ตอนที่ 4

3971 Words
“สวัสดีครับ/ค่ะคุณป้าคุณลุง” สองสาวหนึ่งหนุ่มลูกเจ้าของบ้านยกมือไหว้เพื่อนของพ่อ จตุรงค์กับยุพเรศเดินไปส่งแขกที่รถรอจนกระทั่งรถตู้หรูคันใหญ่แล่นออกไปจากบ้านแล้วสองสามีภรรยาก็เดินกลับเข้าบ้านตรงไปที่ห้องนั่งเล่นที่ลูกๆยังนั่งเล่นกันอยู่ “เดี๋ยวจ๋าจบมอหกแล้วจะไปเรียนที่เดียวกับพี่จ้าวนะคะ” มิลานีพูดขึ้นฟังป้าไรยาพูดแล้วเธอก็ว่าน่าสนใจดีเพราะมีทุกอย่างพร้อม “ไหนว่าจะไปเมกาไงครับพี่จ๋า ทำไมเปลี่ยนใจง่ายจังเลยครับ” “นายไม่ได้ยินคุณป้าพูดหรือไง ว่าอพาร์ทเมนท์ก็มีเรื่องอาหารการกินก็เพียบพร้อมมีคนมารับถึงสนามบินอะไรมันจะดีขนาดนี้ล่ะจินน์” มิลานีตอบน้องชายว่าทำไมเธอเปลี่ยนใจแต่ถึงเวลานั้นมาเธออาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะ “ที่สะดวกสบายก็เพราะว่าเป็นบ้านของคุณป้าไงลูก แม่ถึงเบาใจที่น้องจ้าวไปเรียนที่สกอตแลนด์ ถ้าน้องจ๋าอยากไปแม่ก็ดีสิลูกจะได้ไปอยู่กับพี่จ้าว” หากลูกสาวทั้งสองไปเรียนที่เดียวกันก็ดีสิพี่น้องจะได้ดูแลกัน “ไม่ได้จับคู่ให้ลูกแน่นะคะม่าม๊า” เมนิลาถามแม่ตรงๆเพราะพ่อก็เปรยๆกับเธอแต่ไม่ได้พูดตรง “จับคู่อะไรกันล่ะลูก ม๊ารู้หรอกว่าน้องจ้าวยังไม่คิดจะมีแฟนแต่ถ้าจะรักใคร่ชอบพอกับพี่วินด์ ม๊ากับป๊าก็ไม่ว่าอะไรก็อยู่ที่น้องจ้าวกับพี่วินด์นะลูกถ้าไม่รักกันเป็นพี่เป็นน้องกันก็ไม่เป็นไรเหมือนกันจ้ะ” คนเป็นแม่พูดแล้วยิ้มที่ลูกสาวกลัวจะถูกจับคู่ “ขอบคุณค่ะปะป๊า ม่าม๊าที่เข้าใจจ้าวและไม่บังคับจ้าว” เมนิลาขอบคุณพ่อแม่ที่ไม่บังคับเธอและเธอรู้ว่าท่านกลัวไม่มีใครสืบทอดธุรกิจและเธอเป็นลูกสาวคนโตจึงต้องรับผิดชอบทำให้เธอตัดสินใจไปเรียนต่างประเทศ “ถ้าน้องจ้าวมีความสุขป๊ากับม๊าก็มีความสุขไปด้วยลูก ขอแค่น้องจ้าวน้องจ๋า ตาจินน์ทำสิ่งที่ตัวเองชอบและมีความสุขก็พอ” จตุรงค์พูดกับลูกๆทั้งสามที่กำลังเติบโตและมีความคิดเป็นของตัวเอง “งั้นจินน์เป็นนักแข่งรถได้มั้ยครับป๊า” “ไม่ได้ลูกมันอันตราย” คนเป็นพ่อรีบห้ามทันทีทั้งที่เมื่อกี้พูดกับลูกๆว่าจะทำอะไรขอให้ลูกชอบและมีความสุขแต่พอลูกบอกว่าขอเป็นนักแข่งรถก็ร้องห้ามทันควัน “ไหนป๊าบอกว่าทำอะไรก็ได้ที่จินน์ชอบแล้วจินน์มีความสุขไงครับ” จินน์ถามพ่อที่ห้ามเขา ยุพเรศกับลูกสาวทั้งสองกลั้นขำจนหน้าแดงที่พ่อลูกพูดคุยกันและทำท่าว่าจะตกลงกันไม่ได้และตอนนี้คนเป็นพ่อกำลังเพลี่ยงพล้ำให้กับลูกชายคนเล็กที่เล่นทีพ่อเผลอ “เป็นนักแข่งรถไม่ใช่ไม่ดีนะลูกแต่มันอันตรายมากถ้าโชคร้ายพลาดพลั้งไปก็ถึงแกชีวิตหรือไม่ก็พิการได้ แล้วจินน์เป็นลูกชายคนเดียวของป๊าที่จะสืบสกุลจากป๊าหากพี่สาวของจินน์แต่งงานไปก็ต้องใช้นามสกุลของสามีก็เหลือแต่จินน์ที่จะทำหน้าที่นี้ แต่จินน์สามารถขับเล่นในสนามได้นี่นาจริงมั้ยลูก” จตุรงค์อธิบายให้ลูกชายเข้าใจว่าทำไมเขาถึงห้าม “ก็โอเคครับ ป๊ามีเหตุผลดีแต่ผมไม่ได้ชอบความเร็วขนาดนั้นแค่พูดเฉยๆครับ ฮ่าๆๆ..” จินน์พูดจบก็หัวเราะเสียงดังแล้ววิ่งขึ้นบันได้ไปอย่างรวดเร็วก่อนจะโดนป๊าเตะตูด “ไอ้ลูกหมานี่ทำเอาป๊าใจหายใจคว่ำหมดเลย กลับมาให้ป๊าเตะก้นเดี๋ยวนี้นะ” จตุรงค์เอ็ดตะโรตามหลังลูกชายท่ามกลางเสียงหัวเราะขำของภรรยาและลูกสาวทั้งสอง “ฝันดีครับป๊า ม๊า พี่จ้าว พี่จ๋า” จินน์ขึ้นไปถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็หันมาบอกฝันดีทุกคนแล้วโบกมือบ้าบบ่ายเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง “ตลกมากใช่มั้ย” “คิกๆๆ/คริๆๆ..” “ไม่ตลกจ้ะป๊า แต่ว่าตาจินน์เป็นลูกเรานะคะ” ยุพเรศล้อสามีที่ว่าลูกชายเป็นลูกหมาก็เท่ากับว่าตัวเอง “ม๊าก็ดูลูกชายของเราสิ มันร้ายมั้ยล่ะ” “ร้ายทั้งลูกสาวลูกชายนั่นแหละค่ะ ไม่รู้ได้นิสัยใครมานะ” “ก็..” จตุรงค์พูดไม่ออกเพราะลูกๆทั้งสามได้นิสัยเจ้าเล่ห์แสนกลมาจากเขามีลูกล่อลูกชนทำให้หัวเราะได้ทำให้อารมณ์สวิงได้ตลอดเวลาจนเขารับมือแทบไม่ไหว “งั้นจ้าวไปนอนก่อนนะคะป๊า ม๊า จุ๊บๆๆ ฝันดีค่ะ” เมนิลากับมิลานีบอกฝันดีพ่อกับแม่แล้วหอมแก้มทั้งสอง "จ๋าไปด้วยค่ะ ฝันดีค่าป๊าม๊า จุ๊บๆ.." “ฝันดีลูก” สองสามีภรรยามองตามหลังลูกสาวทั้งสองก่อนจะหันกลับมามองสบตากันด้วยความรักที่มีต่อกันเสื่อมคลายทั้งที่ลูกๆก็โตกันแล้วก่อนจะพากันขึ้นชั้นสองเข้าห้องนอนของตัวเองเพื่อพักผ่อนและเติมเต็มความรักให้กันละกัน ที่บ้านของคุณานันท์ เมื่อสองสามีภรรยากลับมาถึงบ้านเด็กในบ้านก็บอกว่าปู่ของลูกให้คนขับรถที่บ้านใหญ่มาส่งแล้วลากกระเป๋าใบใหญ่เข้าบ้านสั่งจัดห้องนอนให้ท่านและทำอาหารเย็นให้ก่อนจะมานั่งเอกนกดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรอลูกชายคนเล็ก “สวัสดีครับ/ค่ะคุณพ่อ” คุณานันท์กับภรรยายกมือไหว้พ่อก่อนจะไปนั่งข้างท่านแล้วไรยาก็ไปนั่งโซฟาเดี่ยวถัดจากพ่อสามี “พ่อจะมาอยู่กับแกนะเคน” นายชัชวาลย์บอกลูกชายเสียงเรียบหลังจากทะเลาะกับดรัณภพลูกชายคนโตเรื่องนพินภรรยาของลูกชายเรื่องซื้อรถให้สริดาลูกสาวคนโตและลูกชายคนเล็กแต่ไม่จ่ายเงินเองให้บริษัทขายรถซุปเปอร์คาร์นำรถมาส่งและมาเก็บเงินที่เขาและเขาไม่จ่ายเพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลย หลานสาวหลานชายอยากได้รถทำไมไม่มาคุยกับเขาดีๆแต่ทำแบบนี้มัดมือชกเขาไม่ชอบและไม่ยอมจ่ายไม่ใช่ว่าไม่มีเงินแต่นพินสอนลูกให้หัวสูงใช้จ่ายเกินตัวทั้งที่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ “ได้ครับไม่มีปัญหา คุณพ่อจะอยู่กี่คืนกี่วันตามสบายครับ” คุณนานันท์เข้าใจพ่อดีว่าน่าจะมีปัญหากับพี่ชายพี่สะใภ้อีกแล้วหากท่านไม่พอใจก็จะมานอนบ้านเขาครั้งละอาทิตย์หรือไม่ก็เดือนหนึ่งเป็นประจำ “พ่อจะไม่กลับไปบ้านโน้นอีกแล้วล่ะ จะอยู่บ้านนี้ไปจนตายได้มั้ยไรยา” นายชัชวาลย์ถามลูกสะใภ้ฝรั่งที่ตอนนี้พูดภาษาไทยชัดแจ๋ว “ได้สิคะ ที่นี่ก็บ้านคุณพ่อเหมือนกันค่ะ คุณพ่อทานอาหารหรือยังคะ” ไรยายิ้มให้พ่อสามีเพราะบ้านหลังนี้ท่านซื้อให้เป็นเรือนหอของเธอกับสามีเพราะบ้านใหญ่ยกให้ลูกชายคนโตสืบทอดตามธรรมเนียม “ขอบใจมากไรยาที่เป็นห่วงพ่อ แกโชคดีนะเจ้าเคนที่ได้เมียดีแม่ที่ดีของลูก เฮ้อ..” เขาไม่อยากเอาลูกสะใภ้ทั้งสองมาเปรียบเทียบกันแต่มันอดไม่ได้จริงๆเขาไม่ได้รังเกียจที่นพินเคยเป็นพริตตี้นางงฃแบบมาก่อนแต่เธอไม่ควรสอนลูกให้ดูถูกคนอื่นที่ด้อยกว่าและเด็กในบ้านก็จิกหัวใช้ส่วนคนเก่าแก่ที่ทำงานมานานก็ทยอยลาออกแล้วมาทำงานบ้านลูกชายคนเล็กเกือบหมดเหลือแค่สองสามีภรรยาคนสนิทของเขาที่บอกให้ตามมาพรุ่งนี้ “มีเรื่องอะไรครับคุณพ่อ” คุณานันท์อดถามพ่อไม่ได้คราวนี้ท่านพูดจริงจังมาก “ก็เมียเจ้ารันน่ะสิ สั่งรถมาให้ยัยพีชแล้วให้เขาเอารถมาส่งที่บ้านและให้พ่อจ่ายเงินให้ แต่ไม่มีใครบอกพ่อสักคนเห็นพ่อเป็นหัวหลักหัวตอหรือไงกัน ไอ้เรื่องเงินน่ะพ่อจ่ายให้ได้แต่ที่สอนลูกให้ฟุ้งเฟ้อนี่สิมันเกินไปยัยพีชยังเรียไม่จบเลยแต่ขับรถคันละสามสิบสี่ล้าน ส่วนเจ้าพร้อมอายุยี่สิบก็สั่งรถราคายี่สิบกว่าล้าน พ่อรับไม่ได้ถ้าอยากซื้อให้ลูกก็จ่ายเองพ่อไม่ให้แล้วเจ้ารันมันก็มาว่าพ่อที่ทำให้ลูกเมียอับอาย พ่อก็เลยบอกว่าจะมาอยู่บ้านแกแล้วเมียเจ้ารันก็บอกว่าไปเลยถ้าไม่กลับมายิ่งดี...” นายชัชวาลย์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ลูกชายคนเล็กกับลูกสะใภ้ฟังว่าทำไมท่านขอมาอยู่ด้วย “มันก็เกินไปจริงๆครับ พี่รันก็ทำไม่ถูกแทนที่จะตักเตือนสั่งสอนลูกเมียแต่กลับมาให้ท้ายและมาโทษคุณพ่อแบบนี้ใช้ไม่ได้ เดี๋ยวผมต้องไปคุยหน่อยแล้ว” คุณานันท์ไม่พอใจพี่ชายที่หาว่าพ่องกแค่ซื้อรถให้หลานราคาแค่นี้ไม่ซื้อให้ทำให้ภรรยากับลูกเสียหน้าต่อหน้าพนักงานบริษัทรถหรูที่เอามาส่งถึงบ้านทำให้ดรัณภพต้องรีบมาจ่ายไม่งั้นจะตกเป็นขึ้นปากสังคมว่าสั่งรถมาแล้วไม่มีเงินจ่าย “ช่างมันเถอะ พ่อไม่อยากยุ่งกับมันแล้วอยากทำอะไรก็ทำไปบ้านหลังนั้นพ่อก็ยกให้มันไปแล้วพ่อก็มาแต่ตัวแล้วพรุ่งนี้สนั่นกับแม่จิตจะตามมาอยู่ที่นี่ด้วยได้มั้ย ถ้าไม่ได้พ่อจะให้กลับบ้านนอกแล้วให้เงินไปลงทุนสักก้อนหนึ่ง” “ได้สิคะคุณพ่อ พี่สนั่นกับพี่จิตก็อยู่กับคุณพ่อคุณแม่มานานมาอยู่ด้วยกันก็ดีสิคะจะได้มีคนทำอาหารอร่อยให้พวกเราทานค่ะ” พูดกับพ่อสามีอย่างจริงใจเพราะสองสามีภรรยาดูแลท่านมานานและรู้ใจท่านมากที่สุดและเธอกับสามีก็ไปทำงานอย่างน้อยท่านก็มีเพื่อนคุยที่รู้ใจอยู่ด้วยจะได้เหงาและะเธอก็รู้จักสองสามีภรรยาตั้งแต่มาอยู่เมืองไทยและทั้งสองก็ดีกับสาวฝรั่งพลัดถิ่นอย่างเธอ “ขอบใจนะแม่ไรยาที่เห็นแก่พ่อ” นายชัชวาลมองลูกสะใภ้และขอบใจเบาๆ “ผมว่าคืนนี้คุณพ่อไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ แล้วไม่ต้องคิดมากคุณพ่ออยู่ที่นี่ได้ตามต้องการครับ” คุณานันท์บอกพ่ออย่างเอาใจและรู้ว่าท่านน้อยใจพี่ชายแต่ไม่แสดงออกและที่มาอยู่บ้านเขาก็เพราะไม่อยากมีปัญหากับลูกสะใภ้ “งั้นพ่อไปนอนก่อนนะ” “ผมไปส่งครับ” คุณานันท์ลุกขึ้นแล้วเดินไปส่งพ่อที่ห้องนอนที่ท่านเลือกอยู่ห้องพักแขกชั้นล่างแทนที่จะขึ้นไปห้องนอนของท่านที่ชั้นสอง “ทำไมไม่ไปนอนบนห้องของคุณพ่อล่ะครับ” “พ่อขี้เกียจขึ้นลงบันไดน่ะ แข้งขามันไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนพ่อนอนชั้นล่างดีกว่า” “เอาไว้ผมจะให้ช่างมาต่อเติมทำห้องให้พ่อใหม่นะครับ” “ไม่เป็นไรแค่นี้พ่อก็อยู่ได้แล้วแค่ที่ซุกหัวนอนน่ะ” อดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังและมาเศรษฐีหมื่นแสนล้านแต่ใช้ชีวิตสมถะหลังจากมอบหมายงานให้ลูกชายทั้งสองรับช่วงต่อแต่เขาก็ยังมีหุ้นมีเงินปันผลจากบริษัทปีหนึ่งก็เป็นพันล้านก็จัดสรรเงินทองให้ลูกหลานทุกคนหมดแล้วหากเขาตายจะได้มีปัญหากัน “เอาเถอะครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” คุณานันท์ดูแลพ่อจนท่านเข้านอนก่อนจะปิดไฟแล้วเดินออกจากห้องเพื่อไปอาบน้ำแล้วลงมานอนเป็นเพื่อนท่าน “คุณพ่อโอเคมั้ยคะที่รัก” “ข้างนอกโอเคครับ แต่ข้างในไม่น่าจะโอเคเท่าไหร่เดี๋ยวผมอาบน้ำแล้วจะไปนอนเป็นเพื่อนท่านนะที่รัก” คุณานันท์บอกภรรยาอย่างอ่อนโยน “ฉันกำลังจะบอกที่รักให้ไปนอนเป็นเพื่อนคุณพ่อพอดีเลยค่ะ” เธอเป็นห่วงความรู้สึกของพ่อสามีที่ผิดหวังในตัวลูกชายคนโตและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีปัญหากันแต่นับครั้งไม่ถ้วนและมาจากลูกสะใภ้กับลูกสาวคนโตและลูกชายคนเล็กที่เป็นหนุ่มสาวสังคมที่ทำอะไรต้องฮือฮาเป็นข่าวตลอดแต่เรื่องเรียนไม่ได้เรื่อง ผิดกับลูกชายคนกลางที่เรียนเก่งและนิสัยสมถะขับรถคันเก่าของปู่ไปเรียนและมักมีปัญหากับพี่สาวน้องชายและแม่ที่ไม่พอใจลูกชายที่ทำตัวติดดิน “ขอบคุณครับที่รัก” “ไปอาบน้ำเถอะค่ะ ฉันเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว” ไรยาบอกสามีแล้วยิ้มยิ้มให้กำลังใจก่อนจะเดินไปเตรียมชุดนอนให้สามี “ขอบคุณครับที่รัก จุ๊บ..” คุณานันท์หอมแก้มภรรยาสุดที่รักเบาๆอย่างขอบคุณแล้วไปอาบน้ำเพื่อไปนอนเป็นเพื่อนพ่อในคืนนี้ที่ท่านกำลังโกรธและน้อยใจพี่ชายแต่ครั้งนี้หนักกว่าที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเขาจะเป็นกาวใจให้พ่อกับพี่ชายดีกันได้หรือเปล่า วันถัดมา วันนี้คุณานันท์กับไรยาจะเข้าบริษัทช่วงบ่ายเพื่ออยู่รอสนั่นคนสนิทของพ่อกับภรรยาคือนางจิตภรรยาที่เป็นต้นห้องของคุณหญิงทิพยนาถภรรยาของนายชัชวาลย์ที่เสียชีวิตไปสิบกว่าปีก่อนจะมาทำหน้าที่แม่ครัวเพราะนพินให้ญาติมาทำหน้าที่แม่บ้านดูแลคฤหาสน์หลังใหญ่และเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานที่สองสามีภรรยาห้ามดรัณภพกับนพินทำให้ถูกนพินไล่สองสามีภรรยาออกก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นายชัชวาลย์โกรธลูกชายกับลูกสะใภ้ “มากันแล้วค่ะคุณเคน” ไรยาบอกสามีเมื่อได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดในบ้านและบอกเด็กรับใช้ไปดู “มารีไปดูหน่อยสิจ้ะ แล้วตามนากับเรณูไปช่วยขนของด้วยนะจ้ะ” “ค่ะคุณไรยา” มารีสาวใช้วัยสามสิบปีที่มาทำงานที่บ้านนี้ตามป้าที่ออกจากบ้านของดรัณภพมาเป็นแม่ครัวที่นี่พร้อมกับเรณูน้องสาวตั้งแต่อายุสิบห้าเพราะพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเรียนและเจ้านายก็เปิดโอกาสให้เธอเรียกศน.และยังไห้เรียนมหาลัยเปิดจนจบปริญญาตรีเธอก็ยังทำงานในบ้านนี้ไม่ต่อทั้งที่เจ้านายเปิดโอกาสให้ไปทำงานที่บริษัทแต่เธอกับน้องสาวอยู่ทำงานบ้านให้เจ้านายที่มีบุญคุณกับเธอที่ทำให้มีเงินทองส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่หากไปทำงานบริษัทก็คงไม่มีเงินเหลือใช้และส่งกลับบ้านให้พ่อแม่ “สวัสดีครับคุณพ่อ” ดรัณภพเดินเข้ามาในบ้านทันทีที่รถจอดเพราะเขามาส่งคนสนิทของพ่อที่ไม่ยอมอยู่บ้านของเขาทั้งที่ภรรยาใจเย็นลงและยอมให้ทั้งสองอยู่ทำหน้าที่เหมือนเดิมแต่ทั้งสองยืนยันจะออกและถ้าน้องชายไม่รับทำงานก็จะกลับบ้านนอกทำให้เขามาส่งด้วยตัวเองเพื่อจะขอโทษกับพ่อเหมือนทุกครั้งและครั้งนี้เขายอมรับว่าผิดที่ไล่พ่อ “สวัสดีครับ/ค่ะพี่รัน” สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านยกมือไหว้พี่ชายคนโตที่หน้าเสียเมื่อพ่อรับไหว้แต่ไม่ทักทาย “พี่นึกว่านายกับไรยาไปทำงานแล้วเสียอีก” “พอดีอยู่รอพี่หนั่นกับพี่จิตน่ะ ไม่คิดว่าพี่จะมาด้วยผมว่าตอนบ่ายจะแวะไปหาที่บริษัท” คุณานันท์ตอบพี่ชายแล้วมองพ่อที่เมินหน้าหนีแล้วหนักใจ “ที่จริงเมื่อวานพินเค้าโมโหเลยพูดไปแบบนั้นไม่ได้ตั้งใจจะไล่พี่หนั่นกับพี่จิตออกหรอกนะ เมื่อเช้าก็คุยกันแล้วแต่พี่หนั่นกับพี่จิตยืนยันจะออกท่าเดียวพี่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงก็เลยมาส่งที่นี่เพราะเขาบอกว่านายให้มาทำงานที่บ้านนี้” “ใช่ครับพี่รัน เมื่อคืนพี่หนั่นโทรมาหาผมก็คุยกันผมก็อยากให้มาอยู่ดูแลคุณพ่อเหมือนเดิมน่ะ” “ถ้าดูแลคุณพ่อก็ต้องอยู่บ้านพี่สิจะมาอยู่บ้านนายทำไมกันจริงมั้ยครับคุณพ่อ” ดรัณภพหันไปพูดกับพ่อที่ยังนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา “ให้สนั่นกับแม่จิตมาอยู่บ้านเจ้าเคนน่ะถูกแล้วเพราะพ่อจะมาอยู่ที่นี่ไม่กลับไปบ้านโน้นอีกแล้วจะได้ไม่ขวางหูขวางตาครอบครัวของแกเ” นายชัชวาลพูดเสียงเรียบไม่มีท่าทีโกรธเคืองลูกชายคนโตแต่คำพูดนั้นบาดใจลูกชายเป็นที่สุด “คุณพ่อว่าอะไรนะครับ จะมาอยู่บ้านนายเคนได้ยังไงกันกลับบ้านเรานะครับคุณพ่อ ผมขอโทษต่อไปผมจะไม่ให้พินทำแบบนี้อีกและจะไม่ให้ไล่คุณพ่ออีกนะครับ” ดรัณภพขอโทษพ่อและขอร้องให้กลับบ้านด้วยกันยังไงบ้านหลังนั้นก็เป็นบ้านท่านถึงแม้จะยกให้เขาแล้วก็ตาม “แกรู้มั้ยเจ้ารัน ว่าแกกับลูกเมียจะทำอะไรก็ได้พ่อไม่ว่าแต่การที่เมียแกทำแบบนี้สอนให้ลูกเป็นคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเองและยังมาหาว่าพ่องกทั้งที่พวกเขาทำอะไรไม่เห็นหัวพ่อพูดจาก้าวร้าวเห็นพ่อเป็นหัวหลักหัวตอเป็นคนแก่ที่ไร้ค่าและถ้าพ่อไม่มีเงินก็คงไม่สนใจคนแก่คนนี้หรอก แกเองก็เอาแต่ทำงานอย่าลืมใส่ใจลูกบ้างว่าตอนนี้เป็นยังไงเรียนถึงไหนกันแล้วไม่ใช่ฟังแต่เมีย ที่พ่อพูดก็เพราะอยากเห็นหลานมีอนาคตที่ดีไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ที่ทำอะไรไม่ได้เรื่องนอกจากกินเที่ยวอวดรวยอย่างไร้สมองไปวันๆและพ่อตัดสินใจดีแล้วว่าจะอยู่บ้านเจ้าเคน” นายชัชวาลย์พูดช้าเนิบนาบเพื่อให้ลูกชายได้รู้ว่าภรรยาของเขาสอนลูกยังไงไม่ใชเอาแต่ทำงานแล้วภรรยาว่ายังก็เชื่อฟัง “คุณพ่อ” ดรัณภพมองพ่อด้วยความเสียใจไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้แต่เขาทำอะไรไม่ได้เพราะรักภรรยากับลูกและรักพ่อด้วยก็ไม่รู้จะทำยังไงดี “นายช่วยพูดกับคุณพ่อหน่อยสิเคน” “ผมพูดมาทั้งคืนแล้วพี่รัน ปล่อยให้พ่ออารมณ์เย็นลงกว่านี้ก่อนแล้วค่อยคุยกันนะพี่” คนเป็นน้องก็ลำบากใจและเขาก็เข้าใจพ่อและอีกอย่าท่านก็แก่แล้วไม่อยากให้คิดมาก “ไม่ต้องหรอกเจ้าเคน วันนี้พ่อจะไปที่เขตเพื่อย้ายชื่อมาอาศัยบ้านแกพ่อเตรียมเอกสารมาหมดแล้วถ้าเสร็จเรื่องแล้วพ่อจะให้คนเอาทะเบียนบ้าไปให้แกนะ” ชัชวาลย์บอกลูกชายคนโต “คุณพ่อครับ ทำไมทำแบบนี้ครับ” ดรัณภพพูดกับพ่อที่จะย้ายมาอยู่บ้านน้องชายจริงๆไม่ใช่มาพักชั่วคราวพอหายโกรธก็กลับบ้าน “พ่อทำเพื่อความสุขของทุกคน แกเองก็จะได้ไม่ต้องเครียดอีกพ่อรู้ว่าแกรักพ่อครั้งนี้พ่อขอนะรัน” นายชัชวาลพูดเสียงสั่นเพราะเขาอดทนมาจนถึงที่สุดแล้วในเมื่อเขาไม่มีความสุขก็ออกมาดีกว่าเพื่อให้ครอบครัวของลูกมีความสุขและมาอยู่บ้านลูกชายคนเล็กทำให้เขาสบายใจลูกสะใภ้ฝรั่งก็แสนดีดูแลเขาเป็นอย่างดีไม่เจ้ากี้เจ้าการหรืออยากได้นั่นได้นี่ขอเงินเขาไปซื้อเหมือนลูกสะใภ้คนโตอาจเป็นเพราะไรยาเกิดมามีทุกอย่างพร้อมจึงทำให้ไม่ต้องการสิ่งใดอีกและเป็นภรรยาเป็นแม่ที่ดีของหลานชายทั้งสองที่นำความปราบปลื้มมาให้เขาแต่ไม่เคยพูดออกไปได้แต่คิดอยู่ในใจเท่านั้น “คุณพ่อ” ดรัณภพน้ำตาคลอเมื่อพ่อพูดจบ “ผมขอโทษครับคุณพ่อที่ดูแลคุณพ่อไม่ดีทำให้ไม่สบายใจผมจะสั่งสอนลูกให้ดีกว่านี้และจะไม่เห็นแก่ใครทั้งนั้น ผมจะจัดการเรื่องในบ้านให้ดีกว่านี้และจะให้ลูกเมียของผมมาขอโทษคุณพ่อนะครับ” ดรัณภพร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ผ่านมาพ่อไม่พูดพอท่านไม่สบายใจก็จะมานอนบ้านน้องชายครั้งและอาทิตย์สองอาทิตและนายสุดก็หนึ่งเดือนเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่คราวนี้ท่านไม่ใจอ่อนและยังพูดความในใจออกมาทำให้เขารู้สึกผิดที่ไม่ใส่ใจความรู้สึกของท่าน “ไม่เป็นไร แกไม่ต้องขอโทษพ่อหรอกเจ้ารันเอ้ย พ่อก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่งจะอยู่ได้อีกสักกี่ปีเชียวแต่พวกแกยังมีเวลาอีกเยอะและยังมีลูกเมียและงานให้ต้องดูแลจัดการ แค่พวกแกมีความสุขพ่อก็มีความสุขไปด้วย” นายชัชวาลพูดกับลูกชายทั้งสองอย่างมีสิติและไม่ใช้อารมณ์ “คุณพ่อ ฮืออๆๆ ผมขอโทษครับ ผมขอโทษ” ดรัณภพร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจที่ทำให้พ่อผิดหวังและไม่อายน้องชายน้องสะใภ้ “พี่รัน” คุณานันท์ตบไหล่พี่ชายเบาๆ “พี่ขอโทษนะเคน พี่เป็นพี่ชายนายแท้ๆแต่ไม่ได้ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีและยังมารบกวนนายกับไรยาอีก” ดรัณภพขอโทษน้องชายที่ผ่านมาคุณานันท์จะเป็นคนพูดคุยกับเขาและพ่อให้เข้าใจกันมาตลอดและจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าบ่อยแค่ไหน “ผมขอพูดตรงๆนะพี่ภพ ถ้าพี่จะโกรธผมก็ไม่ว่าแต่เรื่องนี้คุณพินเขาผิดจริงๆ หนูพีชอายุแค่ยี่สิบสี่ยังเรียนไม่จบปริญญาตรีงานไม่ได้ทำแต่ขับรถคันละสามสิบกว่าล้าน และตาพรมอายุยี่สิบขับรถราคายี่สิบกว่าล้านพี่คิดว่ามันสมควรมั้ย สมัยเรามีรถราคาสิบล้านขับกันก็เรียนจบทำงานกันแล้วนะครับ ผมรู้ว่าพี่กับคุณพินรักลูกจะซื้อรถให้ก็ย่อมได้แต่ไม่ควรโยนภาระให้คุณพ่อโดยที่ไม่คุยไม่ปรึกษาท่านก่อนและใช่ว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ลองคิดถึงอนาคตว่าถ้าลูกพี่ไม่ทำงานเอาแต่เฉิดฉายอวดรวยในสังคมต่อให้มีพันล้านหมื่นล้านมันก็หมดได้ ผมฝากให้พี่คิดเรื่องนี้หน่อยนะครับ” คุณานันท์พูดกับพี่ชายว่าเขาไม่เห็นด้วยที่พี่ชายกับพี่สะใภ้เลี้ยงลูกด้วยเงินถึงแม้จะมีเงินพันล้านหมื่นล้านก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD