เด็กเรียกร้องความสนใจ 1

1168 Words
งานเลี้ยงแต่งงานรอบสองของเจ้าสัวปกรณ์ วิสุทธิ์พงษ์ธาดา เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราอลังการสมฐานะของเจ้าบ่าว โดยมีลูกชายทั้งสองคนช่วยดูแลงานอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เจ้าสาวเป็นสาวใหญ่วัยสี่สิบตอนปลาย หน้าตาสะสวยสมวัย เป็นแม่ม่ายลูกติดเช่นกัน เธอมีลูกสองคน เป็นหญิงทั้งคู่ “ตาวีร์...” ครั้งหนึ่ง เจ้าสัวปกรณ์เดินเข้าไปหาลูกชายคนโต เจ้าของร่างสูงเกินร้อยแปดสิบ ผิวขาวสะอ้าน คิ้วเข้ม ตาคมดุ ที่กำลังคุยกับแขกกลุ่มหนึ่งอยู่ “น้องแอ้นหาย ลูกไปตามให้พ่อหน่อย” แอ้นคือ อรอินทร์ ลูกสาวคนเล็กของนงเยาว์ผู้เป็นเจ้าสาวนั่นเอง คิ้วเข้มข้างหนึ่งถูกยกขึ้น “หาย?” “ใช่ ไม่มางานเลี้ยง...” “เรียกร้องความสนใจเหมือนเคย” ชายหนุ่มบ่นอย่างรู้จักเธอดี สีหน้าบ่งบอกความระอาใจ “วีร์ก็มองน้องในแง่ร้าย น้องไม่อยากให้แม่เขาแต่งกับพ่อ เขาก็ต้องแสดงออกให้รู้” เจ้าสัวเข้าข้างลูกเลี้ยงสุดฤทธิ์ “ก็เขาไม่อยากมา แล้วเราจะไปฝืนใจเขาทำไมล่ะครับ” น้ำเสียงหงุดหงิด   “คุณเยาว์เขาอยากให้ลูกอยู่พร้อมหน้าในวันสำคัญของเขาไง...น่า ลูก ไป ไปตามน้องหน่อย”   “แล้วจะให้ผมไปตามที่ไหนล่ะครับ” ปวีร์ถามเซ็ง ๆ ก่อนจะวางแก้วเหล้าในมือลง        ผับแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งของกรุงเทพ  บรรยากาศวันนี้ไม่แตกต่างจากทุกๆ คืน ที่จะมีนักท่องเที่ยวทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่แวะเวียนกันมาเสพความสุข ยิ่งวันนี้เป็นคืนวันศุกร์ จึงคับคั่งและคึกคักเป็นพิเศษ ทุกคนดูสนุกสนาน เพราะได้ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าจากการงานเต็มที่ จะมีก็แต่หญิงสาวที่นั่งจมปุ๊กอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์นั่นละ ที่มีสีหน้าเบื่อหน่าย อมทุกข์ เหมือนยกโลกทั้งโลกมาไว้บนหัว เธอนั่งด้วยสีหน้าแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้ว   เธออายุราวยี่สิบสี่ ร่างโปร่งระหง ผิวขาว ใบหน้าสวยเฉี่ยวชวนมอง ด้วยคิ้วเรียวที่วาดโค้งเหนือดวงตายาวรีที่มีแพขนตาหนาช่วยลดความแข็งของใบหน้าให้ดูอ่อนโยนละมุนละไมขึ้น จมูกโด่งรูปหยดน้ำสวยรับกันพอดีกับริมฝีปากบางได้รูปตอนนี้มีสีแดงสดเคลือบอยู่ ความสวยโดดเด่นนั้นเรียกหนุ่มๆ ให้ทยอยเข้ามาทำความรู้จักไม่ขาดสาย แต่เธอไม่สน ใช้สายตาไล่บ้าง ไล่ด้วยคำพูดบ้าง ส่วนมากก็ยอม แต่มีบางคนที่ยังมาวอแวให้รำคาญใจ  เธออยู่ในชุดเดรสสั้นเกาะอกสีดำสนิท ซึ่งเป็นชุดที่ตั้งใจจะใส่ไปในงานแต่งงานของแม่ ใส่ไปให้พวกเขารู้ว่าเธอไม่ยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้แม้แต่นิด แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเป็นไม่ไป เธอไม่อยากเหยียบย่างเข้าไปในพื้นที่ของวิสุทธิ์พงษ์ธาดาโดยไม่จำเป็น และจะไม่ไปอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลนี้ด้วย ‘ไม่ได้นะ ลูกต้องไปอยู่กับแม่ แม่จะปล่อยลูกให้อยู่คนเดียวได้ยังไง’ แม่ร้องด้วยความตกใจ เมื่อเธอประกาศว่าจะอยู่ที่บ้านหลังเก่าตามลำพัง ไม่ย้ายตามแม่กับพี่สาวเข้าไปที่บ้านผู้ชายคนนั้น ‘แอ้นอยู่ได้แม่ สบายมากเลยด้วย พี่กล้าก็อยู่ใกล้ๆ แค่นี้’ เธอหมายถึงกล้าณรงค์เพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ‘ยิ่งมีกล้าอยู่ใกล้นั่นแหละ แม่ยิ่งเป็นห่วง’ แม่ลดเสียงให้เบาลงเมื่อเอ่ยประโยคนั้น ‘ไม่รู้ละ หลังงานแต่งแม่ พวกเราทั้งหมดจะย้ายไปบ้านเจ้าสัวด้วยกัน’ แม่ยื่นคำขาด แต่เธอก็ตั้งใจเด็ดขาดว่าจะไม่ไป เธออยู่ร่วมกับฆาตกรไม่ได้ ใช่ เธอมั่นใจว่าเจ้าสัวปกรณ์คือฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอ! สามปีก่อน พ่อของเธอถูกรถชนเสียชีวิต ชนแล้วรถคันนั้นก็หนีไป แต่กล้องวงจรปิดก็เป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมว่าเป็นรถประจำตัวของเจ้าสัวปกรณ์ จึงมีหมายศาลเรียกเขา ปรากฏว่าผู้ที่มารายงานตัวและรับสารภาพว่าเป็นคนขับรถคันนั้นในวันนั้นคือคนขับรถของเขา ซึ่งเธอและหลายคนไม่เชื่อ มั่นใจว่าคนขับรถเป็น ‘แพะ’ เพราะมีหลักฐานว่า วันเกิดเหตุเจ้าสัวไม่ได้อยู่ในบ้าน ส่วนคนขับรถอยู่ต่างจังหวัด เขาไม่มีทางมาขับรถคันก่อเหตุได้แน่นอน และตอนนี้ คนขับรถคนนั้นก็หายสาบสูญไปหลังจากเจ้าสัวประกันตัวเขาออกมา บางคนบอกว่าบางทีเขาอาจเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็มีหลายเสียงบอกว่าเขาถูกสั่งให้เก็บตัวเงียบ หน้าที่ของเธอจึงคือการตามหาเขาให้เจอ แล้วเค้นเอาคำตอบจากเขาให้ได้ ตำรวจไม่ทำคดีต่อ เธอนี่แหละที่จะสืบค้นทุกอย่างด้วยตัวเอง คนร้ายตัวจริงจะต้องได้รับการลงโทษที่สาสม ความคิดของหญิงสาวชะงักไป เพราะจู่ๆ ข้อมือก็ถูกกระชากและพยายามจะลากเธอลงจากเก้าอี้ “ว้าย แกจะพาฉันไปไหน” อรอินทร์ร้องด้วยความตกใจระคนหงุดหงิด คงเป็นหนึ่งในบรรดาหนุ่มๆ ที่พยายามจะสานสัมพันธ์กับเธอนั่นละ พอเธอไม่เล่นด้วยก็ใช้วิธีฉุด ทุเรศสิ้นดี  หึ จะเล่นแบบนี้กับไอ้แอ้นเหรอ เธอคำรามในใจ และมือก็ไวเท่าความคิด คว้าขวดเครื่องดื่มที่อยู่ตรงหน้าได้ก็เขย่งเท้าเพื่อฟาดเข้าให้ที่ศีรษะของผู้ชายเฮงซวย เสียงดังโพละ! เธอเดาว่าต้องเย็บประมาณห้าเข็มเป็นอย่างต่ำ!  “โอ๊ย!” หมอนั่นร้องอู้ น่าจะตกใจมากกว่าเจ็บ เพราะตอนนี้ความเจ็บน่าจะยังเดินทางไปไม่ถึง ต้องใช้เวลาอีกนิด “โตมาแบบไหนวะ ผู้หญิงเขาไม่เล่นด้วยแล้วใช้วิธีฉุด อ่านนิยายตบจูบมากไปหรือไง” เธอตวาดไม่ไว้หน้า หลายคนเริ่มหันมามองอย่างสนใจตามปกติ เธอไม่ใช่คนชอบมีเรื่องต่อหน้าคนเยอะๆ แต่เรื่องนี้ อย่างไรก็ปล่อยผ่านไม่ได้  “เดี๋ยวนะ ยายเด็กบ้า ฉันเนี่ยนะ ฉุดเธอ!” เสียงห้วนบ่งบอกความโกรธสุดขีดตอบกลับมา และอรอินทร์ก็ตาเหลือก เมื่อจำเสียงนั้นได้ ปวีร์! มือไวยิ่งกว่าอะไร รีบโยนขวดในมือทิ้งทันที “อุ๊ย คุณวีร์ มาได้ยังไง” เสียงอ่อยลง เพ่งมองเขาผ่านแสงสลัว ก็เห็นว่าหน้าเขาจ้องเธอราวจะกินเลือดกินเนื้อ มือขวาของเขาเปื้อนเลือดด้วย “แหะๆ” “เธอนี่มัน...” เขาคำราม พลางย่างสามขุมเข้าหา อรอินทร์ก้าวถอยหลัง “เอ่อ...คุณวีร์มาเที่ยวเหรอคะ เชิญตามสบายนะ แอ้นกลับก่อนละ” พูดจบก็ทำท่าจะหันหลังโกยอ้าว แต่ปวีร์คว้าคอเสื้อเธอไว้ได้ก่อน ด้วยมือที่เปื้อนเลือดจากฝีมือเธอนั่นแหละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD