EP.1 คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว

2023 Words
© ผู้แต่งขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พุทธศักราช ๒๕๕๘ ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก เลียนแบบ ดัดแปลงหรือเผยแพร่ด้วยวิธีการอื่นใดโดยมิได้รับอนุญาต ติดต่อนักเขียน Facebook เพจ Writer ใจดินสอ / เดือนสิบสอง คำเตือน ***เนื้อหาในนิยายมีการบรรยายถึง คำหยาบคาย เหมาะสำหรับนักอ่านอายุ 18 ปีขึ้นไป*** นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงโดยจินตนาการของผู้เขียน ตัวละคร สถานที่และเหตุการณ์ในนิยายล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้นมาทั้งสิ้น ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนาลบหลู่หรือดูหมิ่นผู้ใด หากผิดพลาดประการใดผู้เขียนขออภัยไว้ ณ ที่นี้ __________ เจ้าถิ่น… ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ป้อม ๆ ของเด็กชายตัวน้อยวัยสี่ขวบพอดิบพอดีวิ่งเข้ามาหาฉัน หลังจากที่เจ้าตัวกระโดดลงจากเบาะรถทันทีที่พี่เลี้ยงเปิดประตูให้ นาทีนี้ถึงจะห้ามเพราะกลัวจะเกิดอุบัติเหตุก็คงไม่ทันแล้ว “ว้าว แม่เจ้าของพายัพสวยจังเยย สวยจังเยย สวยจังเยย” คนตัวเล็กถูมือป้อม ๆ สองข้างเข้าด้วยกันพลางวิ่งไปรอบ ๆ ตัวฉันที่ยืนอยู่ราวกับว่าเพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรก แต่เปล่าเลยที่เป็นแบบนี้เพราะวันนี้ฉันแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาต่างหากล่ะ ปกติแล้วจะสวมเสื้อช็อปกับกางเกงยีนส์ขาด ๆ มาเรียนเพราะถนัดและทะมัดทะแมงมากกว่า วันนี้คนบางคนเลยแปลกใจและตื่นเต้นเป็นพิเศษ อีกอย่างฉันออกมาเรียนแต่เช้าเราสองคนก็เลยไม่ได้เจอกันตอนฉันแต่งตัวเสร็จ “แล้วทุกวันแม่เจ้าไม่สวยเหรอครับ” ฉันอุ้มลูกชายตัวน้อยขึ้นก่อนจะกดปลายจมูกหนัก ๆ ลงบนแก้มตุ้ยนุ้ยทั้งสองข้างเพื่อสูดกลิ่นกายของลูกชายเข้าปอดให้ชื่นใจ หลังจากที่คิดถึงใจแทบขาดเพราะวันนี้ช่วงพักไม่ได้แวะไปส่องที่โรงเรียนอนุบาลที่ฉันฝากไว้ใกล้ ๆ นี้ “สวยฮะแต่วันนี้สวยกว่าทุกวันเล้ยย” เจ้าของน้ำเสียงร่าเริงตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเอื้อมมือป้อม ๆ มาแตะใบหน้าฉันเบา ๆ เมื่อเพิ่งจะสังเกตว่าวันนี้ฉันแต่งหน้ามาเรียน เพราะปกติแค่ทาแป้งและลิปมันเท่านั้น หากแต่งทุกอย่างจัดเต็มเกินไปก็คงไม่เหมาะกับสาขาที่ฉันเรียนนัก มันทำอะไรไม่สะดวก เรียนช่างยนต์น่ะไม่ค่อยได้นั่งเรียนสวย ๆ หรอกนะ “อร๊าย ลูกชายยยมาา อร๊ายคิดถึงจังเลยย” เสียงยัยผึ้งเพื่อนซี้ร้องกรี๊ดกร๊าดเมื่อเห็นคนในอ้อมแขนฉัน ก่อนจะวิ่งเข้ามาขย้ำแก้มตุ้ยนุ้ยทั้งสองข้างของคนตัวเล็กที่ดิ้นดุ๊กดิ้กในอ้อมแขน “แม่ผึ้งสวยจังเยยฮะ” เสียงใสของคนที่เพิ่งโดนหยิกแก้มพูดกับแม่คนที่สองของเขา “งื้ออ ทำไมถึงได้น่ารักน่าชังขนาดนี้นะลูกชาย วันเกิดปีนี้ลูกชายแม่อยากได้อะไรแม่ผึ้งจัดให้เลยค่ะ” คนถูกชมเอ่ยตบรางวัลให้คนตัวเล็กช่างพูดพร้อมกับรอยยิ้มร่าเริงและท่าทางสะดีดสะดิ้ง “พายัพจะกินช็อกโกแลตฮะ เอาช็อกโกแลตเยอะ ๆ ” นั่นไง ของชอบเขาล่ะ “ได้เลยลูกชายเดี๋ยวแม่ผึ้งจะซื้อโรงงานให้เลยลูก อร๊ายยย” “พอแล้วทั้งสองคนเลย เจอกันทีไรมีเรื่องตามใจกันตลอด” ฉันดุคนสองคนที่เจอกันทีไรเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย “ว้า แต่วันนี้แม่ผึ้งไม่ได้ไปฉลองงานวันเกิดกับพายัพนะลูก แม่ผึ้งต้องรีบไปทำธุระค่ะแต่ว่าพรุ่งนี้แม่ผึ้งจะเอาของขวัญวันเกิดไปให้พายัพที่คอนโดนน้า” เพื่อนรักเอ่ยปากบอกคนตัวเล็กที่นางรักและเอ็นดูราวกับลูกแท้ ๆ เพราะช่วยฉันเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด “ได้ฮะพายัพจะรอนะฮะ” คนตัวเล็กตอบรับเสียงใสก่อนที่สองคนจะกอดหอมกันสักพักแล้วโบกมือลากัน “อ๋อพายัพเข้าใจแล้วว่าทำไมวันนี้แม่เจ้าถึงแต่งตัวส๊วยสวย” คนในอ้อมแขนหันมาหรี่ตาใส่ฉันพร้อมกับยกมือป้อม ๆ สองข้างขึ้นมาประคองหน้าฉันก่อนจะพูดต่อ “เพราะวันนี้เป็นวันเกิดพายัพใช่ม้า แม่เจ้าก็เลยแต่งตัวส๊วยสวยแบบนี้” “ใช่แล้วครับ เราจะไปเป่าเค้กด้วยกันแล้วก็หม่ำ ๆ ข้าวด้วยกันครับ” “เย่ เย่ ไปเดทกันนี่เอง” อ๋า… เอาอีกแล้วทำไมถึงชอบจำคำพูดของพี่ชายฉันมาพูดจังเลยนะ วันหลังต้องห้ามสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วล่ะ “ไปเดทก็ไปเดทครับ” ฉันตอบรับด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ แต่ใบหน้าก็มีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่ ก่อนจะพาคนตัวเล็กตรงไปยังลานจอดรถในมหาวิทยาลัย ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกเรียนต่างหันมาสนใจเราสองคนแม่ลูก อาจเป็นภาพแปลกตาสำหรับนักศึกษาคณะอื่น แต่ถ้าเป็นนักศึกษาที่เรียนคณะและสาขาเดียวกันกับฉันและยัยผึ้งแล้วภาพนี้เป็นภาพที่พวกเขาเห็นจนชินตา “ทำไมคนมองเราเยอะจังเลยฮะ มองแล้วก็หันไปเป่าหูกันด้วย” เจ้าของดวงตากลมโตใสแป๋วหันมาถามฉันด้วยความสงสัย เมื่อความไร้เดียงสาคิดว่าคนที่กำลังซุบซิบกันหันไปเป่าหูกัน “ก็วันนี้แม่เจ้าแต่งตัวส๊วยสวยไงครับคนก็เลยมองเยอะ” “ใช่จริง ๆ ด้วยพายัพลืมไปสนิ๊ทสนิทเลยฮะ” คนในอ้อมกอดหันมายิ้มแฉ่งใส่ฉันพร้อมกับโต้ตอบด้วยท่าทีร่าเริงเหมือนเดิม มือเล็ก ๆ ป้อม ๆ ชี้ไปทางโน้นบ้างทางนี้บ้างพร้อมกับถามนั่นนี่เยอะแยะจนฉันตอบแทบไม่ทัน อาจเป็นเพราะวันนี้เราสองแม่ลูกนัดเจอกันที่ประตูใหญ่ทางเดินก็เลยแปลกตา ปกติเราสองคนนัดเจอกันที่ประตูเล็กหลังมหาลัยเพราะใกล้กับตึกคณะฉัน แต่วันนี้ฉันเปลี่ยนที่นัดเพราะเหตุผลบางอย่าง ‘แกคนนี้ไงที่ข่าวลือว่าเป็นดาวดับอะ ได้ข่าวว่าท้องตั้งแต่เรียนมอปลายเลยมั้งแล้วยังกล้าประกวดดาวคณะอีกเนอะแก’ ยิ่งเดินเข้ามาในพื้นที่ที่มีคนอยู่เยอะ เสียงซุบซิบนินทาที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ เวลาที่ผู้คนเห็นอะไรผิดแปลกออกไปจากกฎเกณฑ์ที่สังคมวางไว้ก็ดังเริ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ‘แกคนนี้ป้ะที่มีข่าวว่าพี่บอสดาวสถาปัตตามจีบอะ’ ‘เออใช่ ๆ คนนี้แหละ แต่ได้ข่าวว่านางปฏิเสธไปนะ ฉันก็คิดว่าสวยเลือกได้ที่ไหนมีลูกแล้วเพราะคนไปขุดเจอประวัติเก่านางมา’ ‘แบบนี้ข่าวลือว่าท้องตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาลัยก็จริงดิ’ ‘ท้องไม่มีพ่อด้วยปะแก แรดเนอะ’ ‘หูยแกพูดเบา ๆ ดิ ได้ข่าวว่าแม่ตบไม่เลือกที่นะเดี๋ยวก็หน้าแหกหรอกแก’ ร้อยพันคำดูถูก หมื่นล้านคำนินทาที่ฉันได้ยินมาเกือบสี่ปีตั้งแต่เรียนที่นี่ไม่ได้ทำให้ฉันสะทกสะท้านเลยสักนิด แต่ถ้าหงุดหงิดน่ะไม่แน่ อารมณ์เหมือนมีแมลงมาบินอยู่ข้าง ๆ หูแล้วอยากจะตบมันให้ตายคามือก่อนจะขยี้ให้ร่างมันแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผงแล้วหายไปกับมือ “แม่เจ้าคนสวยฮะ คนเยอะ ๆ ตรงนั้นเขาไม่ชอบพายัพเหรอฮะ ทำไมมองแบบนั้นล่ะฮะ พายัพไม่น่ารักเหรอ” นิ้วชี้อวบอ้วนของลูกชายตัวน้อยขี้สงสัยชี้ไปยังกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ที่มองมายังเราสองคนแม่ลูกแบบจาบจ้วงราวกับไม่สนใจว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ ฉันหันไปตามทิศทางที่ลูกชายเอ่ยบอกก่อนจะกวาดสายตาบันทึกภาพใบหน้าและตำหนิของคนพวกนั้นเอาไว้ วันไหนโอกาสดี ๆ แล้วจะกลับมาคิดบัญชีแน่นอน ปกติไม่สนใจหรอกแต่ถ้าทำให้ลูกชายฉันไม่สบายใจล่ะก็ขอไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แล้วกัน “สายตาป้า ๆ เขาไม่ดีน่ะลูกเลยต้องเพ่งหน่อยจะได้เห็นใบหน้าหล่อ ๆ ของลูกชายแม่ชัด ๆ ไงครับ” ฉันวางคนตัวเล็กลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนก่อนจะโน้มใบหน้าไปพูดกับลูกชายพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างที่เคยทำ “อ๋อ พายัพเข้าใจแล้วฮะ” ดีมากจ้ะลูก เราสองคนนั่งตรงโต๊ะม้าหินอ่อนได้ไม่นานนัก บรรดาเพื่อน ๆ ที่เรียนสาขาเดียวกัน รู้จักกันและเอ็นดูพายัพเพราะเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็เดินถือเค้กวันเกิดออกมาจากตึกพร้อมกับร้องเพลงอวยพรวันเกิด ถือเป็นการเป่าเค้กวันเกิดก้อนแรกของลูกชายในปีนี้ “ต่อไปเราก็ไปเดทกันนะครับ” ฉันอุ้มลูกชายตัวน้อยขึ้นหลังจากเก็บเค้กลงกล่องตามเดิมเพราะบรรดาเพื่อน ๆ ของฉันให้พายัพเก็บเค้กก้อนนี้ไปกินกับฉันที่บ้านสองคน หากตัดแบ่งคนไม่ครบกัน “ตอนโน้นก็มาเป่าเค้กกันตรงนี้ใช่มั้ยฮะ” ลูกชายตัวน้อยถามเสียงใสเมื่อนึกได้ว่าปีที่แล้วบรรดาเพื่อน ๆ ของฉันก็เซอร์ไพรส์เค้กวันเกิดที่นี่ “ใช่แล้วครับ” ไม่นานนักเราสองคนแม่ลูกก็มาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ฉันจองโต๊ะเอาไว้ เรานั่งป้อนข้าวให้กันท่ามกลางสายตาผู้คนที่มองด้วยความเอ็นดูบ้างและมองด้วยสายตาแปลก ๆ บ้าง ‘ตายแล้วเธอดูนั่นสิ เป็นสาวเป็นแส้ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ ใส่ชุดนักศึกษามานั่งป้อนข้าวลูกอยู่ได้ไม่อายคน’ ‘จะว่าน้องก็ไม่ใช่เพราะเด็กเรียกว่าแม่’ ‘นับวันโลกเรายิ่งแย่ไปกันใหญ่นะเธอ เด็กสมัยนี้ปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยให้ท้องกันเร็วเกิน’ คำพูดพวกนี้ฉันได้ยินจนชินแล้วล่ะ กว่าจะผ่านมาได้มันก็ยากพอสมควร กว่าจะทำใจให้ไม่คิดอะไรมากก็ทำเอาจิตตกไปเกือบปี ส่วนมากคำพูดพวกนี้หากได้ยินรุ่นเดียวกันพูดก็คงไม่เป็นไรแต่ได้ยินจากปากคนที่โตเป็นผู้ใหญ่กว่ามันก็รู้สึกจี๊ดอยู่นะ “พายัพรอแม่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวแม่กลับมา” “ฮะ” คนแก้มตุ่ยพยักหน้าหงึกหงักขณะที่แทะน่องไก่ของโปรดไปด้วย ตาดวงใสแป๋วไร้เดียงสาไม่ได้สนใจอะไรนอกจากของกินตรงหน้า ก่อนจะหันมาส่งยิ้มและโบกมือให้ฉันที่เดินออกมาแล้วกลับไปสนใจของกินต่อ ‘ใส่ชุดนักศึกษามานั่งป้อนข้าวลูกน่ะไม่น่าอายหรอกค่ะ’ ฉันเดินมาหยุดอยู่ตรงโต๊ะใกล้ ๆ ที่เราสองคนแม่ลูกนั่งอยู่ ก่อนจะโน้มใบหน้าไปกระซิบกับหญิงวัยกลางคนที่เพิ่งพูดอะไรไม่เข้าหูฉันเมื่อครู่นี้ ‘แต่ที่น่าอายน่ะคือคนที่วิจารณ์คนอื่นสนุกปากทั้งที่ไม่รู้ความจริงต่างหากล่ะ’ “…” ‘กล้าดียังไงคะ ถึงได้พูดอะไรโดยที่ไม่คิดว่าเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งหากได้ยินขึ้นมาแล้วจะรู้สึกยังไง’ “…” ‘โตจนใกล้จะได้รับเงินคนชราแล้วคิดสักนิดนะคะ ฉันได้ยินน่ะแค่ทำร้ายจิตใจแต่เดี๋ยวก็หายเพราะฉันหน้าด้านค่ะแค่นี้ไม่สะท้านจนอกแตกตายหรอก' “…” 'แต่ถ้าลูกชายฉันได้ยินขึ้นมาแล้วรู้สึกแย่เพราะคำว่ามีแม่ท้องตั้งแต่อายุยังน้อยน่ะ คุณจะอยู่ได้ไม่ถึงวันรับเงินคนชรานะคะ’ “…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD