ตอนที่ 3

3963 Words
ณ.กรุงเทพมหานคร บ้านหลังใหญ่บนพื้นที่สองไร่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทำเลดีย่านนนทบุรีมีคนเคยมาขอซื้อแต่เจ้าของไม่ขายเพราะเป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ของยุพเรศที่แบ่งให้ลูกทั้งสามคนเท่ากันแต่พี่ชายกับน้องสาวของเธอขายเพื่อเอาเงินไปลงทุนทำธุรกิจส่วนตัวและคนซื้อก็เป็นมหาเศรษฐีติดอันดับท็อปเท็นของเมืองไทยสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่บนเนื้อที่สี่ไร่ที่ซื้อจากพี่ชายกับน้องสาวและเธอยอมแลกที่ดินกับพี่ชายเพราะคนซื้อต้องการที่ดินผืนเดียวกันเธอจึงเลือกฝั่งของพี่ชายซึ่งติดคลองเพราะที่ดินของยุพเรศอยู่ตรงกลาง “ปะป๊าขา จ้าวขอไปซื้อของใช้เพิ่มก่อนนะคะ” เสียงหวานใสบอกพ่อที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเพราะเธอยังขาดของใช้ส่วนตัวไม่อยากไปหาที่โน่นและเตรียมให้พอใช้จนกว่าเธอจะปรับตัวได้ “แล้วลูกจะไปกับใครล่ะลูก” จาตุรงค์ถามลูกสาวคนโตที่กำลังจะห่างอกพ่อแม่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศหลังจากจบมัธยมปลายที่โรงเรียนหญิงล้วนชื่อดัง แม้จะหวงลูกสาวแต่เพื่ออนาคตของลูกที่จะมาสานงานธุรกิจต่อจากเขาจึงปล่อยให้ไปเรียนรู้โลกกว้างจะได้เอาตัวรอดได้และรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของคนที่จะเอารัดเอาเปรียบ “จ้าวจะไปกับจ๋าค่ะ” เมนิลาหรือจ้าว สาวน้อยวัย18ปีรูปร่างสูงโปร่งผิดกับตอนเด็กที่ร่างอวบกลมปุ๊กแก้มกลมอย่างกับซาลาเปาตอนนี้แตกเนื้อสาวสวยสะพรั่งตอบพ่อว่าเธอจะไปกับน้องสาว “ใช่แล้วค่ะป๊า จ๋าจะไปชื้อของด้วยค่ะ” จ๋า หรือ มิลาณี สาวน้อยวัย16ปี อ่อนกว่าพี่สาวสองปีและน้องชายคนเล็กก็ห่างจากเธอสองปี “เดี๋ยวป๊าให้เลขาโอนเข้าบัญชีให้” คนเป็นพ่อมองลูกสาวทั้งสองที่แบมือขอเงินด้วยความรักใคร่ “ขอบคุณค่ะปะป๊า” สองพี่น้องยกมือไหว้ขอบคุณพ่อพร้อมเพรียงกัน “สองสาวนี่มาอ้อนป๊าอีกแล้วนะเรา” ยุพเรศเดินเข้ามาในห้องรับแขกแล้วพูดหยอกลูกสาวทั้งสอง “ก็จ้าวยังซื้อของได้ไม่ครบเลยค่ม่าม๊า อีกแค่สองอาทิตย์เค้กก็จะไปสกอดแลนด์แล้วนะคะ” เมนิลาตอบแม่และเธอไม่ได้ไปซื้อของอย่างเดียวแต่นัดเพื่อนไปดูหนังด้วย “งั้นอย่ากลับค่ำนะลูก เย็นนี้คุณลุงเคนกับคุณป้าไรยาจะมาทานอาหารบ้านเรานะลูก” ยุพเรศบอกลูกสาวทั้งสองเพราะเพื่อนรุ่นพี่ของสามีจะมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านของเธอ “ค่าม่าม๊า งั้นจ้าวกับจ๋าไปก่อนนะคะ” เมนิลาบอกแม่กับพ่อแล้วเดินไปพร้อมกับน้องสาวและคนขับรถของพ่อไปส่ง สองสามีภรรยามองตามลูกสาวทั้งสองเดินออกไปขึ้นรถหน้าบ้านแล้วหันมามองหน้ากันยิ้มให้กันอย่างมีความสุขแต่อดกังวลใจไม่ได้เพราะลูกสาวคนโตไม่เคยห่างอกพ่อแม่ไปไกลอย่างมากก็ที่โรงเรียนประจำที่ลูกสาวทั้งสองขอพักอยู่ที่โรงเรียนเพราะไม่อยากตื่นเช้าไปโรงเรียนและวันศุกร์ก็กลับบ้านเช้าวันจันทร์ก็ไปเรียน “คิดแล้วก็ใจหายนะคะ น้องจ้าวไปเรียนตั้งสี่ปีหวังว่าจะไม่ต่อโทต่อเอกนะคะ” ยุพเรศนั่งลงข้างสามีและพูดถึงลูกสาวที่ขอไปเรียนต่อที่อังกฤษแต่สามีของเธอเสนอให้ไปเรียนที่สกอตแลนด์เพราะลูกชายของเพื่อนรุ่นพี่เรียนที่นั่นทั้งสองคนและยังเป็นบ้านเกิดภรรยาของคุณานันท์และเขาได้พูดคุยกับรุ่นพี่ที่อยากได้ลูกสาวของเขาเป็นสะใภ้แต่เขาบอกว่าไม่บังคับลูกสาวหากวันหนึ่งเมนิลารักใคร่ชอบพอกับลูกชายของคุณานันท์เขาก็จะไม่ขัดขวางตอนนี้รู้จักสนิทสนมกันไว้ก็ไม่เสียหายอะไร “ตอนนี้น้องจ้าวก็โตแล้วมีความคิดความอ่านเป็นของตัวเองและยังเป็นพี่ใหญ่ของน้องๆ อนาคตจะต้องมาดูแลธุรกิจของเราจะให้หมกอยู่แต่ในบ้านก็ไม่ได้เดี๋ยวจะไม่ทันคนอื่นเขาถึงแม้พี่จะหวงและเป็นห่วงแต่ก็ต้องปล่อยลูกไปเผชิญกับโลกกว้าง พี่เชื่อว่าลูกของเราจะต้องทำได้ครับ” จตุรงค์พูดกับภรรยาอย่างปลอบโยนและเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่เป็นห่วงลูกสาว “ครีมรู้ค่ะพี่จอม แต่มันอดคิดไม่ได้ค่ะ” “ถ้าครีมคิดถึงลูกเราก็ไปเยี่ยมก็ได้นี่ครับ” “ค่ะพี่จอม” คนเป็นภรรยาก็จำนนต่อเหตุผลและความเป็นจริงที่สามีพูดแล้วเอนตัวซบอกของสามีที่โอบกอดเธอไว้ “ฮั่นแน่ ป๊ากับม่าม๊าทำอะไรกันครับ” เสียงห้าวแตกพร่าของจินน์ลูกชายคนเล็กวัย16ปีแซวพ่อกับแม่ที่อยาด้วยกันจนลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วยังสวีทหวานกันให้ลูกๆเห็นตลอด “ตื่นได้แล้วเหรอเรา” จตุรงค์ถามลูกชายหากเป็นวันศุกร์เสาร์เขาอนุญาตให้เล่นเกมได้ถึงห้าทุ่มและตื่นสายได้และหากิจกรรมมาสอนและเล่นกับลูกชายแต่คืนวันอาทิตย์ห้ามเล่นเกม “ถ้าไม่หิวไม่ตื่นหรอกใช่มั้ยลูก” คนเป็นแม่ยิ้มให้ลูกชายแล้วโอบกอดลูกชายที่กำลังโตเป็นหนุ่ม “ม่าม๊ารู้ใจจินน์จริงไครับ” “แล้วป๊าไม่รู้ใจลูกหรือไงฮะตาจินน์” “รู้มากกครับป๊า แต่ผมไปหาน้าแมวดีกว่าครับ” จินน์พูดจบก็ลุกขึ้นเดินเข้าครัวไปหาพี่เลี้ยงเพื่อหาขอกินตามประสาเด็กหนุ่มที่กำลังกินกำลังนอน “จะได้เรื่องมั้ยคะพี่จอม” ยุพเรศส่ายหน้าไปมาตามหลังลูกชายคนเล็กเธอนึกภาพเขาเป็นนักธุรกิจไม่ออกจริงๆ “ลูกพี่เชื้อไม่ทิ้งแถวแน่นอนครับ” “ค่า..ครีมจะคอยดูนะคะ” สองสามีภรรยาก็คุยเรื่องจิปาถะทั้งงานและเรื่องการเรียนของลูกๆว่าแต่ละคนชอบอะไรไม่ชอบอะไรและให้ลูกเลือกเองจะไม่บังคับและลูกสาวคนโตก็เลือกเรียนด้านการเงินและบริหารจัดการซึ่งเกี่ยวกับงานที่บริษัท เอวีเอ็น กรุงเทพ จำกัด.(AVN Bangkok) สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารแต่ปล่อยสินเชื่อ บัตรเครดิต ผ่อนสินค้าได้ถูกกฎหมายที่สามีก่อตั้งขึ้นมาจากเงินลงทุที่หยิบยืมมาจากปู่ของลูกตอนนี้มีสาขาทั่วประเทศและต้องแบกภาระหนี้เสียไปด้วยแต่ไม่ได้เยอะมากเพราะลูกค้ายังจับจ่ายและสามารถผ่อนชำระได้ขั้นต่ำและเลือกลูกค้าที่มีงานประจำที่มั่นคงและเงินเดือนในระดับที่สามารถชำระหนี้ได้ ที่ห้างสรรพสินค้าหรูกลางเมืองแหล่งช้อปปิ้งของวัยรุ่นและต้องมีเงินเพราะมีแต่สินค้าแบรนด์เนมหากจะซื้อพวกงานแฮนด์เมดก็ต้องตอนเย็นที่จะมีกลุ่มวัยรุ่นนำมาขายมีหลายอย่างและวันนี้เมนิลาตั้งใจมาซื้อของใช้ที่ขาดละเธอก็จดไว้แล้วจึงไปซื้อก่อนและรอเพื่อนๆด้วย “กริ้งงๆๆ..” “แกอยู่ไหนน้องจ้าว” “อยู่ซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วแกล่ะน้องแกนรด์” เสียงหวานใสถามเพื่อนเพราะตอนนี้เธอซื้อของใกล้จะเสร็จแล้ว “เพิ่งจอดรถน่ะ งั้นเดี๋ยวฉันกับน้องเพนท์ น้องวีนัสไปหาแกที่ซุปเปอร์ละกัน” “โอเคแก” เมนิลาวางสายจากเพื่อนแล้วมองหาน้องสาว “จ๋าพื่อนพี่มาแล้วไปจ่ายเงินกันเถอะ” “พี่จ้าวไปเข้าคิวเลยค่ะ จ๋าขอไปเอาขนมอีกอย่างหนึ่งค่ะ” มิลานีบอกพี่สาวแล้วเดินไปหยิบขนมมาสามถุงใหญ่แล้วเดินไปหาพี่สาว “เอาแค่ถุงเดียวน้องรัก ไม่งั้นพี่จะฟ้องม่าม๊า” เมนิลาบอกน้องสาวที่หยิบขนมขบเคี้ยวยี่ห้อดังมาสามถุงใหญ่ “พี่จ้าวอย่าบอกม่าม๊าสิคะ จ๋าไม่ได้กินทีเดียวหมดสักหน่อยยังไงพี่จ้าวกับนายจินน์ก็ช่วยกินอยู่ดีแล้วคืนนี้ซีรี่ย์จีนมีตอนใหม่มาด้วยนะคะ “คนเป็นน้องมีเหรอจะไม่รู้ใจพี่สาวที่ชอบห้ามแต่ก็กินด้วยกันทุกครั้งตอนดูซีรีย์จีนเกาหลีที่มีตอนใหม่มาเกือบทุกวันและพวกเธอก็สมัครสมาชิกเพื่อจะได้ดูได้เร็วกว่าที่ไม่ได้เป็นสมาชิก “งั้นเอาแค่สองถุงนะจ๋า ของพวกนี้กินเยอะมันไม่ดีต่อสุภาพถ้าจ๋าอยากกินเดี๋ยวพี่พาไปซื้อคุ้กกี้หรือขนมปังกรอธัญพืชดีกว่านะ” เมนิลาบอกน้องสาวด้วยความเป็นห่วง “ก็ได้ค่ะ” “ถ้าพี่ไม่อยู่ห้ามแอบกินนะ พี่จะให้น้าแมวจับตาดู” แต่ที่โรงเรียนก็มีแต่อาหารขนมที่มีประโยชน์แต่ถ้าอยากกินอาหารประเภทสตรีทฟู๊ดต้องหน้าโรงเรียนหรือไม่ก็ข้างโรงเรียนแต่ต้องแอบซื้อและทุกคนก็รู้ระหัสลับที่รุ่นพี่สอนเพราะพ่อค้าแม่ค้าในละแวกนี้จะรู้ดีเพราะค้าขายให้เด็กๆมานายจนนับไม่ถ้วนว่ากี่รุ่นและแต่อาจารย์บางคนก็ยังแอบให้พวกเธอซื้อให้แต่ก็มีอาจารย์บางคนที่เข้มงวดทำให้พวกเธอถูกทำโทษก็บ่อยจนขึ้นทัณฑ์บน “เข้าใจแล้วค่ะ” มิลานีรู้ว่าพี่สาวเป็นห่วงจึงเชื่อฟังเพราะพี่สาวเป็นตัวอย่างที่ดีให้เธอ “ดีมากจ้ะ” เมนิลายิ้มให้น้องสาวก่อนจะจ่ายเงินค่าของใช้ทั้งหมด “น้องจ้าว” “มาแล้วเหรอแก” “สวัสดีค่ะพี่แกรนด์ พี่เพนท์ พี่วีนัส” มิลานียกมือไหว้เพื่อนพี่สาวที่เธอรู้จักและสนิทกับทุกคน “หวัดดีน้องจ๋า แกเอาของไปเก็บก่อนมั้ยน้องจ้าว” ปุณณิกาถามเพื่อนที่ซื้อของเต็มรถเข็นช้อปปิ้ง “งั้นพวกแกไปรอที่ร้านกาแฟนะ ฉันเอาของไปเก็บแฟ๊บหนึ่งจะรีบมา” เมนิลาบอกเพื่อนซึ่งเธอโทรเรียกน้าเลขคนขับรถของพ่อมาเอาของไปเก็บก็ได้แต่เธอชอบทำอะไรด้วยตัวเองมากกว่าซึ่งปู่สอนเสมอว่าถ้าเอาแต่พึ่งคนอื่นก็เหมือนยืมจมูกของเขาหายใจและจะทำอะไรไม่เป็นสุดท้ายก็อาจจะไม่เหลืออะไรหากจะเป็นผู้นำคนก็ต้องแข็งแกร่งทำทุกอย่างด้วยตัวเองก็จะสามารถป้องกันความผิดพลาดได้เพราะได้ลงมือทำเอง “โอเค” ห้าสาวก็เดินแยกกันไปสองพี่น้องเอาของไปเก็บที่รถส่วนสามสาวดินไปที่ร้านกาแฟชื่อดังสั่งเครื่องดื่มรอเพื่อนกับน้องสาวและสั่งเครื่องดื่มให้อย่างรู้ใจเพราะคบกันมาตั้งแต่เรียนประถมจนจบมัธยมปลายและกำลังจะแยกย้ายกันไปเรียนต่างประเทศ เมื่อเอาของไปเก็บและบอกให้น้าเลขไปรับประทานอาหารและเดินเล่นรอกว่าเธอจะดูหนังกับเพื่อนก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้างเพื่อดูหนังด้วยกันในรอบสิบเอ็ดนาฬิกาครึ่งและหนังจบเกือบสิบสี่นาฬิกา “แล้วเจอกันวันเลี้ยงส่งน้องเพนท์นะพวกแก” เมนิลาบอกเพื่อนๆเพราะปุณณิกาเดินทางไปอังกฤษก่อนเธอส่วนกันยากรไปเรียนที่จีน ส่วนวรินทรไปเรียนที่อินเดีย มีแค่เธอกับปุณณิกาเรียนใกล้กัน “โอเคจ้ะ แยกย้ายกันเลยนะแก” กันยากรพูดกับเพื่อนเพราะอาทิตย์หน้าเธอจะเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษเพราะเพื่อนๆไปเรียนต่างประเทศกันหมดเธอก็ไม่อยากเรียนที่เมืองไทยคนเดียวจึงเลือกเรียนที่อังกฤษตามคำแนะนำของพ่อที่เป็นศิศย์เก่านักเรียนอังกฤษ เมนิลากับมิลานีกลับถึงบ้านเวลาสิบห้านาฬิกาแล้วสองสาวก็เอาของไปเก็บและพักผ่อนจนกระทั่งเย็นก็อาบน้ำเพื่อต้อนรับแขกของพ่อที่รู้จักกันดีไปมาหาสู่กันตลอด “ก๊อกกๆๆ..” “พี่จ้าวอาบน้ำเสร็จหรือยังคร้าบ ม่าม๊าให้จินน์มาตามคร้าบ” จินน์เคาะประตูห้องพี่สาวเบาๆแล้วบอกคนในห้องที่ยังไม่ลงไปชั้นล่างเพราะลุงเคนกับป้าไรยาใกล้จะมาถึงแล้ว “เสร็จเดี๋ยวนี้แล้วจ้าน้องจินน์” คนเป็นพี่ตอบน้องชายแล้วเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออกไปจากห้อง “พี่จ้าวนี่ช้าตลอดเลยอ่ะ แต่งตัวได้แค่เนี้ย” จินน์มองพี่สาวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าก็เห็นใส่กางเกงขาสามส่วนและเสื้อยืด “มีอะไรผิดปกติเหรอจินน์” เมนิลาถามน้องชายที่มองเธอหากเป็นคนอื่นมองแบบนี้ป่านนี้มีเรื่องไปแล้ว “ก็พี่จ้าวลงไปช้ากว่าใคร จินน์ก็คิดว่ามัวแต่แต่งตัวสวยให้ว่าที่พ่อแม่คู่หมั้นดูน่ะสิ ฮ่าๆๆ..” จินน์แซวพี่สาวขำๆเพราะรู้ว่าทั้งสองบ้านอยากเป็นดองกันและลุงเคนกับป้าไรยาบอกว่าจองพี่สาวทั้งสองให้ลูกชายที่เรียนอยู่ต่างประเทศ “ปากเสีย ตบปากตัวเองสิบที ปฏิบัติเดี๋ยวนี้” เมนิลายืนเท้าเอวบอกน้องชายที่พูดไม่เป็นมงคลเธอบอกพ่อกับแม่แล้วว่าขอเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยพูดเรื่องนี้แล้วลูกชายของลุงเคนกับป้าไรยาก็ไปเรียนต่อที่สกอตแลนด์ตั้งแต่เด็กป่านนี้คงมีแฟนไปแล้วคงไม่เหลือรอดมาถึงเธอหรอกมั้ง “น้องพูดเรื่องจริงนะครับพี่จ้าว” “เดี๋ยวเถอะยังไม่จบอีก ป่ะลงไปกันเถอะก่อนที่พี่จะกินหัวจินน์” เมนิลาชวนน้องชายเพราะมัวแต่พูดเย้าแหย่กัน “คร้าบพี่สาวคนสวย จินน์จะคอยดูว่าใครจะได้เป็นสะใภ้ลุงเคนกับป้าไรยา” จินน์ยังไม่เย้าแหย่พี่สาวไม่เลิกเขาเคยเจอพี่วินด์กับพี่เคย์ล่าสุดก็ปีที่ผ่านมาเพราะทั้งสองกลับมาเยี่ยมบ้าน เมนิลาไม่พูดเพราะเธอยังไม่คิดเรื่องผู้ชายพายเรือตอนนี้เธออายุแค่สิบแปดเองยังมีเวลาอีกเยอะและสมัยนี้ผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมผู้ชายบางคนแต่งงานอายุสี่สิบก็มีและเธอก็คิดว่ากว่าจะเรียนจบและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเมื่อไหร่ก็ค่อยคิดมีครอบครัว เวลา18.10น. รถตู้หรูคันใหญก็แล่นเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ก่อนจะจอดเทียบหน้าเทอเรสที่เจ้าของบ้านทั้งห้าคนมารอรับแขกที่พร้อมหน้ากันแล้วแขกทั้งสองก็ลงจากรถยิ้มแย้มและทักทายเจ้าของบ้าน “สวัสดีครับพี่เคน พี่ไรยา” จตุรงค์ยกมือไหว้สองสามีภรรยารุ่นพี่ที่เขาเคารพนับถือเหมือนพี่ชายพี่สาวเพราะคุณานันท์เป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมแล้วเล่นกีฬาด้วยดันจึงสนิทกันตั้งแต่นั้นมาพอเรียนจบที่เมืองไทยก็เรียนต่างประเทศเขาก็เลือกไปอังกฤษแต่เรียนคนละมหาวิทยาลัยกับคุณานันท์แล้วไปมาหาสู่กินเที่ยวด้วยกันอยู่ห้าปีแล้วคุณานันท์เรียนจบปริญญาโทก่อนเขาก็กลับเมืองไทยและแต่งงานกับไรยาสาวชาวสกอตแลนด์ที่ฐานะร่ำรวยนิสัยดีและติดดินมาก “สวัสดีจอม คุณครีม แหมวันนี้หลานสาวลุงสวยจังเลยลูก” คุณานันท์รับไหว้จตุรงค์และครอบครัวที่สนิทสนมกันมานานเกือบสี่สิบปี “ขอบคุณค่ะลุงเคน ปกติจ๋าก็สวยทุกวันค่ะ คิกกๆๆ..” มิลานีตอบลุงเคนแล้วหัวเราะคิกคัก “ฮ่าๆๆ..หลานลุงนี่ไม่หลงตัวเองเลยเนาะ แต่ลูกนายสวยน่ารักทั้งสองคนเลยจริงๆนะจอม” คนอยากได้ลูกสาวเพื่อนรุ่นน้องเป็นลูกสะใภ้ก็ชมหลานสาวทั้งสอง “ใชค่ะคุณจอมคุณครีม หนูจ้าวกับหนูจ๋าสวยน่ารักสมวัยนี่ยังไม่โตเป็นสาวเต็มตัวยังสวยน่ารักขนาดนี้ใครเห็นก็อยากได้ไปเป็นสะใภ้แน่จ้ะ” ไรยาลูบหลังหลานสาวไปมาอย่างเอ็นดูจนอยากได้เป็นลูกสะใภ้ “ก็ถ้าใครรับนิสัยของลูกผมได้ ผมก็โอเคนะพี่เคน พี่ไรยา หึหึๆๆ..” จตุรงค์พูดแล้วหัวเราะในลำคอ “งั้นเรามารอดูกันดีกว่านะจอมว่าใครจะโชคดีได้ลูกสาวบ้านนี้เป็นสะใภ้” หากลูกชายของเขาไม่รักไม่ชอบลูกสาวของเพื่อนรุ่นน้องก็จะคิดเสียว่าไม่มีวาสนาต่อกันแต่ถ้าเด็กๆเขาเป็นเนื้อคู่กันก็ไม่แคล้วกันไปได้เหมือนกัน “เชิญในบ้านดีกว่าค่ะพี่เคน พี่ไรยา” ยุพเรศเชิญแขกคนสนิททั้งสองเข้าบ้าน จตุรงค์เดินไปพร้อมกับคุณนันท์คุยกันไปหัวเราะไปส่วนไรยาก็เดินไปพร้อมกับยุพเรศ เมนิลาและมิลานีก็เดินตามไปพร้อมกับน้องชายเพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกันหลังจากอิ่มแล้วก็ไปนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่นผู้ใหญ่ก็ดื่มไวนไปคุยกันไปส่วนมิลานีกับจินน์ก็เล่นเกมออยู่มุมห้องจึงเหลือเมนิลาที่นั่งคุยกับลุงป้าเรื่องไปเรียนต่อที่สกอตแลนด์ “ป้าให้พี่วินด์เตรียมห้องพักไว้ให้หนูจ้าวแล้วนะลูก เมื่อก่อนพี่วินด์กับพี่เคย์ก็พักที่ห้องนี้พอเรียนจบก็ปล่อยทิ้งไว้จะปล่อยให้เช่าก็กลับจะทำห้องพังป้าก็เลยปิดไว้” “แล้วตอนนี้พี่ๆพักที่ไหนคะ” เธอได้ยินว่าพี่วินด์จบปริญญาโทแล้วตอนนี้ทำงานหาประสบการณ์ที่โน่นก่อนยังไม่กลับเมืองไทยแต่พี่เคย์จบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระแล้วก็ไปต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์เหมือนพี่ชาย “พี่วินด์พักที่บ้านของตาจ้ะเพราะใกล้ที่ทำงานแต่ไม่ไกลกันนะลูก ส่วนพี่เคย์ก็เรียนที่ลอนดอนจ้ะ” ไรยาพูดึคงลูกชายอย่างภูมิใจที่เรียนปริญญาตรีแค่สามปีแล้วต่อปริญญาโทอีกสองปีพอจบก็ทำงานที่โน่นและไม่บอกเธอกับสามีแต่ที่เธอรู้เพราะพ่อแอบบอกและสั่งไม่ให้ยุ่งกับหลานชายปล่อยให้เขาได้คิดและตัดสินใจเองทำให้เธอกับสามีทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นตามที่ลูกชายต้องการ “จ้าวกลัวว่าจะรบกวนพี่วินด์ค่ะ ที่จริงจ้าวอยู่เองได้นะคะ” ปกติเธอก็ไปโรงเรียนกินนอนและช่วยเหลือตัวเองมาตั้งแต่มัธยมหนึ่งจึงไม่เป็นปัญหาส่วนอาหารเธอกินง่ายได้หมดและทำเป็นหลายเมนูที่ง่ายๆเช่นตระกูลไข่ ยำหรือแกงจืดและต้มย้ำและเธอซื้อเครื่อปรุงสำเร็จรูปไปเยอะเลยของแค่มีอาหารสดก็พอ “รบกวนอะไรกันลูก หนูจ้าวก็เป็นเหมือนลูกหลานป้าพี่วินด์กับพี่เคย์ก็เป็นเหมือนพี่ชายก็ต้องช่วยดูแลน้องสาวสิจ้ะ” ไรยาพูดแล้วยิ้มเอ็นดูหลานสาวที่เกรงใจ “ครีมเกรงใจหลานจังเลยค่ะพี่ไรยา" ยุพเรศก็เกรงใจคาวินทร์ที่ต้องมาดูแลลูกสาว “คุณครีมไม่ต้องเกรงใจหรอกพี่คุยกับตาวินด์แล้วล่ะ เขาจะช่วยดูแลหนูจ้าวจนกว่าเขาจะกลับเมืองไทยก็น่าสักสองปีนี่แหละ” คุณานันท์ตอบยุพเรศที่เกรงใจลูกชายแต่เขาคุยกับลูกชายแล้วไม่มีปัญหาอะไรยกเว้นจะให้คบหากับหนูจ้าวที่เจ้าลูกชายตัวดีไม่ยอมรับ “ขอบคุณมากค่ะพี่เคน พี่ไรยา” ยุพเรศยกมือไหว้ขอบคุณสองสามีภรรยาที่ใจดีและคบหากันมานาน “หนูจ้าวก็เตรียมแต่เสื้อผ้าไปก็พอนะลูกส่วนเรื่องอารหารกินเดี๋ยวพี่วินด์จะจัดการให้หนูจ้าต้องการอะไรก็บอกพี่เขาได้เลยนะลูก” ไรยาต้องการให้ทั้งสองสนิทสนมกันแต่ลูกชายกับหลานสาวนอกไส้คนนี้ไม่ได้เจอกันนานแล้วเดี๋ยวเธอส่งรูปของลูกชายให้เมนิลาดูและส่งรูเมนิลาให้ลูกชายดูเพื่อจะได้ไม่ผิดตัวเพราะเมนิลาเดินทางไปสกอตแลนด์คนเดียวและลูกชายของเธอก็ไปรับที่สนามบิน “ขอบคุณคุณป้าไรยามากนะคะ” เมนิลายกมือไหว้ขอบคุณป้าไรยาที่ช่วยจัดการให้ทุกอย่างแต่ไม่รู้ว่าลูกชายของคุณป้าจะเต็มใจหรือเปล่าเรื่องนี้แหละที่เธออยากรู้ “เอาไว้ปีใหม่ป้ากับลุงและป๊ากับม่าม๊าของหนูจะไปหานะจ้ะ” ตอนนี้ทุกคนติดงานจึงไม่ได้ไปส่งเมนิลาแต่นัดกันไว้ว่าตอนปีใหม่จะยกครอบครัวไปหาลูกๆและเที่ยวยุโรป จากนั้นทุกคนก็คุยกันเรื่องงานที่ร่วมลงทุนด้วยกันและเรื่องเที่ยวเรื่องเรียนของลูกๆที่ต่างก็มีแผนไว้ไว้ว่าลูกๆแต่ละคนเหมาะสมกับงานแบบไหนสำหรับคุณานันท์กับไรยานั้นไม่มีปัญหาเพราะมีลูกชายทั้งสองแต่จาตุรงค์นี่สิมีลูกสาวสองคนและมีลูกชายคนเล็กกว่าจะรับผิดชอบงานได้ก็อีกสิบปีจึงหนักใจและหวังจะเป็นดองกับรุ่นพี่ก็เพราะเรื่องงานนี่แหละแต่ก็อดหวงลูกสาวไม่ได้ “นี่ก็ดึกแล้วพี่กับไรยากลับก่อนดีกว่านะจอม ครีมเอาไว้คราวหน้าต้องไปทานอาหารบ้านพี่กันนะ” คุณานันท์บอกกับเจ้าของบ้านที่ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ “ได้ครับพี่เคน” “แล้วจะเลี้ยงส่งหนูจ้าววันไหนจ้ะ” “คงไม่ได้เลี้ยงค่ะพี่ไรยา เจ้าตัวเขาขอไว้ค่ะ” “ทำไมล๋่ะหนูจ้าว” ไรยาถามหลานสาวอย่างแปลกใจเพราะทุกคนไปเรียนต่อก็จัดงานเลี้ยงส่งกันพอกลับมาก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับกันทั้งนั้น “จ้าวรู้สึกว่ามันเศร้ามากกว่าค่ะ เหมือนเลี้ยงส่งให้ไปไกลๆนานๆแค่คิดว่าไปสี่ปีจ้าวก็คิดว่ามันนานมากแล้วค่ะ” เมนิลาตอบป้าไรยาอีกอย่างเธอไม่ชอบการจากลาจึงไม่ให้พ่อแม่จัดงานเลี้ยงส่งเหมือนเพื่อนที่เธอต้องไปร่วมงานเลี้ยงแต่อย่างน้อยก็อยู่ไม่ไกลกันไปหากันได้ “ป้าเข้าใจแล้วลูก งั้นป้ากลับก่อนนะจ้ะ พี่ไปนะคะคุณจอมคุณครีม” ไรยายิ้มให้หลานสาวและเข้าใจว่าการไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนั้นมันไม่ง่ายที่จะปรับตัวได้ทันทีเพราะเธอมาอยู่เมืองไทยกับสามีก็ขลุกขลักอยู่นานเพราะสื่อสารกับคนรับใช้ไม่รู้เรื่องต้องใช้ภาษามือเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างหนักเข้าก็โทรไปคุยกับสามีแล้วให้เขาโทรมาบอกคนที่บ้านให้จึงตั้งใจเรียนภาษาไทยจนตอนนี้เธอพูดภาษาไทยคล่องปร๋อเลยทีเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD