ยามบ่ายอากาศร้อนจัดในรั้วมหาวิทยาลัย ลานคณะคึกคักไปด้วยกลุ่มนักศึกษาที่เพิ่งเลิกเรียน ต่างจับกลุ่มพูดคุยเสียงดังบ้าง หัวเราะเฮฮาบ้าง ภาพนั้นคงดูธรรมดาสำหรับใคร ๆ แต่สำหรับภีม เขากลับมองเห็นเพียงคน ๆ เดียวที่สะดุดตากว่าทุกสิ่ง
“ลินนนน!” เสียงตะโกนลากยาวดังมาจากทางเดิน
หญิงสาวหันขวับตามเสียง พลันเห็นภีมวิ่งฝ่าฝูงชนมาทางเธอ มืออีกข้างถือขวดน้ำพลาสติกโยกไปมาเหมือนจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะเดินธรรมดา เขามักทำอะไรแบบนี้เสมอ—เรียกร้องความสนใจในแบบที่ทำให้เธอทั้งหมั่นไส้และอดยิ้มไม่ได้
“เสียงดังไปทั้งคณะแล้วภีม” ลินเท้าเอว “อายเขาบ้างมั้ย”
“อายทำไมล่ะ ก็เรียกแฟนตัวเองนี่” เขาตอบหน้าตาย ก่อนยื่นขวดน้ำให้เธอ “ดื่มสิ ร้อนแบบนี้เดี๋ยวเป็นลม”
ลินกลอกตา แต่ก็รับมาอยู่ดี เธอยกขึ้นดื่มแล้วมองเขาอย่างเอือม ๆ
“จะให้เชื่อดีมั้ยว่าที่ซื้อมานี่เพราะห่วง…ไม่ใช่ว่าตั้งใจมาหยอด”
ภีมยักคิ้ว ยิ้มกวน ๆ “หยอดด้วย ห่วงด้วย ดื่มน้ำฟรีแถมความรักด้วย สนมั้ยครับคุณลิน”
“ทะลึ่ง!” เธอหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนใช้มือทุบแขนเขาเบา ๆ
⸻
คาบต่อมา ทั้งคู่เดินมาถึงห้องเรียนใหญ่ของวิชาเลือก ภีมยังไม่เลิกความทะเล้น พอเห็นเพื่อนผู้ชายในห้องมองลินบ่อย ๆ เขาก็แกล้งโอบไหล่เธอเหมือนหวง
“นี่ ๆ อย่าทำตัวเป็นเจ้าของขนาดนั้นสิ” ลินกระซิบเสียงเขิน
“ก็เป็นเจ้าของจริง ๆ นี่นา” ภีมกระซิบตอบพร้อมทำหน้าทะเล้น จนลินต้องตีไหล่เขาอีกครั้ง
พวกเพื่อน ๆ ที่นั่งใกล้ ๆ แซวกันเสียงดัง บางคนถึงกับตะโกน “พอเถอะหวานกันเกินไปแล้ว!” ทำให้ทั้งคู่รีบปล่อยมือออกจากกัน แต่สายตาที่มองสบกันยังเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจซ่อน
⸻
หลังเลิกเรียน ภีมลากลินไปโรงอาหาร ทั้งคู่สั่งข้าวมานั่งกินด้วยกันเหมือนทุกวัน
“ภีม นายเลิกเจ้าชู้ได้รึยังเนี่ย” ลินถามขึ้นระหว่างตักข้าวเข้าปาก “เมื่อกี้เห็นไปยิ้มให้รุ่นน้องด้วยนะ”
ภีมทำหน้าตกใจเกินจริง “อ๋อ รุ่นน้องคนนั้นเหรอ ยิ้มให้เพราะเขาขายของฝากเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงจริ๊ง”
“หึ…นายก็พูดแบบนี้ทุกที” ลินทำเสียงงอน แต่รอยยิ้มยังซ่อนอยู่ที่มุมปาก
ภีมก้มหน้าลงใกล้เธอเล็กน้อย พูดเสียงเบา ๆ ที่มีเพียงเธอได้ยิน “ถึงฉันจะเจ้าชู้บ้าง แต่ก็รักเธอคนเดียว รู้มั้ย”
ลินชะงัก หัวใจเต้นแรงจนเธอต้องเบือนหน้าหนี แต่ความเขินนั้นก็ทำให้เธอยิ้มกว้างกว่าเดิม
⸻
เมื่อพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ทั้งคู่เดินเล่นไปยังสนามหญ้ากว้างที่ตอนนี้คนเริ่มบางตา ต้นหูกวางที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีร่วงโปรยทำให้บรรยากาศโรแมนติกโดยไม่ต้องพยายาม
พวกเขานั่งลงที่ม้านั่งไม้ซึ่งกลายเป็นมุมโปรดตั้งแต่ปีหนึ่ง เงียบไปชั่วขณะ มีเพียงเสียงลมที่พัดเอื่อย ๆ
อยู่ ๆ ลินก็พูดขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความลังเลและเศร้าที่ภีมไม่คุ้นเคย
“ภีม…ถ้าวันหนึ่งเขาหายไป เธอจะตามหาเขามั้ย”
คำถามนั้นทำให้บรรยากาศที่เคยผ่อนคลายแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันที…
“ถามอะไรแปลกๆอีกแล้วนะลิน…” เขายื่นมือไปขยี้ผมเธอเล่น “แน่นอนสิ ฉันก็ต้องตามหาอยู่แล้ว”
รินไม่หัวเราะตามเหมือนทุกที ดวงตาเธอหม่นเศร้าจนภีมเริ่มรู้สึกผิดที่พูดติดตลกออกไป เขาจึงจับมือเธอไว้แน่นขึ้น ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านปลายนิ้ว
“แล้วถ้า…เราเองเป็นฝ่ายหายไปล่ะ” เธอก้มหน้าพึมพำ น้ำเสียงสั่นพร่าเล็กน้อย “เธอสัญญาได้มั้ยว่าจะไม่ปล่อยฉันไปง่าย ๆ”
ภีมมองเธอเงียบ ๆ หัวใจสั่นไหวกับคำถามนั้น ทั้งที่ปกติแล้วรินไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ แต่วันนี้กลับดูเปราะบางผิดปกติ เขาไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็อยากทำให้เธอสบายใจที่สุด
เขายกนิ้วก้อยขึ้นตรงหน้า “สัญญา”
รินชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนน้ำตาจะเอ่อคลอโดยไม่รู้ตัว เธอยื่นนิ้วก้อยเกี่ยวกับเขา ยิ้มทั้งน้ำตา
“สัญญาแล้วนะ…”
ภีมพยักหน้า แม้ในใจจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็เก็บเงียบไว้ เขาไม่อยากทำให้เธอกังวลมากกว่านี้
พร้อมพูด “เขาสัญญา”
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง แสงสุดท้ายของวันส่องทาบบนใบหน้าของทั้งคู่ ราวกับต้องการบันทึกภาพนั้นไว้ตลอดกาล
ไม่มีใครรู้เลยว่า “สัญญา” ที่พวกเขาเพิ่งให้กันในเย็นวันนั้น… จะกลายเป็นพันธนาการที่เจ็บปวดไปชั่วชีวิต