ตอนที่ 1 ประมูลราตรี

1170 Words
ณ เมืองหลิวหยาง เกาะเล็กๆ ที่อยู่ในมหาสมุทรหยางสือในเขตการปกครองแคว้นฉู่ เมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีทะเลสีครามท้องฟ้าสดใส หาดทรายสีขาวเนียนละเอียดน่าสัมผัส จนผู้คนต่างขนานนามดินแดนแห่งนี้ว่า ‘เกาะสวรรค์’ บนเกาะสวรรค์แห่งนี้ย่อมมีสิ่งที่ดึงดูดใจอยู่มากมาย และหนึ่งในสิ่งที่ขึ้นชื่อของเมืองหลิวหยางแห่งนี้ย่อมเป็นสิ่งใดไปไม่ได้นอกจากผ้าไหมสกุลฝู ลือกันว่าผ้าไหมของโรงทอผ้าสกุลฝูผลิตมาจากหนอนไหมทะเลหายาก หนึ่งปีผลิตได้เพียงสิบผืนเท่านั้น แถมคุณสมบัติของผ้าไหมสกุลฝูหาใช่ว่ามีแต่เพียงคำเล่าลือเพียงอย่างเดียว ว่ากันว่าเมื่อสามสิบปีก่อนฮ่องเต้แคว้นฉินเกิดอาการผื่นคันไปทั่วทั้งตัว ไม่ว่าจะรักษาอย่างไรอาการก็ไม่หายขาดมาร่วมปี ประจวบเหมาะกับทางแคว้นฉู่อยากจะสัมพันธไมตรีกับฝ่ายตรงข้าม ผ้าไหมสกุลฝูจึงเป็นเครื่องบรรณาการชั้นหนึ่งเพื่อเอาใจแคว้นฉิน และหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เมื่อฮ่องเต้ได้สวมใส่อาภรณ์ที่ตัดเย็บจากผ้าไหมสกุลฝูแห่งเมืองหลิวหยาง เรื่องมหัศจรรย์ก็พลันบังเกิดขึ้น เพียงราตรีเดียวอาการผื่นคันที่เป็นๆ หายๆ นานนับปีกลับหายขาดไม่มาย่างกรายอีกเลย นับตั้งแต่นั้นมา ผ้าไหมสกุลฝูนับเป็นหนึ่งในสิ่งของหายากที่ผู้คนทั้งใต้หล้าล้วนกระหายใคร่อยากได้ผ้าวิเศษผืนนี้มาครอบครอง แถมราคาต่อผืนย่อมไม่อาจที่คนธรรมดาสามัญเดินดินจะเอื้อมมือถึงได้ ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้มีสิ่งใดบ้างที่ไม่มีข้อยกเว้น ลือกันว่าในปีนี้บุตรชายคนรองของสกุลฝูประกาศหาหญิงงามมาเคียงกาย หากสตรีนางใดสามารถทำให้ชายหนุ่มถูกตาต้องใจได้สำเร็จ หญิงงามผู้นั้นย่อมได้ผ้าไหมสกุลฝูเป็นสิ่งของตอบแทน เผลอๆ อาจจะได้ตำแหน่งฮูหยินที่ยังว่างอยู่ติดพ่วงมาด้วยก็เป็นได้… ทว่าในความเป็นจริงนั้น ผู้คนในเกาะสวรรค์แห่งนี้มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ถึงกิตติศัพท์ของคุณชายรองฝูจิ้นหง บุรุษผู้มากเล่ห์แถมยังพ่วงตำแหน่งชายหนุ่มผู้มากรัก นับตั้งแต่ต้นปีที่ฝูจิ้นหงประกาศหาคู่ กาลเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาได้ห้าเดือนแล้ว ทว่ากลับยังไม่มีสตรีนางใดทำให้คุณชายเจ้าสำราญผู้นี้รู้สึกถูกตาต้องใจเลยสักคนเดียว วันเวลาที่ผันผ่านในแต่ละวันสำหรับชายหนุ่มแล้วมันช่างน่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินตรา หรือสิ่งอื่นใด เขานั้นล้วนมีเพียบพร้อมจนชาติหน้าก็ใช้ไม่หมด จะขาดก็แต่เพียงคนรู้ใจเพียงเท่านั้น ที่ไม่ว่าเจ้าตัวจะพยายามค้นหามานานสักเพียงใด ก็มิอาจที่จะได้พานพบเสียที ณ โรงน้ำชาฉีเหมิน “หลี่จวิน ช่วงนี้ข้าชักรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก เจ้าว่าข้าควรหาอะไรทำสนุกๆ ดีหรือไม่” ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มที่มุมปากขณะที่หันไปถามองครักษ์หนุ่มข้างกายอย่างต้องการถามความเห็น “คุณชาย เรื่องสนุกที่ท่านว่าคืออะไรรึ?” หลี่จวินแสร้งเอ่ยถาม ขณะที่ดวงตาคมกลับระยิบระยับเป็นประกาย “หึๆ เจ้าอยู่กับข้ามาตั้งแต่เด็กยังไม่รู้อีกหรือว่าเรื่องสนุกที่ข้าว่าคืออะไร…” คนพูดยิ้มกรุ้มกริ่ม นัยน์ตาสีเข้มแพรวพราวเป็นประกายดุจดวงดารา “เมื่อวานข้าได้ข่าวว่าคืนนี้หอพิณสวรรค์จะมีการประมูลราตรีแรกของแม่นางเหม่ยลี่ หญิงงามจากแดนเหนือผู้มีใบหน้างามพิสุทธิ์ สะอาดหมดจดดุจน้ำค้างต้องแสงตะวัน คุณชายท่านสนใจหรือไม่ขอรับ” คำพูดของหลี่จวินเล่นเอาหูทั้งสองข้างของฝูจิ้นหงกางตั้งทันที “หากราตรีนี้ข้าปล่อยให้หญิงงามตกเป็นของชายอื่น เกรงว่าคงจะมิใช่ข้ากระมัง…” หลี่จวินถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นท่าทีของผู้เป็นนาย “ฮ่าๆ คุณชายท่านนี่ช่างขยันเก็บแต้มยิ่งนัก เหล่าแม่นางน้อยผู้งดงามในเมืองหลิวหยาง มีผู้ใดบ้างที่ท่านไม่เคยจับกิน คุณชายท่านก็เพลาๆ บ้างก็ดีนะขอรับ ข้าเป็นห่วงช่วงล่างของท่านยิ่งนัก” “หึๆ หลี่จวิน หากเจ้าจะบอกว่าข้าเป็นพวกกินไม่เลือก แล้วเจ้าเล่าเป็นอะไร?” “ฮ่าๆ ข้าเป็นเพียงองครักษ์ขอรับ” หลี่จวินคลี่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย สองนายบ่าวต่างจ้องตากันดั่งรู้ใจ “ดีๆ ราตรีนี้ข้าจะไม่พลาดเด็ดบุปผางามอย่างแน่นอน!” ราตรีย่างกราย บุปผาเพรียกร้อง… ณ หอพิณสวรรค์ เสียงเจือยแจ้วของเหล่าบุปผางามต่างเพรียกร้องเรียกเหล่าบรรดาแขกเหรื่อให้เข้ามายังหองามริมทะเลสาบ ที่ขึ้นชื่อว่ามีวิวทิวทัศน์งดงามดุจอยู่บนสรวงสวรรค์ และราตรีนี้ผู้คนมากมายต่างก็หลั่งไหลมาเยี่ยมเยือนหอคณิกาเลืองชื่อแห่งนี้อย่างเนืองแน่น เพราะราตรีนี้บุรุษผู้กระหายใคร่ในคืนแรกของหญิงงามช่างมากมายนัก ประดุจดั่งหมู่ภมรตามกลิ่นเพื่อมาดอมดมเหล่าบุปผางามแรกแย้มไม่มีผิด ยามเมื่อแสงจันทร์ส่องผ่านม่านราตรีที่แสนมืดมิด ก็เป็นดั่งเสียงระฆังบอกเวลาที่แสนสำคัญนั้นมาถึงแล้ว จางลี่แม่เล้าเลืองชื่อค่อยๆ เดินนวยนาดมายังแท่นยกสูงกลางเหล่าฝูงชน ใบหน้างามยิ้มแย้มอย่างมีจริตจะก้านแล้วค่อยๆ ชำเลืองมองเหล่าบรรดาบุรุษอย่างไม่อาจปกปิดแววตาแห่งความกระหายตื่นเต้นและยินดี “หนึ่งราตรีย่อมมีค่าดุจทองพันชั่ง หอพิณสวรรค์ของข้าน้อยช่างรู้สึกยินดีเป็นยิ่งนัก วันนี้หญิงงามจากแดนเหนือทำให้เหล่าคุณชายและนายท่านทั้งหลายสนใจกันมากมายถึงเพียงนี้ เอาล่ะๆ ข้าขอเข้าเรื่องสำคัญสำหรับกฎกติกาการประมูลราตรีแรกของแม่นางเหม่ยลี่ ครั้งนี้กฎเกณฑ์ของเรานั้นไม่เป็นดังเช่นครั้งก่อนๆ หอพิณสวรรค์จะไม่รับการประมูลด้วยเงินตรา หากแต่จะขอแข่งขันกันด้วยความสามารถอื่นแทน” สิ้นคำพูดของแม่เล้าจางลี่ เหล่าบรรดาคุณชายและเหล่านายท่านทั้งหลายต่างก็เสียงแตกเพราะความเห็นต่างกัน บ้างก็ชอบกฎกติกาใหม่ แต่บ้างก็ต้องการใช้เงินตราประมูลราตรีแรกเฉกเช่นเดิม ความขัดแย้งและเสียงโห่ร้องของเหล่าบรรดาบุรุษผู้ไม่พอใจในกติกาครั้งนี้มีเกินครึ่ง ทำให้ทางหอพิณสวรรค์ต้องเรียกผู้คุ้มกันมาห้ามทัพกันชุลมุน ราวครึ่งชั่วยาม* กว่าเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายจะสงบลง เหล่าบรรดาคุณชายและนายท่านทั้งหลายที่ไม่พอใจในกฏกติกาของหอพิณสวรรค์ต่างก็หนีหายไปเกินครึ่ง บ้างก็บาดเจ็บจากเหตุการณ์ชลมุนเมื่อครู่ ทำให้บุรุษผู้หวังเผด็จศึกบุปผางามเหลือเพียงครึ่งร้อยเพียงเท่านั้น * หนึ่งชั่วยาม = 2 ชม. / ครึ่งชั่วยาม = 1 ชม.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD