไป.. งั้นแม่เลือกของแถวนี้ก็แล้วกันถ้าคลาดกันก็มาเจอกันตรงนี้นะ..” อุไรเอ็ดลูกสาวตัวดีของเธอไปหนึ่งทีเด็กบ้านี่ดูทำพูดเข้า.. ถ้าเธอคิดจะแต่งงานใหม่เธอคงทำไปนานแล้ว..
น้ำฝนอุ้มน้ำนนเอาไว้พร้อมกับชี้มือชี้ไม้ให้น้ำนนดูและอยู่ๆเธอก็ถูกมือของใครบางคนกระชากเอาไว้…
“ หนิ้ง… หนิ้งจริงด้วย.. หนิ้งมาได้ยังไง.. หนิ้งมากับใคร? แล้วเด็กคนนี้.. ลูกของใคร?”
น้ำฝนถึงกับงงในงง เพราะอยู่ๆก็มีผู้ชายหน้าตาดีคนนึงมากระชากแขนของเธอและถามเธอหลายคำถามจนเธอนั้นไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี..
“ เรารู้จักกันด้วยเหรอ? คุณเป็นใคร?” นั่นสิไอ้หมอนี้เป็นใครกัน กล้าดียังไงมาจับเนื้อจับตัวเธอ…
“ หนิ้ง.. หนิ้งจำเจตไม่ได้เหรอ? ” เจตถึงกับทำหน้าสงสัย.. ทำไมหนิ้งถึงจำเขาไม่ได้.. หรือว่าเพราะหนิ้งเสียใจที่เขาไม่สามารถทำตามสัญญาที่เขาเคยให้กับหนิ้งได้ หนิ้งเลยแกล้งทำเป็นลืมเขา…
“ต้องขอโทษนะคะที่ฉันไม่รู้จักคุณ ฉันไม่รู้จักและไม่อยากรู้จัก…ขอตัว.. โอ๋ๆเดี๋ยวแม่พาไปดูของเล่นนะครับ…” น้ำฝนหันกลับมาให้ความสนใจน้องน้ำนนอีกครั้งเพราะตอนนี้น้องน้ำนนทำท่างอแงแล้วนะสิ…
“เดี๋ยวหนิ้ง.. นั่นลูกของเราเหรอ? ลูกของเราสองคนใช่ไหม?”
น้ำฝนถึงกับตกใจทันทีที่เธอได้ยิน.. เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนที่ทำให้หนิ้งต้องเสียใจมีหน้าตาเป็นยังไงเธอไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามของเขา..แต่ะทำไมกัน.. ทำไมโลกมันถึงกลมขนาดนี้.. คนที่เธอยากจะเจอและอยากจะแก้แค้นอยู่ๆก็ได้เจอกันโดยบังเอิญ.. มันคงถึงเวลาแล้วสินะ.. เวลาที่เธอจะได้เอาคืนไอ้สาระเลวนี่…
“ อาจจะใช่หรือไม่ใช่.. ขอตัว..”
เจตได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่.. เขาไม่เข้าใจในความหมายของหนิ้งเลยสักนิดว่าตกลงแล้วเด็กคนนั้นคือลูกของเขารึเปล่า.. แต่ดูสิสีหน้าและแววตาของเด็กคนนั้นที่หันกลับมามองเขา.. มันทำให้หัวใจของเขาถึงกับกระตุก… เมื่อเขาคิดว่าเขาจะต้องตามหนิ้งไป.. สุดท้ายแล้วมันก็สายไปแล้วเพราะตอนนี้หนิ้งไม่อยู่แถวนี้แล้ว…
น้ำฝนถึงกับต้องลูบที่หน้าอกของเธอหลังจากที่เธอหลบหลีกพ่อของน้องน้ำนนได้.. เอาจริงๆเธอก็กลัวนะ กลัวว่าอยู่ๆเขาจะมาฉกน้องน้ำนนออกไปจากเธอ.. ไม่ได้ๆต้องสั่งสติ ตั้งสติเอาไว้..