ฝนตกตลอดทั้งวัน
เม็ดฝนโปรยลงกระจกห้องนั่งเล่นอย่างอ้อยอิ่ง เสียงเปียกแฉะจากด้านนอกดังคลอไปกับเสียงเปียโนเงียบงันที่ไม่มีใครกล้าแตะอีกเลย
ลินนั่งอยู่ตรงนั้น สวมเสื้อไหมพรมสีครีม ผมเผ้าระหลาดเล็กน้อยจากคืนที่ไม่ได้หลับ
บนตักของเธอคือกรอบรูปของภีม — รูปที่แตกเมื่อคืนนั้น
เธอจ้องมันอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“ภีม…ถ้าฉันปล่อยเธอไปจริง ๆ เธอจะไม่โกรธฉันใช่ไหม…”
ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงเสียงลมพัดผ่านหน้าต่าง ราวกับคำตอบนั้นถูกกลืนหายไปกับสายฝน
⸻
ธามเดินเข้ามาในห้อง เขาถือถ้วยชาร้อนวางลงข้าง ๆ เธอ
“วันนี้เธอยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
ลินส่ายหน้า “ไม่อยากกิน…รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรติดอยู่ในคอ”
ธามนั่งลงข้าง ๆ เขาไม่พูดอะไร เพียงนั่งอยู่เงียบ ๆ เคียงข้างเธอ
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาจึงเอ่ยเสียงแผ่ว
“ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย…แต่บางครั้ง การปล่อยให้คนที่เรารักได้ไปต่อ อาจเป็นการรักที่สุดแล้ว”
ลินหันมามองเขา น้ำตาคลอ
“แต่ฉันกลัว…ถ้าฉันปล่อยเขาไป ฉันจะลืมเขาจริง ๆ ฉันจะเหลืออะไรไว้บ้าง…”
ธามเอื้อมมือมากุมมือเธอแน่น
“เธอจะเหลือทุกอย่างที่สวยงามไว้ในใจ…ไม่จำเป็นต้องลืม แค่เรียนรู้ที่จะอยู่กับความคิดถึงให้ได้”
⸻
คืนนั้น ธามแอบโทรหาภิกขุที่รู้จัก เพื่อขอให้ช่วยทำพิธีส่งวิญญาณให้
และในคืนวันเสาร์ พวกเขานัดกันที่วัดบนเนินเขาเล็ก ๆ นอกเมือง
แสงเทียนส่องสว่างรอบศาลา กลิ่นกำยานลอยอวล
ลินแต่งกายด้วยชุดขาวเรียบ ดวงตาบวมแดงจากการร้องไห้หลายวัน
พระชรานั่งอยู่ตรงหน้า เอ่ยด้วยเสียงสงบ
“บางวิญญาณยังคงวนเวียน เพราะเขายังห่วง ยังไม่แน่ใจว่าคนที่เขารักจะอยู่ได้ไหม ถ้าเธออยากให้เขาสงบ ก็ต้องทำให้เขารู้ว่าเธอจะอยู่ได้จริง ๆ”
ลินพยักหน้าเบา ๆ มือสั่นเทา “ฉันจะพยายามค่ะ”
⸻
เสียงสวดมนต์เริ่มขึ้น
ลมเย็นพัดวูบเข้ามา ไฟเทียนไหวระริก แสงสว่างกระพริบระหว่างบทสวด
ลินหลับตา ภาพของภีมย้อนกลับมาในหัว —
วันที่เขายิ้มให้เธอข้างสนามหญ้า วันที่เขาแกล้งทำท่าทะเล้นตอนเธอโกรธ วันที่เขากุมมือเธอแน่นในวันสุดท้ายก่อนจบการศึกษา
เธอเริ่มร้องไห้ น้ำตาไหลเงียบ ๆ
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูเธอ — ชัดเจนเหมือนมีใครอยู่ตรงนั้น
“อย่าร้องนะลิน…ฉันอยู่ตรงนี้”
ลินลืมตาขึ้นช้า ๆ
เบื้องหน้าเธอ มีร่างของภีมยืนอยู่ในแสงสลัว เขายิ้มเศร้าเหมือนเดิม
ดวงตาอบอุ่นแต่เต็มไปด้วยความปวดร้าว
“ภีม…” เธอกระซิบ “ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน”
“ฉันรู้…” เขาเดินเข้ามาใกล้ มือเอื้อมมาสัมผัสแก้มเธอ แม้ไม่มีไออุ่น แต่ความรู้สึกกลับชัดเจนเหมือนจริง
“อย่าร้องเพราะฉันเลยลิน ฉันอยากให้เธอยิ้มอีกครั้ง เหมือนวันที่เราเจอกันครั้งแรก”
“แต่ฉันกลัว…กลัวว่าเธอจะหายไปจริง ๆ”
ภีมยิ้มอ่อนโยน “ฉันไม่ได้หายไปไหน แค่จะอยู่ในที่ที่เธอมองไม่เห็น”
เขาก้าวถอยหลังทีละก้าว ร่างเริ่มจางลง
เสียงลมดังขึ้นเหมือนคำร่ำลา
“ขอบคุณที่รักฉัน…เธอคือทั้งหมดของชีวิตฉัน”
“ภีม…อย่าไปนะ!” ลินร้องไห้สะอึกสะอื้น
แต่ร่างของเขาเพียงยิ้ม ก่อนหายวับไปพร้อมกับแสงเทียนที่ดับลงในวินาทีนั้น
⸻
เสียงสวดหยุดลง ความเงียบปกคลุมทั่วศาลา
ลินทรุดลงกับพื้น มือจับกรอบรูปแน่น น้ำตาไหลไม่หยุด
ธามรีบเข้ามาพยุงเธอ
“เขาไปแล้ว…” ลินพูดเสียงแผ่ว “เขา…ยิ้มให้ฉันก่อนจะหายไป”
ธามไม่พูดอะไร เขาเพียงกอดเธอแน่น ปล่อยให้เธอร้องไห้ระบายความเจ็บปวดทั้งหมดออกมา
ฝนหยุดตกแล้ว พระจันทร์โผล่พ้นเมฆเป็นครั้งแรกในหลายวัน
แสงจันทร์ส่องผ่านศาลา สะท้อนลงบนกรอบรูปภีม —
ใบหน้าของเขายังยิ้มอยู่ เหมือนจะบอกว่า “ตอนนี้ฉันได้พักแล้ว”