Episode 01 ทางที่ต้องเลือก

2175 Words
ความเงียบที่ปกคลุมอยู่รอบกายทำให้ฉันได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองชัดเจนจนน่ากลัว ความรู้สึกแรกที่ฉันกำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้หลังจากที่สติกำลังค่อยๆ กลับมาก็คืออาการปวดหัวตุบๆ เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างกระดอนไปมาอยู่ด้านใน ซ่า~ ฉันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เมื่อถูกคลื่นน้ำระลอกใหญ่สาดเข้าเต็มๆ มิหนำซ้ำน้ำที่ว่ายังเย็นจนฉันสะท้าน สองตาเบิกโพลงขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งทันทีที่ภาพเบื้องหน้าชัดเจน หัวใจของฉันที่กำลังเต้นแรงอยู่ในอกก็กระตุกวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ปั้ก! เสียงถังน้ำถูกวางกระแทกลงกับพื้นแรงๆ ทำให้ฉันสะดุ้งซ้ำอีกรอบ ก่อนจะต้องพยายามดิ้นเมื่อสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของฉันบอกว่าตอนนี้ฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่นอกจากฉันจะไม่สามารถดิ้นได้เพราะร่างกายถูกพันธนาการติดกับเก้าอี้เอาไว้ด้วยเชือกเส้นโตแล้ว ริมฝีปากของฉันก็ยังถูกผ้าสีดำคาดปิดเอาไว้ทำให้ไม่สามารถเปล่งเสียงออกไปได้อีกต่างหาก ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว แต่ก็พยายามจะตั้งสติ จำได้ว่าก่อนหมดสติไป ฉันถูกโอยามะบีบคอเหมือนจะพยายามฆ่าฉันให้ตาย แล้วทำไมตอนนี้ฉันถึงยังไม่ตายล่ะ! ครืดดด~ เสียงเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ถูกลากมาตั้งตรงหน้าฉัน ห่างออกไปประมาณสองถึงสามก้าว ก่อนที่คนลากจะหันมามองฉันด้วยแววตาวาววับ เรียกความหวาดกลัวให้ตื่นขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจฉันได้เป็นอย่างดี หนาว~ ฉันรู้สึกหนาวจนไม่สามารถบังคับให้ร่างกายหยุดสั่นได้ ได้ยินเสียงฟันในปากกระทบกันดังกึกๆ อยู่หลายครั้งจนต้องกัดมันเอาไว้แน่น ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ซึ่งฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหน แต่มั่นใจว่ามันไม่ใช่ห้องของโอยามะที่ฉันแอบย่องเข้าไปแน่นอน เพราะดูจากสภาพซอมซ่อ เหม็นอับ แถมยังสกปรกแบบนี้ มันผิดกับที่นั่นลิบลับ รอบกายของฉันมีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่อยู่สามคน ทุกคนล้วนแล้วแต่ใส่ชุดสูทสีดำ สวมแว่นสีดำ และมีท่าทางน่ากลัวกันทุกคน ทั้งสามคนยืนนิ่งๆ อยู่ข้างๆ ฉันราวกับว่าถูกสั่งมาให้เฝ้าฉันเอาไว้เป็นพิเศษ ไม่นานประตูด้านข้างก็ถูกผลักเข้ามาโดยผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งฉันเพิ่งรู้ว่าเขามีหน้าที่เปิดประตูก็ตอนที่เห็นว่ามีผู้ชายอีกหลายคนเดินตามเขาเข้ามา และคนแรกที่สะดุดตาฉันมากก็คือคนที่สอง นับรวมคนเปิดประตู เพราะเขาคือ...โอยามะ! โอยามะเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าฉัน ด้านหลังของเขามีลูกน้องหรือจะเรียกบอดี้การ์ดก็คงไม่ผิดนักเดินตามเข้ามาสมทบอีกกี่คนฉันไม่แน่ใจ เพราะสายตาของฉันถูกสะกดโดยร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้าตั้งแต่วินาทีที่เห็นเขาเดินเข้ามาแล้ว ฉันลอบกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ บอกตรงๆ ว่ากำลังกลัวสุดขั้วหัวใจ แต่ไม่รู้ต้องทำยังไงนอกจากพยายามหายใจเอาไว้ เพราะอาจเหลือเวลาอีกไม่มากที่ฉันจะได้มีชีวิตอยู่บนโลกที่แสนจะโสมมใบนี้! โอยามะมองฉันด้วยแววตาคมเข้มทำเอาฟันในปากของฉันเริ่มกระทบกันอีกรอบ ก่อนที่ฉันจะเห็นว่าเขาหันไปสบตากับบอดี้การ์ดคนหนึ่งของเขา จากนั้นนายคนนั้นก็เดินตรงมาหาฉัน พร้อมกับหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท สองตาของฉันเบิกโพลงอีกรอบเมื่อเห็นปลายแหลมของมีดดีดขึ้นมาจากฝัก ตอนนี้ต่อให้จะกลืนน้ำลายอีกสักสิบอึก ฉันคิดว่าก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ยิ่งได้เห็นว่านายคนนั้นยื่นมีดเข้ามาใกล้ฉันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนอยากจะเป็นลมอีกรอบ ฟึ่บ! ปลายมีดที่ถูกยื่นมาใกล้ใบหน้าทำให้ฉันรีบหลับตาปี๋ ก่อนที่เสียงตวัดปลายมีดดังฟึ่บจะทำให้ฉันสะดุ้งและรู้สึกเสียวแปลบที่แก้มทันทีเมื่อถูกปลายมีดพับเล่มนั้นบาดเข้าให้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉันขยุกขยิกหรือเพราะนายคนนั้นมือไม่นิ่งกันแน่ จากที่จะตัดผ้าปิดปากออกก็เลยกลายเป็นสร้างรอยแผลไว้บนแก้มฉัน “ใครส่งเธอมา” คำถามเดิมๆ ของโอยามะทำให้ฉันรู้สึกอยากกลั้นใจตายได้ น้ำเสียงของเขายังคงเย็นเยียบชวนขนหัวลุกทุกครั้งที่ได้ยิน เขาถามแล้วจ้องหน้าฉันราวกับกำลังใช้สายตาคู่นั้นค้นหาคำตอบ แต่ความเงียบเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันสามารถตอบได้ เพราะก่อนจะตัดสินใจทำแบบนี้ ฉันก็เผื่อใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ฉันเผื่อใจแล้วว่าสิ่งที่ฉันเลือกทำมีความเสี่ยงที่จะพลาดและถูกจับได้ และการเตรียมใจสำหรับสถานการณ์ที่จะถูกจับได้ก็หมายถึงฉันยินดีที่จะเดินมาหาที่ตาย “ฉันจะถือว่าเธอสละสิทธิ์ในการมีชีวิตอยู่ก็แล้วกัน” โอยามะพูดเสียงเรียบพร้อมกับลุกขึ้นยืน ครั้งนี้เขาไม่ให้โอกาสฉันแม้แต่สักวินาทีเดียวด้วยซ้ำ เขามาเพื่อถามฉันแค่คำถามเดียว ชีวิตฉันมีค่าแค่คำตอบเดียวงั้นสินะ ตึก! ตึก!! ตึก!!! เสียงฝีเท้าของโอยามะดังเข้ามาใกล้เมื่อเขากำลังเดินตรงมาหาฉัน ใบหน้าที่ถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำไม่มีท่าทีอ่อนโยนกับฉันเลยสักนิด และทันทีที่เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉัน ดวงตาของเขาก็หรี่แคบลงเล็กน้อย ก่อนจะทำให้ฉันตกใจด้วยการยกมือขึ้นมาบีบแก้มฉันแรงๆ จนฉันหลุดปากร้องออกไป “โอ๊ย!” “ก็ไม่ได้เป็นใบ้นี่” นี่คือวิธีพิสูจน์ว่าฉันพูดได้ ร้องได้หรือยังไงกัน! หลังจากที่โอยามะทำให้ฉันเปล่งเสียงออกไปได้สำเร็จ เขาก็จับใบหน้าของฉันแล้วสะบัดแรงๆ จนคอฉันแทบเคล็ด น้ำตาไหลออกมาในทันทีเพราะฉันไม่สามารถโกหกตัวเองได้อีกต่อไปว่าฉันจะไม่กลัว “ถ้าเป็นคนอื่น ฉันอาจใช้วิธีตามจับตัวประกัน แต่ดูเหมือนวิธีนั้นคงใช้ไม่ได้ผลกับเธอสินะ...ฮานะ” เขารู้จักชื่อฉันแล้ว และการที่เขาบอกว่าวิธีการจับตัวประกันไม่ได้ผลนั่นก็แปลว่าเขารู้แล้วว่าฉันไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน และก็เพราะเหตุผลนั้นนั่นแหละ ฉันถึงได้กล้าตัดสินใจทำแบบนี้ เพราะเมื่อถึงเวลาที่ถูกจับได้จริงๆ ฉันก็แค่ถูกฆ่าตายโดยที่อาจไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ “ตอบคำถามฉัน!” เสียงตะคอกดุดันของโอยามะทำให้ฉันสะดุ้งเฮือกซ้ำๆ และยังคงหลับตาปี๋โดยอัตโนมัติ ความรู้สึกหูอื้อตาลายเข้าจู่โจมแบบที่ไม่ทันตั้งตัวมาก่อน เพราะเมื่อกี้ตอนที่เขาตะคอกถาม ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งไม้บรรทัดด้วยซ้ำ แม้ความดุดันในน้ำเสียงของเขาจะทำให้ฉันสั่นระริกไปทั้งตัว แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่มีคำตอบให้เขาอยู่ดี ซึ่งเมื่อฉันยังไม่ยอมพูด แววตาของโอยามะก็เริ่มดุดันขึ้นเรื่อยๆ แกร๊ก! แล้วโอกาสสุดท้ายของฉันก็มาถึง เมื่อโอยามะหันปลายกระบอกปืนที่เขาเพิ่งจะรับมันมาจากมือของบอดี้การ์ดคนที่ยืนประกบอยู่ด้านข้างฉันขึ้นมาจ่อที่กลางหน้าผากของฉันอีกรอบ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยทำแบบนี้กับฉันมาแล้ว “นับหนึ่งถึงสาม” โอยามะกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น พร้อมกับกดปลายกระบอกปืนลงมาที่กลางหน้าผากฉันแรงๆ จนฉันรู้สึกเจ็บ ไม่รู้ว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่เขาจะหยิบยื่นให้ฉันแล้วหรือยัง รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันกลัวเขามากจริงๆ คำถามเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของฉันตอนนี้ก็คือเวลากระสุนในปืนกระบอกนี้ฝังลงกลางหน้าผากฉัน มันจะเจ็บมากหรือเปล่า ภาวนาให้ฉันไม่ทันได้รู้สึกเจ็บหรือทรมานก็แล้วกัน “หนึ่ง” โอยามะเริ่มนับอย่างใจเย็น แต่แววตาและท่าทางของเขากลับไม่เป็นอย่างนั้น ซึ่งต่อให้เขาจะนับถึงสามหรือต่อให้นับถึงสิบ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอยู่ดี “สอง” วินาทีนี้มันทรมานเหลือเกิน ฉันกลัวว่าฉันจะอดทนไม่พอ กลัวจริงๆ ว่าความกลัวที่อยู่ลึกถึงก้นบึ้งของหัวใจจะทำให้ฉันยอมแพ้จนฉันต้องบังคับตัวเองด้วยการเม้มริมฝีปากแน่นจนมันสั่น ปิดเปลือกตาลงอย่างเตรียมพร้อมที่จะจากโลกนี้ไปตามที่คนตรงหน้าต้องการ “สาม” น้ำเสียงเบาโหวงของโอยามะทำให้ฉันหวาดกลัวยิ่งกว่าตอนที่เขานับเสียงดังซะอีก และถึงแม้ตอนนี้ฉันจะยังไม่ได้ยินเสียงปืน ไม่รู้สึกเจ็บปวด และมั่นใจว่าเขายังไม่ได้ยิง ฉันก็ยังไม่กล้าลืมตาอยู่ดี “แก้มัด” เสียงคำสั่งเด็ดขาดที่ได้ยินทำให้ก้อนเนื้อในอกของฉันเต้นแรง คนอย่างโอยามะน่ะเหรอจะปล่อยฉัน ไม่มีทาง เขาต้องกำลังคิดอะไรอยู่แน่ๆ เขาจะปล่อยคนที่กล้าเข้าไปขโมยของเขาถึงในห้องได้ยังไง ฉันหลับตาแน่นทั้งที่ในสมองยังคงครุ่นคิดไม่หยุด ก่อนจะต้องสะดุ้งลืมตาเมื่อปลายกระบอกปืนที่เมื่อครู่จ่ออยู่ที่หน้าผาก ตอนนี้เลื่อนลงมานิดหน่อยเป็นขยับมาจ่ออยู่ตรงกลางระหว่างคิ้วของฉัน ราวกับว่าเขาอยากจะใช้ปลายกระบอกปืนในมือแยกหัวคิ้วของฉันออกจากกัน และภาพแรกที่เห็นเมื่อลืมตาขึ้นมาก็คือแววตาเย็นชาของโอยามะ หลังจากที่โอยามะสั่งให้แก้มัดฉัน ไม่ถึงสามนาทีร่างกายของฉันก็เป็นอิสระ แต่เชื่อเถอะว่าต่อให้มือและขาทั้งสองข้างจะไม่ได้ถูกมัด ฉันก็ยังไม่กล้าจะขยับอยู่ดี โอยามะส่งปืนคืนให้คนของเขา จากนั้นเขาก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมตัวนั้น ดวงตาที่ไร้ความรู้สึกของเขายังคงจ้องมองมาที่ฉันตลอดเวลาเหมือนกำลังค้นหาบางอย่างจากดวงตาของฉัน “ลุกขึ้น” โอยามะสั่งเสียงเรียบ เขานั่งไขว่ห้างในท่าทีสบายๆ พลางตวัดปลายนิ้วชี้ขึ้นประกอบการออกคำสั่ง ซึ่งในที่นี้มีแค่ฉันกับเขาที่นั่งอยู่ ดังนั้นไม่ต้องให้เขาเรียกชื่อฉันก็รู้ว่าเขาสั่งให้ใครลุก ฟุ่บ! และเมื่อฉันยังนั่งนิ่ง สุดท้ายก็เลยถูกคนของเขากระชากขึ้นจากเก้าอี้อย่างง่ายดาย ทั้งความหนาวและความกลัวส่งผลให้ร่างกายของฉันสั่นระริกจนแทบทรงตัวไม่อยู่ด้วยซ้ำ แต่รู้ดีว่าความอ่อนแอไม่ได้มีประโยชน์อะไร เพราะ ‘ความสงสาร’ ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของผู้ชายตรงหน้า! ฉันพยายามยืนให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ กัดฟันจนหน้าตึงไปหมด มิหนำซ้ำน้ำตาก็ยังไม่ยอมหยุดไหล ราวกับว่าร่างกายไม่ฟังคำสั่งจากสมองอีกแล้ว “เอาของมา” มันเหมือนโอยามะกำลังเล่นเกมอะไรสักอย่างกับฉัน เขารู้ว่าฉันกำลังกลัวมาก แต่สิ่งที่ฉันกลัวไม่ใช่ความตาย เพราะเขาลองใช้กับฉันมาแล้วถึงสองครั้ง ซึ่งมันไม่ได้ผล ตอนนี้เขาก็เลยกำลังลองใช้อีกวิธี โอยามะนั่งมองฉันแล้วออกคำสั่งอย่างใจเย็น ซึ่งถึงแม้ท่าทางและน้ำเสียงที่เขาใช้ออกคำสั่งจะดูนิ่งและเฉยชา แต่เชื่อเถอะว่าคำสั่งแต่ละคำสั่งของเขากำลังทำให้ความกลัวของฉันเพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ ไม่นานของที่โอยามะสั่งก็ถูกยกเข้ามา และทันทีที่ฉันรู้ว่ามันคืออะไร หัวใจของฉันก็แทบจะหยุดเต้น ปั้ก! โต๊ะพับตัวเล็กๆ ถูกยกมาตั้งลงข้างๆ ฉัน บนโต๊ะตัวนั้นมีของอยู่นับสิบชิ้นขนาดแตกต่างกันไป ซึ่งฉันไม่รู้หรอกว่าถ้าของพวกนั้นเป็นมีด ปืน หรืออาวุธ ฉันจะรู้สึกกลัวขนาดนี้มั้ย เพราะตอนนี้สิ่งที่ฉันเห็นอยู่เต็มโต๊ะนั่น คนทั่วไปเรียกมันว่า ‘เซ็กซ์ทอย’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD