พอคิดดังนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเข้าเฝ้าผู้เป็นบิดาเสร็จ หลี่อวิ้นกุยก็รีบตรงไปยืนรอบริเวณหน้าท้องพระโรง เพื่อจะรอพูดคุยกับหัวหน้าหน่วยฝั่งซ้ายผู้เป็นพี่ชายของโจวหลิวอิง จากนั้นเขาก็เอ่ยปากชวนอีกฝ่ายไปเยี่ยมเยือนน้องสาวของเจ้าตัวที่เรือนพักรับรอง... ยามได้ก้าวขาเข้าไปภายในเรือน...หลี่อวิ้นกุยก็แอบคิดในใจว่า ในเมื่อตัวเขาสามารถเดินเข้าไปภายในเรือนได้แล้ว เช่นนั้นก็แปลว่า หลังจากนี้เขาก็จะสามารถลอบเข้ามาปรับความเข้าใจกับเมิ่งเจียวซินได้ แต่ทว่าพอเขาก้าวขาออกจากเรือนพักรับรองได้แค่เพียงแค่สองก้าว โจวหลิวเสี่ยนที่เหมือนจะอ่านการกระทำของเขาออก ก็บอกให้หลี่อวิ้นกุยได้รับรู้ว่า โจวหลิวอิงยังไม่ได้เอ่ยปากอนุญาตให้เขาเข้าออกภายในเรือน แล้วการที่เมื่อครู่ตัวเขาสามารถเข้าไปภายในเรือนพักรับรองได้ นั่นก็เป็นเพราะผู้ที่มีสายเลือดเดียวกับโจวหลิวอิงอนุญาตให้ติดตามเข้าไป ดังนั้นหากไม่มีโจวหลิวเสี่ยนพาเ

