ในตอนเช้าคนที่นอนอยู่บนเตียงกลับไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมารับเช้าวันใหม่ ข้าวปั้นยังคงหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ใบหน้าของเธอซีดเผือด ริมฝีปากแห้งผาก และมีเหงื่อซึมอยู่ตามไรผมอย่างเห็นได้ชัด
รามินทร์ตื่นขึ้นมาก่อนเป็นชั่วโมงแล้ว วันนี้เขาตัดสินใจโดดงานอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อที่จะได้อยู่ดูแลคนรักที่เมื่อคืนนี้ผ่านสมรภูมิรบกับเขามาอย่างโชกโชน...และเขาก็รู้ดีว่าการ ‘สด’ โดยไม่ป้องกันเมื่อคืนนั้น มันเป็นความเสี่ยงที่เขาในฐานะแพทย์ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
เขาแตะหลังมือลงบนหน้าผากของเธอแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว...ตัวเธอร้อนจี๋เหมือนไฟ
“ไข้ขึ้นจนได้...” เขาพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นกังวล ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะการตากฝนเมื่อหลายวันก่อนที่เพิ่งจะแสดงอาการ หรือเป็นผลข้างเคียงจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงและไม่ป้องกันเมื่อคืน
เขาค่อยๆ ลุกจากเตียงอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้เธอตื่น เดินไปหยิบปรอทวัดไข้และผ้าขนหนูผืนเล็กไปชุบน้ำหมาดๆ กลับมาที่เตียง เขาสอดปรอทเข้าไปใต้ลิ้นของเธออย่างนุ่มนวลที่สุด ก่อนจะเริ่มใช้ผ้าเช็ดตัวให้เธออย่างเบามือ
ตัวเลขบนปรอทที่พุ่งสูงเกือบ 39 องศาเซลเซียส ยิ่งทำให้ความกังวลของเขาเพิ่มมากขึ้น
“อืมมม...” ข้าวปั้นเริ่มขยับตัวอย่างไม่สบายตัว เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าของรามินทร์ที่กำลังมองเธอด้วยแววตาเป็นห่วง
“พี่หมอ...” เธอเรียกเสียงแหบพร่า
“ครับ...พี่อยู่นี่” เขาตอบเสียงนุ่ม เปลี่ยนสรรพนามตามที่เคยชินเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง “รู้สึกไม่สบายตัวใช่ไหม...ไข้ขึ้นสูงเลยนะเรา”
“หนาว...” เธอพึมพำ ก่อนจะขดตัวเข้าหากันมากขึ้น “ปวดหัวด้วยค่ะ”
“เดี๋ยวพี่ไปเอายามาให้นะ...แล้วก็ทำข้าวต้มร้อนๆ ให้กิน...จะได้มีแรง” เขาพูดพลางลูบผมเธออย่างอ่อนโยน
ข้าวปั้นไม่ได้ตอบอะไร เธอแค่พยักหน้าเบาๆ แล้วก็หลับตาลงอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย แต่ถึงแม้จะหลับไป...เธอก็ยังคงละเมอออกมาเป็นระยะๆ
รามินทร์เดินเข้าไปในครัว จัดการต้มข้าวต้มหมูสับง่ายๆ และเตรียมยาแก้ไข้ให้เธออย่างคล่องแคล่ว ระหว่างที่รอข้าวต้มสุก เขาก็เดินกลับมาเช็ดตัวให้เธออีกครั้ง
พิษไข้ทำให้สติของข้าวปั้นเลื่อนลอย ความทรงจำและภาพในหัวของเธอเริ่มปะปนกันมั่วไปหมด
“คุณหมอ...รามิล...” เธอละเมอออกมาเบาๆ
รามินทร์ที่กำลังเช็ดแขนให้เธอถึงกับชะงักมือ...รามิล?...ชื่อนี้...
ครั้งแรกที่ได้ยิน...เขาคิดว่าเธออาจจะแค่เรียกชื่อเขาผิดเพราะความเมา แต่ครั้งนี้...เธอละเมอเรียกชื่อนี้ออกมาในตอนที่ป่วย...มันหมายความว่ายังไงกันแน่? ชื่อของผู้ชายคนนี้มันคงจะฝังใจเธออยู่ไม่น้อย
ความรู้สึกหวงแหนและไม่พอใจแล่นปราดขึ้นมาในใจของเขาอย่างห้ามไม่ได้
“พี่ชื่อรามินทร์ครับ” เขาแกล้งพูดแก้เสียงเรียบ แม้จะรู้ว่าเธออาจจะไม่ได้ยินก็ตาม
แต่ดูเหมือนเธอจะได้ยิน...
“ไม่ใช่...” เธอส่ายหน้าเบาๆ ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ “คุณหมอรามิล...ใจร้าย...เขาไม่รักปั้น...ฮึก...”
อยู่ๆ เธอก็สะอื้นออกมาเบาๆ เหมือนเด็กน้อยที่ถูกขัดใจ น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลซึมออกมาจากหางตา
ภาพนั้นทำให้หัวใจของรามินทร์กระตุกวูบ...ความรู้สึกหึงหวงเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความสงสารและอยากจะปกป้องขึ้นมาทันที ไอ้หมอรามิลที่ไหนกันนะ...ที่มันกล้าทำร้ายหัวใจของผู้หญิงที่น่ารักคนนี้ได้ลงคอ
เขาเช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงไปจูบที่เปลือกตาของเธอ
“เขาไม่รักก็ช่างเขาสิครับ...” เขากระซิบปลอบ “แต่พี่รักเรานะ...รักที่สุดเลย”
ราวกับคำพูดของเขาจะส่งไปถึง...น้ำเสียงละเมอของเธอก็เปลี่ยนไป
“พี่หมอ...รามินทร์...” คราวนี้เธอเรียกชื่อเขาถูกแล้ว “พี่หมอของปั้น...อย่าทิ้งปั้นไปไหนนะคะ...ฮื่อ...”
“ไม่ทิ้งครับ...ไม่ไปไหนทั้งนั้น...จะอยู่ตรงนี้...อยู่กับปั้นตลอดไป” เขาให้คำมั่นสัญญา กุมมือของเธอไว้แน่น
เขาปล่อยให้เธอหลับต่ออีกสักพัก ก่อนจะกลับไปยกข้าวต้มที่อุ่นพอดีแล้วกลับมาที่ห้องนอน เขาค่อยๆ ประคองเธอให้ลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง
“คนเก่ง...ตื่นมากินข้าวกินยาก่อนนะครับ...จะได้หายเร็วๆ”
ข้าวปั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ดูเหมือนเธอจะมีสติมากขึ้นเล็กน้อย เธอมองหน้าเขาด้วยแววตาที่ยังคงฉ่ำเยิ้มไปด้วยพิษไข้
“เหนื่อยมั้ยคะ...ที่ต้องมาดูแลคนป่วย” เธอถามเสียงแผ่ว
“ไม่เหนื่อยเลยครับ” เขายิ้ม “ได้ดูแลแฟนตัวเอง...มีความสุขจะตายไป”
เขาค่อยๆ ตักข้าวต้มป้อนเธอทีละคำ...ทีละคำ...อย่างใจเย็น จนเธอทานไปได้เกือบครึ่งชาม ก่อนจะตามด้วยยาแก้ไข้
“นอนพักต่อนะครับ...เดี๋ยวพี่จะเช็ดตัวให้เรื่อยๆ...ไข้จะได้ลด”
เธอพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้...เธอกลับคว้าชายเสื้อของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“อยู่ตรงนี้นะคะ...อย่าไปไหน”
“ครับ...พี่ไม่ไปไหน” เขายืนยันคำเดิม ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ เธอ ดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนอย่างหลวมๆ เพื่อให้เธอได้รับไออุ่น
พิษไข้และความอ่อนเพลียทำให้ข้าวปั้นกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เธอจะหลับสนิท...เธอก็พึมพำประโยคสุดท้ายออกมา...ซึ่งมันทำให้รามินทร์ที่ได้ยินถึงกับยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุขที่สุด
“รักพี่หมอนะคะ...คุณหมอรามินทร์...คนเดียว...”
เขาก้มลงจูบที่ผมของเธออีกครั้ง กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น...ไม่ว่าไอ้หมอรามิลคนนั้นจะเป็นใคร...ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว...เพราะในตอนนี้และตลอดไป...หัวใจของเธอเป็นของเขา...นายแพทย์รามินทร์ วงศ์วริศ...เพียงคนเดียวเท่านั้น...