No & Not
นับตั้งแต่วันที่นาราเตือนสติฉัน นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วล่ะ ที่ฉันเริ่มสนใจน็อตน้อยลง ส่วนตัวเขาเองก็ยังจมอยู่กับความอ้างว้าง ที่ข้าง ๆ ไม่มีแฟนสาวอย่างปีใหม่มาวนเวียนอยู่ใกล้
แต่เขาก็ยังใช้ เหล้าเพื่อย้อมใจอยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส น็อตเข้าร้านเหล้าแทบทุกวัน บุหรี่ก็สูบมากขึ้น เหตุเพราะเครียด และ บอกอีกว่ามันจะช่วยให้นอนหลับได้
ไม่ได้มีประโยชน์อะไรสักนิด
“แล้วนี่มึงเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะวะ แดกอย่างกับมีเงินติดบัญชีเยอะ ที่แท้ติดลบไอ้ห่า”
ไม้ฟืนเอ่ยปากแซว คนที่เข้าร้านเหล้าบ่อยยิ่งกว่าร้านสะดวกซื้อเสียอีก
เจ้าตัวนั้นลอยหน้าลอยตา กลางวันก็เห็นว่าเป็นคนปกติ กลางคืนนี่นั่งร้านเหล้าอย่างกับขี้เมาข้างถนน คน ๆ นี้เอาแน่เอานอนด้วยไม่ได้เลย ห้ามไปก็เปลืองลมปากเปล่า ๆ
“กินไหม”
เขาไม่ตอบคำถามของไม้ฟืน กลับยื่นแก้วน้ำกระเจี๊ยบที่ถือติดมือมาเมื่อครู่ส่งให้ฉัน
“ไอ้เพื่อนเลว กูพูดกับมึงอยู่นะ”
ไม้ฟืนผลักไหล่เขา แล้วเดินหุนหันออกจากโต๊ะไป คงจะไปหาอะไรดื่มแก้กระหาย เขาไม่ได้โกรธกันจริงจังหรอก
“โน... ”
และเป็นเพราะฉันเอาแต่มองตามหลังเพื่อนอีกคนมากเกินไป น็อตอาศัยจังหวะที่ฉันเผลอ ผลักทีน่าออกห่างจากฉันแล้วตัวเขาก็เข้ามานั่งแทนที่
“อ่า... เดี๋ยวกิน ขอทำอันนี้ก่อน”
ฉันตอบไปโดยไม่ได้หันไปมองว่าเขาแสดงสีหน้าอะไร เสียงฮึดฮัดของลมหายใจคนข้าง ๆ ทำให้ฉันรู้ได้ ว่าเขากำลังหงุดหงิด
“พี่คะ... ”
เราทั้งสามหันไปพร้อมกันทางต้นเสียง
“พี่คนนี้น่ะค่ะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ”
พอมองตามสายตาหวานซึ้งนั่น เราก็เห็นตรงกัน ว่าคนที่น้องพูดถึงอยู่นั้น คือน็อต
“พอดีว่าพี่ไปโผล่อยู่ในคลิปของคนนี้อ่ะค่ะ หนูจำพี่ได้ ขอถ่ายรูปก่อน พอพี่ดังแล้วหนูจะได้เอารูปไปอวดเพื่อน”
สาวน้อยตรงหน้าส่งยิ้มแหย ๆ ชูหน้าจอมือถือที่ปรากฏคลิปงานบวชของเน็ตไอดอลคนหนึ่ง ซึ่งกำลังโด่งดังในโลกโซเชี่ยลให้เราสามคนดู
มีน็อตอยู่ในคลิปนั้นจริง ๆ แต่ข้างกายเขาก็มีสาวสวยคนนั้นอยู่ด้วย สาวสวยที่ปากบอกว่าห่าง แต่ร่างกายคงอยู่ข้าง ๆ กันแทบตลอดเวลานั่นเอง
“ออกไปสิ”
ฉันเอ่ยบอก
“ว่าอะไรนะ”
น็อตเลิ่กคิ้วคล้ายจะประหลาดใจกับน้ำเสียงที่ฉันใช้
“มึงก็ลุกออกไปให้น้องเซลฟี่กับมึงไง”
ทีน่าดึงแขนเขาให้ลุกยืน น็อตมองฉัน แม้จะเดินไปยืนขนาบข้างแล้วปั้นหน้ายิ้มให้กล้องแล้ว ก็ยังไม่วายจะปรายสายตามาจ้องฉันอีกครั้ง
“ขอบคุณพี่มาก ๆ นะคะ พี่สาวอย่าหึงแฟนพี่เลยนะ หนูไม่ได้จะเอารูปแฟนพี่ไปทำมิดีมิร้าย หนูเอาไปไว้อวดเพื่อนจริง ๆ ค่ะ อย่าโกรธกันเลยนะ”
คำขอบคุณเธอบอกกับน็อต แต่คำหลัง ๆ เธอหันมาพูดกับฉัน
ซึ่งมัน.....
“ไม่ใช่แฟ... ”
“ไม่เป็นไรครับ น้องไปเถอะ เธอไม่หึงพี่หรอกครับ”
เสียงของฉันขาดห้วงไป เพียงเพราะว่าน็อตได้เอ่ยปากใช้เสียงของเขากลบด้วยการเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างเสียมารยาท
ฉันยังไม่ทันได้ปฏิเสธเลย!
“น้องเข้าใจผิดแล้วนั่น”
ฉันตำหนิคนที่ยืนทำหน้านิ่ง มองจ้องฉันอย่างกับจะหั่นฉันเป็นชิ้น ๆ
เป็นเรารึเปล่าที่ควรโกรธ ถ้าเกิดปีใหม่รู้เข้า จะเอามาโทษว่าฉันผิดไม่ได้นะ.....
“ช่างสิ ใครสน”
คนไม่รู้ร้อนรู้หนาวคือเขา ส่วนคนที่วันโดนแดดเผาคือฉัน
ลำพังแค่เป็นเพื่อนกัน แฟนสาวตัวจริงยังไม่ชอบใจ เกิดน้องคนนี้เอาไปพูดถึงไหนต่อไหน ฉันคนนี้ไม่ต้องเนรเทศตัวเองออกจากวงจรชีวิตของเขาเลยเหรอ
ทำไมไม่คิดว่าคนอื่นจะลำบากใจบ้าง
“แต่เราสนไง ถ้าปีใหม่รู้เข้า เราจะ.... ”
“หยุดพูดถึงคนอื่นสักที น่าเบื่อ”
น็อตดูหัวเสียกับสิ่งที่ฉันพูด เขาเดินหนีออกไปคล้ายจะระงับความโมโห ด้วยการไปหาที่ไหนสักที่เพื่อสงบสติอารมณ์
“ปล่อยมัน”
ทีน่าที่นั่งดูสถานการณ์อยู่สักพักเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“แล้วโนพูดผิดตรงไหนอะที”
ฉันทำเสียงดังใส่เพื่อนอีกคนอย่างที่ไม่ค่อยจะทำ อยู่ดี ๆ ก็หงุดหงิด ฉันทำผิดอะไรนัก พูดถึงคนอื่นที่ไหนกัน ก็นั่นมันแฟนของเขาไม่ใช่หรือไง ฉันไม่ได้ชอบสร้างความร้าวฉานให้ชาวบ้านไง ทำไมต้องทำท่าทางเหมือนว่าฉันผิด!
“มึงไม่ผิดหรอก มันน่ะบ้า”
ฉันเห็นด้วยนะ แต่จะให้หัวเราะร่าอารมณ์ดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นทีฉันคงจะทำไม่ได้หรอก
บรรยากาศในกลุ่มเริ่มอึมครึม เมื่อคนที่ไม่ยอมรับความผิดของตนไม่ยอมปริปากพูดอะไร เอาแต่ใจ เหวี่ยงใส่ทุกคนที่พูดถึงแฟนสาวของเขา
นิสัยไม่ดี!
“อธิบาย”
นาราเอาจอมือถือมาจี้ใส่หน้าน็อตแบบจัง ๆ
“ไหนว่าเลิก มึงมันตอแหล”
ทีน่าผลักไหล่เขาแรง ๆ
“ยอมเจ็บไม่ยอมเหงาเหรอมึง”
ไม้ฟืนไหวไหล่เมื่อมองภาพนั้นที่ทั้งสองคนใกล้ชิดกันแค่ไหน
“. . . . .”
ไม่มีคำถามอะไรจากปากฉัน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่ฉันชอบมอง ตอนนี้ไม่อยากแลตาไปหาด้วยซ้ำ
“ถ้ากูบอกว่าบังเอิญเจอ เดี๋ยวก็หาว่ากูโกหกอีก”
รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตจากสายตาใครบางคนที่เพ่งเล็งมาทางนี้
“แล้วแต่พวกมึงเลย”
เขาตัดบท แบบรำคาญ เหมือนไม่ต้องการให้ใครถามอีก อย่างไรอย่างนั้น
แต่ฉันยังคาใจกับเรื่องหนึ่ง ซึ่งเขาต้องมีคำตอบที่โอเค ไม่อย่างนั้นฉันต้องตกเป็นผู้ต้องหา
หาว่าฉันเป็นแฟนกับเขา!
“แล้วทำไมไม่ปฏิเสธตอนน้องเขาพูด”
ทนไม่ไหวเลยถามออกไปตรง ๆ
“พูดว่าอะไร”
เขายกยิ้มมุมปาก มองฉันด้วยแววตาที่ไว้ใจไม่ได้
“น็อต... ”
ฉันเผลอเสียงดังใส่เขาอีกแล้ว
“ที่บอกว่าเธอเป็นแฟนกับเราอะนะ”
เขาย้ำคำ และจงใจพูดจี้ใจดำของฉันเล่น ๆ
สองคนที่ไม่รู้เรื่องราว ก็เลยหันมามองเป็นตาเดียวกัน
“อยากเป็นไหมล่ะ”
เขากำลังกวนตีนฉันอยู่แน่ ๆ
“ไม่”
ปากฉันมันก็ไว ทั้งที่ใจเต้นตึกตักกระตุกอย่างรุนแรงไปแล้ว
“งั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องแก้ข่าว น้องเป็นใครก็ไม่รู้ ถ้าไปพูดก็ช่างเธอสิ”
เขานี่มัน.....
“หัดคิดถึงจิตใจคนอื่นซะบ้างเถอะ ไม่ใช่ตัวเองต้องถูกอยู่ฝ่ายเดียว อีกอย่างเราก็เสียหาย เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ เกิดผู้หญิงของน็อตมารู้มาได้ยินเข้า เราจะทำยังไง”
คงเป็นอีกวันในรอบปี ที่ฉันพูดค่อนข้างยาว ทำไมไม่เคยเข้าใจคนอื่นบ้าง อย่างน้อยฉันก็เพื่อนเขาคนหนึ่ง ควรคิดถึงความรู้สึกของฉันบ้าง
“ถ้าเห็นว่าเรายังเป็นเพื่อนกัน อย่าทำแบบนี้อีก”
ความรู้สึกที่แสดงออกมากไม่ได้ มันอึดอัดแบบนี้นี่เอง
ต้องเก็บซ่อนให้ลึก อยู่ภายใต้คำว่า 'เพื่อนกัน'