Chapter 2 / ใกล้ : ไกล

1137 Words
“กลับยังไง” เพื่อนชายที่ฉันแอบคิดเกินเลยกว่าสถานะที่ควรเป็น เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดนิด ๆ จากหัวคิ้วที่แทบจะชนกันอยู่แล้วนั้น หวังว่าคงไม่ทะเลาะกันกับแฟนสาวดาราดาวรุ่งหรอกมั้งนะ “นั่งวินน่ะ แล้วนี่ทำไมยังไม่กลับอีกอะ” ฉันถามไปตามประสา ปกติน็อตจะไม่ค่อยอยู่ในช่วงเย็น ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน เขาเป็นคนเดียวที่แทบจะไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้เพื่อนฟัง “ปะ... เดี๋ยวไปส่ง” น็อตจับกระเป๋าสะพายของฉันเพื่อจับจูงให้ก้าวเดินไปพร้อมกับเขา แต่ฉันไม่อยากไปกับเขาเลยนี่นา คือว่ามัน..... “ไม่เป็นไรหรอก แค่ไปส่งเพื่อน ใครจะว่าก็ช่างหัวมันสิ” ด้วยใบหน้าอันตึงเรียบที่หันกลับมามอง แววตานิ่งเฉยในตอนที่พูดราวกับไม่ได้สนใจว่าจะเกิดอะไรในความสัมพันธ์ของตัวเอง ฉันไม่ได้อยากจะเสี่ยง ปีใหม่เป็นผู้หญิงที่ถ้าเลี่ยงได้ ก็ควรจะเลี่ยงดีกว่า “น็อต... ” ฉันเรียกเขาอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวยังตั้งหน้าตั้งตาดึงกระเป๋าเพื่อลากให้ฉันเดินตามไป “โน... ทำไมชอบดื้อเงียบห๊ะ” ฉันชะงักไปกับคำพูดนั้น หันไปค้อนขวับแล้วตั้งท่าจะอ้าปากแหวใส่ ใครดื้อเงียบ? ทำไมต้องว่าให้ฉันด้วย! “ระ... ” “หยุดเลย ทีกับคนอื่นใจดีจังเลยนะ ไปกับเราแค่นี้จะเป็นไรไป” ฉันอ้าปากค้าง พออยู่กันสองคนก็เป็นแบบนี้ เพื่อนที่แสนใจดีคอยปกป้องฉันหายวับไป เหลือไว้ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบชวนฉันทะเลาะ เพราะเขาอยากให้ฉันพูดบ้าง ไม่ใช่แค่นั่งยิ้มอย่างเดียวเหมือนที่ฉันชอบเป็น “ไหนว่าจะไปส่งไง” เดินมาได้สักพัก ฉันก็เริ่มเอะใจว่าทำไมเขาถึงได้พามายืนร้อนอยู่ตรงนี้ “รอรถเมล์ไง ถามอะไรน่ะหัดคิดบ้าง” ทำไมถึงชอบตีหน้าดุ พูดดี ๆ กับฉันเหมือนอยู่ต่อหน้าเพื่อนไม่ได้หรือไง น็อตคือผู้ชายที่เข้าใจยากชะมัด..... “รถล่ะ” ฉันถามออกไปด้วยความใคร่รู้ “ไม่ได้เป็นวินไง เลยจะพานั่งรถเมล์เอา” ตอบมาหน้าตาย ต่อหน้าใครต่อใครละทำใจดี พูดดี อยู่ด้วยกันสองคนนี่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน “ไม่ต้องมามองค้อน” เขาว่า ก่อนที่สายตาเขาจะมองเลยฉันไปยังด้านหลัง รถมาพอดี... อันที่จริง น็อตเองก็แค่ผู้ชายวัยรุ่นทั่วไป ไม่ได้สุภาพจนเกินเหตุ ไม่ได้จังไรจนเกินไป แต่ทำไมชอบดุเวลาอยู่กันแค่สองคน เรื่องนี้ฉันงงตั้งแต่ปีหนึ่งจนปีสุดท้ายนี่แหละ “วันนี้ดูเครียดนะ” ฉันถามคนที่นั่งด้านซ้ายติดกับหน้าต่างรถ แววตาเขาดูเลื่อนลอย คล้ายมีบางอย่างกำลังว้าวุ่นอยู่ภายในภวังค์ความคิด “อืม... ปีขอห่างกัน” หัวใจฉันกระตุกไปนิด แม้จะอยากเอื้อมมือบางไปแตะหลังมือหนาเพื่อปลอบประโลมแค่ไหน ก็ทำได้เพียงแค่หักห้ามใจไว้ ยั้งร่างกายตัวเองไว้ด้วยคำว่า 'ไม่มีสิทธิ' “กูทำไรผิดวะ” เสียงเขาพึมพำ ความหงุดหงิดพาลให้น็อตหลุดคำพูดแบบเป็นกันเอง โดยปกติฉันเป็นคนเดียวที่เพื่อนจะพูดจาสุภาพด้วย ด้วยว่าฉันชอบนั่งยิ้มอย่างเดียว มีส่วนร่วมบ้างบางครั้ง เพื่อน ๆ ก็เลยพากันตั้งชื่อให้ฉันว่าเป็นคุณหนูตัวจริง “หรือผิดที่จน?” คราวนี้เขาหันกลับมา สายตาเราสองสานสบกันอย่างช่วยไม่ได้ น้อยใจตัวเองที่ด้อยกว่าอยู่แน่ ๆ “แล้วปีใหม่ได้บอกเหตุผลไหม” ฉันแค่อยากช่วยแชร์ความอึดอัดของเขาเท่านั้น อย่างน้อยก็ถือว่าระบายกับเพื่อนอย่างฉันได้ “บอกว่างานยุ่ง อีกอย่างก็กำลังรุ่งเรื่องในวงการ ไม่อยากเป็นข่าวว่ามีแฟนแล้ว เดี๋ยวงานจะหายเพราะกระแสด้านนี้ นี่ยังไม่เจียดคำว่าดาราเลยไม่อยากดับตอนนี้” ได้ฟังอย่างนั้น ฉันก็อ่อนใจเป็นอย่างมาก ไม่อยากเห็นน็อตเสียใจ ไม่อยากให้เขาเป็นทุกข์ แล้วจะเอาสิทธิ์อะไรไปห้ามความเสียใจของเขาล่ะ “ถ้ารักเขาก็ต้องทำความเข้าใจ” พูดไปก็เจ็บไป “เข้าใจว่าเราไม่คู่ควรกันงั้นเหรอโน.... ” แต่แล้วประโยคตัดพ้อกับแววตาผิดหวังก็ถูกปาเข้าใส่หน้าฉันเต็ม ๆ การมองเห็นคนที่เราแอบชอบเศร้าเสียใจว่าแย่แล้ว ยิ่งเห็นเขารักใครมากกว่าตัวเขาเองยิ่งแย่กว่า หัวใจฉันแทบยับเยิน! “คบกันมาตั้งหลายปี มันไม่มีความหมายเลยเหรอวะ” เขายังพร่ำเพ้อออกมา สายตาทอดมองอย่างเลื่อนลอยไปยังท้องถนน คนที่ไม่ชอบแชร์เรื่องส่วนตัวกับใคร คงอึดอัดมากมายสินะถึงได้พรั่งพรูมันออกมาอย่างเหลืออด “โน... ” น็อตเรียกเบา ๆ น้ำเสียงของเขาสั่นไหวตามความรู้สึก “ว่าไง” “เคยรักใครจนอยากเห็นแก่ตัวไหม ไม่อยากให้เขาเป็นคนที่ใครต่อใครก็รู้จัก มีแค่เราที่รักกันแค่นั้น โนว่าจะมีคนคิดแบบเราไหม” “. . . . .” ทำไมน็อตต้องพูดแปลก ๆ “ละทิ้งความฝันบ้าง แค่อยู่ด้วยกัน รักกันดูแลกันมันไม่พอจริง ๆ ใช่ไหม” ตัดพ้อน้อยใจเรื่องปีใหม่ออกมาเต็มประตู เขาจะรู้อะไรบ้างไหมว่าคำพูดแต่ละคำมันช่างกัดกินก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของฉันมากแค่ไหน เขาช่างไม่รู้อะไรเลย! “คำว่าห่าง ไม่ได้ต่างจากคำว่าเลิก” ฉันเบี่ยงหน้าหนี กลัวจะแสดงสีหน้าที่ไม่ควรให้เขาเห็นออกไป “เราว่าเราจะ... เลิก” ก็เลิกไปเลยสิ เลิกตอนนี้ได้ยิ่งดี เลิกพูดเรื่องปีใหม่สักที! ฉันไม่อยากฟังแล้ว “คิด... ก็ได้แค่แค่คิด รัก คำว่ารักคำเดียว เราโง่มากไหมวะ” และแล้วแก้มทั้งสองข้างก็ถูกอุ้งมือหนาประคองให้หันกลับไปสบตาอีกครา “การรักใครสักคน ไม่ใช่เรื่องที่โง่เง่าหรอก ” ขนาดเรารักเธอ เรายังไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองโง่รึเปล่า “โนเหมือนยาวิเศษอย่างที่นาราบอกจริง ๆ คิดไม่ผิดเลยที่เล่าระบายให้โนฟัง ขอบใจโนนะ” เขาว่า พลางลุกขึ้นแล้วก้าวขาไปข้างหน้า ก้าวแต่ละก้าวห่างกันไม่ถึงก้าว แต่ทำไมหัวใจฉันรู้สึกว่ามันห่างไปไกลแสนไกลเหลือเกิน.....
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD