“พวกยูจะพักกันที่นี่จริงเหรอ” มารีน่ามองแคมป์หรือเรียกว่ากระโจมก็ได้ที่ตั้งเรียงกันสองหลังแต่ยังมีรอบๆที่ห่างออกไปเป็นระยะอีกนับสิบกว่าหลังยังไม่รวกับรถบ้านที่มาเป็นกลุ่มจอดเรียงกัยถึงแม้มันจะกันหนาวได้แต่มันลำบากเพราะต้องไปเข้าห้องน้ำและอาบน้ำรวมซึ่งเธอไม่ชอบแบบนี้
“งั้นยูไปพักที่โรงแรมละกัน เดี๋ยวไอให้เขาจัดห้องให้” คาวินทร์บอกเพื่อนสาวที่เรื่องมากขึ้นมาเมื่อเห็นแคมป์ปิ้งของพวกเขาซึ่งไม่ได้มีแค่สองกระโจมไม่ได้น่ากลัวเลยและยังมีการ์ดดูแลความปลอดภัยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
“ไอไปพักที่ห้องของยูก็ได้นะคาร์ล” มารีน่าอยากพักห้องของเขามากกว่าโรงแรมและทุกคนจะได้รู้ว่าเธอเป็นแฟนของคาวินทร์
“ไม่ได้หรอกมารีน่า มันเป็นที่ส่วนตัวของไอถ้ายูไม่พักที่นี่เดี๋ยวทานอาหารเย็นแล้วไอจะไปส่งที่โรงแรม” คาวินทร์ตัดสินใจทันทีเขาไม่อยากให้เพื่อนเซ็งเพราะอีกนานกว่าจะเจอกันและได้ดื่มด้วยกันแบบนี้อีก
“ไม่เอาอ่ะ ยูต้องไปพักที่โรงแรมกับไอนะคาร์ล” มารีนากอดแขนเพื่อนหนุ่มแล้วเอียงศีรษะซบไหล่เขาอย่างออดอ้อน
“งั้นก็กลับลอนดอนมั้ยล่ะ” ชายหนุ่มพูดอย่างรำคาญ
“คาร์ล ทำไมยูพูดแบบนี้ไอคิดถึงยูมาหายูถึงที่นี่ยูจะไล่ไอกลับเหรอ ไอไม่ยอมนะคาร์ล” มารีน่าร้องโวยวายเสียงดังด้วยความไม่พอใจที่ถูกไล่ทั้งที่เธอตั้งใจมาหาเขาแต่กลับถูกไล่กลับลอนดอน
“ไม่ยอมงั้นเหรอ”คาวินทร์มองเพื่อนสาวที่โวยวายแล้วถอนหายใจ
“ใช่..ยูต้องไปนอนที่โรงแรมกับไอนะคาร์ล”
“ยูเป็นอะไรกับไอหรือมารีน่า”
“ก็ ก็เป็นแฟนกันไง”
“ผิดแล้วมารีน่า ยูบอกว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นและไอก็ยอมรับได้แค่นี้ถ้ามากกว่าเพื่อนความต้องการของเราไม่ตรงกันแล้วล่ะ” คาวินทร์พูดเสียงเย็นเขาใช่คนเรื่องมากและรู้ว่ามารีน่าก็ไม่แได้คบเขาแค่คนเดียวแต่เขาไม่ได้สนใจเพราะไม่ได้คิดไปมากกว่าความเพื่อนกินเพื่อนนอนและเขารู้ว่าเธอไม่ได้มีเขาคนเดียวก็ห่างจากเธอ
“ไม่นะคาร์ล ไอรักยูนะ”
"อย่าพูดคำว่ารักออกมาเลยมารีน่า ยูกับไอเป็นได้แค่ไหนยูน่าจะรู้ดี เดี๋ยวไอไปส่งที่โรงแรมละกัน” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่สนใจในเมื่อมารีน่าล้ำเส้นก็ยุติความสัมพันธ์ไปเลยจะดีกว่า
“คาร์ล..”
“จะไปมั้ย”
“ก็ได้ ไอจะกลับลอนดอนแล้วเราก็ไม่ต้องเจอกันอีก” มารีน่าพูดด้วยความโกรธที่คาวินทร์ปฏิเสธเธอแล้วเขาจะเสียใจที่ทำกับเธอแบบนี้และเธอจะหาผู้ชายที่รวยกว่าเขาให้ได้และคราวนี้เธอจะตัดสินใจได้เสียที
“เดี๋ยวไอให้คนไปส่ง เดี๋ยวกูมานะ” คาวินทร์บอกเพื่อนที่นั่งมองเขากับมารีน่าพูดกันตาปริบๆ
“ตามสบายเพื่อน”
คาวินทร์เดินไปที่รถแล้วหยิบโทรศัพท์มาโทรไปที่โรงแรมให้จัดรถไปส่งแขกที่สถานีรถไฟก่อนจะเดินกลับมาหามารีน่าที่นั่งเชิดหน้าใส่เขาก็ไม่ได้สนใจยังไงก็ต้องจบกันอยู่แล้ว
“เดี๋ยวรถโรงแรมจะมารับยูไปส่งที่สถานีรถไฟนะส่วนค่าใช่จ่ายเดี๋ยวไอจัดการให้” เขาจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการเดินทางให้มารีน่าเหมือนทุกครั้งที่มาหา
“ไม่ต้อง ไอไม่ต้องการความช่วยเหลือของยูแค่ไปส่งที่สถานีรถไฟก็พอ” มารีน่าพูดจบก็ลุกขึ้นเดินสะบัดก้นใส่หนุ่มหล่อที่เธอหมายปองแต่เขากลับไม่สนใจทั้งที่เธอหนีงานมาหาในเมื่อเขาไม่คิดอะไรกับเธอไปมากกว่าเพื่อนนอนเธอก็ยังมีผู้ชายในสต็อกอีกหลายคนและที่เข้าตาคือทนายความรุ่นใหญ่ที่จะทำให้เธอก้าวหน้าในหน้าที่การงานและเขาเป็นพ่อหม้ายอายุเยอะกว่าเธอไปยี่สิบปีแต่ใครสนเพราะเขามีเงินให้เธอใช้จ่ายสบายมือก็พอ
“มึงจะทำแบบนี้จริงเหรอวะมิน” สุริยะถามเพื่อนที่ไล่มารีน่ากลับลอนดอน
“จะจบวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกันแหละ พวกมึงก็รู้นี่กว่าเราจะเรียนจบมันไม่ง่ายและการทำงานมันก็ยากกว่าหลายร้อยเท่าแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปเอาใจผู้หญิงวะ เอาแค่สนุกน้ำแตกแล้วแยกกันก็จะดีต่อพวกเราจริงมั้ย” คาวินทร์พูดกับเพื่อนต่อไปเขาต้องระวังเรื่องคบเพื่อนผู้หญิงเพราะแต่ละคนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ
“มันก็จริงของมึงนะ กูก็ไม่คิดจะมีแฟนเหมือนกันแต่ถ้ามีก็ขอเป็นผู้หญิงไทยนะ” จิตรินพูดขึ้นไม่ใช่ว่าเขาจะสนใจเรื่องเวอร์จินของผู้หญิงแต่ชาวต่างชาติส่วนมากมีอิสระเสรีเรื่องเซ็กส์แต่ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากเป็นผู้ชายคนแรกของภรรยาแต่มันก็จะเป็นการเห็นแก่ตัวไปเพราะเขายังไม่บริสุทธิ์เลยแต่ช่างหัวมันเถอะตอนนี้เขาขอสนุกกับชีวิตให้เต็มที่ก่อนจะคิดเรื่องครอบครัว
“เดี๋ยวกูมานะ” คาวินนทร์เห็นรถของโรงแรมมาจอดที่ลานจอดเขาก็เดินไปหามารีน่าแล้วพาไปขึ้นรถของโรงแรมที่จะไปส่งที่สถานีรถไฟเพื่อกลับลอนดอนตามที่เธอต้องการ
“ที่ผ่านมายูไม่ได้รักไอเลยใช่มั้ย” มารีน่าถามคาวินทร์อีกครั้ง
“เราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วนะมารีน่าว่าระหว่างเราเป็นได้แค่เพื่อนกันเพราะไอไม่อยากมีแฟนจนกว่าไอจะประสบความสำเร็จและยูเองก็อยากเป็นทนายความชื่อดังไม่ใช่หรือไง” คาวินทร์พูดกับมารีน่าตรงๆ
“โอเค..ไอเข้าใจแล้วขอให้ยูโชคดีนะคาร์ล” มารีน่ามองหนุ่มหล่อที่เธอคิดมาตลอดว่าเขาเป็นแค่นักเรียนไทยธรรมดาเพราะเขามีแค่จักยานปั่นไปเรียนเหมือนเพื่อนของเขาทำให้เธอตกลงกับเขาว่าเป็นแค่เพื่อนกันหากรู้ว่าเป็นหลานของคาร์เตอร์เธอจะจับเขาไว้แค่คนเดียวไม่หว่านเสน่ห์ไปทั่วแบบนี้และเธอพลาดไปจริงๆ
“ไอก็ขอให้ยูโชคดีนะมารีน่า” คาวินทร์พูดจบก็เปิดประตูรถให้มารีน่าเมื่อสาวสวยขึ้นรถแล้วเขาก็ปิดประตูรถให้แล้วมองรถแล่นออกไปจากลานจอดรถของแคมป์ปิ้งก่อนจะเดินกลับไปหาเพื่อนเตรียมตัวไปรับประทานอาหารที่ปราสาทของตา
“จะว่าไปก็สงสารมารีน่าเหมือนกันนะ” สุริยะพูดขึ้นเขารู้ดีว่าเพื่อนคบผู้หญิงทุกคนแค่เพื่อนก็แล้วแต่ใครอยากเป็นเพื่อนแบบไหนก็เหมือนเขากับเดชาธรและจิตรินที่มีแต่เพื่อนกินเพื่อนเที่ยวไม่ได้ผูกติดกับใคร
“ถึงไม่มีกู มารีน่าก็ยังมีคนอื่นอีกนี่”
“เฮ้ย..มึงก็รู้เหรอวะ” จิตรินถามเพื่อนเขาเองก็ไม่อยากพูดเพราะคาวินทร์บอกว่าเป็นแค่เพื่อนกับมารีน่าแต่ถ้าคิดจริงจังเขาคงบอกเพื่อนไม่มีทางให้เพื่อถูกสวมเขาแน่
“ถึงกูอยู่สนามกอล์ฟแต่กูข้าวกินหนมปังนะไอ้เฟิร์ส และคุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่าความสัมพันธ์เป็นได้แค่ไหนกูเลยไม่สนใจว่าเธอจะมีใครและกูก็เซฟตัวเองป้องกันตัวเองดีที่สุด” คาวินทร์พูดกับเพื่อนและช่วงหลังเขาก็ห่างจากมารีน่าบางทีแค่กินข้าวไม่ได้มีความสัมพันธ์กันทุกครั้งที่เจอกัน
“งั้นก็ดีแล้วที่หยุดแค่นี้ ไม่งั้นมารีน่าอาจจะเกาะติดมึงไม่ปล่อยก็ได้” เดชาธรพูดกับเพื่อนเพราะการคบหากับสาวต่างชาติที่มีอิสระเสรีเรื่องเซ็กส์หากคิดจริงจังก็ต้องไม่ถือเรื่องนี้เพราะจะหาผู้หญิงบริสุทธิ์ยากแต่ไม่ใช่ว่าไม่มีแต่พวกเขาไม่นิยมผู้หญิงไทยเพราะกลัวเกาะติดไม่ปล่อยเพราะยังไม่คิดมีแฟน
“ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวเคย์กับอเล็กซ์และฮวนจะมาดื่มด้วย” คาวินทร์บอกเพื่อนและเขาก็กางกระโจมเผื่อน้องชายทั้งสองเรียบร้อย
“แล้วนิโคลอยู่มั้ยวะ” จิตรินถามหานิโคลญาติผู้น้องของเพื่อน
“ไม่อยู่ อย่าบอกนะว่ามึงชอบน้องกู” คามินทร์มองจับผิดเพื่อนที่ถามหานิโคลญาติผู้น้องของเขาลูกของโรซี่น้องสาวคนเล็กของแม่กับเฮนรี่น้าสาวของเขากับน้าเขยที่มีลูกสองคนคือ นิโคลคนโตวัย20ปี บาสเตียนคนรองวัย18ปี ส่วนโรมันน้องชายคนรองมีลูกสองคนคือเอเล็กซ์คนโตวัย22ปีและฮวนคนเล็กวัย20ปี ตอนนี้เรียนที่ลอนดอนมหาลัยเดียวกับเคย์ตัน
“เปล่า ก็ถามดูตามประสาคนรู้จักน่ะคราวก่อนกูเจอในคลับที่ลอนดอนน่ะ” จิตรินตอบเพื่อนเขาเจอนิโคลที่คลับและถูกเพื่อนมอมเหล้าจึงพาไปส่งที่อพาร์ทเมนท์แค่นั้นแต่ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเพราะนิโคลขอไว้และบอกว่าจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้
“ทำไมกูไม่รู้วะ”
“นั่นสิวะไอ้เฟิร์ส มีอะไรปิดพวกกูหรือเปล่า”
“ไม่มี ก็คืนนั้นที่กูไปดื่มกับจูเรียไง”
“อ้อ..แล้วไม่มีอะไรในกอไผ่ใช่มั้ยวะ”
“จะมีอะไรล่ะ ก็เจอกันทักทายกันเท่านั้นแล้วพวกมึงจะถามอะไรกันวะไปเถอะกูหิวแล้ว” จิตรินส่ายหน้าใส่เพื่อนทั้งสามแล้วเดินไปขึ้นรถเพื่อไปทานอาหารเย็นที่บ้านตาของคามินทร์
เมื่อไปถึงปราสาททุกคนก็ทักทายเจ้าของปราสาทตัวจริงที่แต่งตัวธรรดาแต่ที่ไม่ธรรมดาคือเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นแบรนด์ดังก่อนจะไปคุยกันที่ห้องโถงใหญ่ที่มีเตาผิงไว้สำหรับหน้าหนาวที่จะหนาวมากและสมัยโบราณไม่มีฮีทเตอร์ก็ต้องใช้เตาผิงแต่สมัยนี้ก็ยังใช้กันอยู่
“ถ้าว่างก็มาเที่ยวบ้างนะหนุ่มๆ” ฮันเตอร์พูดกับเพื่อนของหลานชายทั้งสามที่จะกลับเมืองไทยก่อนหลานชายที่จะอยู่ทำงานหาประสบการณ์ก่อนจะไปช่วยงานที่บริษัท
“ผมต้องมาแน่นอนครับฮันเตอร์” เดชาธรตอบตาของเพื่อนถึงเขาจะกลับเมืองไทยและทำงานแต่ก็มีเวลาพักผ่อนเขาก็มาเที่ยวได้ตลอด
“พวกพี่กลับไปแล้วผมคงคิดถึงแย่เลยครับ” เคย์ตันเดินเข้ามาแล้วยกมือไหว้เพื่อนพี่ชายที่สนิทสนมกันดีดื่มกินเที่ยวด้วยกันมาตั้งแต่เขาไปเรียนที่ลอนดอน
“สาวๆของนายมีเยอะแยะคงไม่เหงาหรอกมั้งเคย์” จิตรินล้อเคย์ตันหนุ่มหล่อเนื้อหอมจริงๆไปไหนก็มีแต่สาวๆมาทักทาย
“แหมพี่เฟิร์สครับ ผมมันแค่ลูกเสือจะสู้พ่อเสือได้ยังไงครับ” เคย์ตันพูดกับเพื่อนพี่ชายทั้งสองเสือหนุ่มตัวร้ายที่ฟาดสาวเกือบหมดลอนดอนแล้วมั้ง
“ฮ่าๆๆ..เข้าใจพูดนะไอ้น้องชายรีบเรียนเข้าล่ะจะได้กลับบ้านส่วนพี่ชายของนายก็ปล่อยให้มีเมีย เอ้ย ทำงานอยู่ที่นี่แหละ” จิตรินแกล้งว่าเพื่อนแล้วหัวเราะขำ
จากนั้นโรมันกับอเล็กซ์และฮวนก็มาสมทบแล้วซานดร้าก็มาตามหนุ่มๆทุกคนไปทานอาหารเย็นที่จัดไว้เป็นบุฟเฟ่ต์ในห้องอาหารให้หนุ่มๆเลือกกินตามสบายอย่างไม่มีพิธีรีตองยกเว้นงานเลี้ยงเป็นทางการที่จะจัดโต้ดินเนอร์หรูหราและคาวินทร์รู้ว่าเพื่อนไม่ชอบแบบนั้นจึงบอกอาสะใภ้ให้จัดอาหารเหมือนเดิมเพราะตาของเขาก็ไม่ชอบเหมือนกันส่วนมากก็จะให้เชฟทำอาหารจานเดียวหรือไม่ก็เป็นบุฟเฟ่ต์แบบนี้ เมื่อรับระทานอาหารอิ่มแล้วหนุ่มก็ขอตัวไปดื่มที่แคมป์ปิ้ง
“ขาดเหลืออะไรก็โทรบอกพ่อบ้านนะหนุ่มๆ” โรมันบอกหลานชายกับเพื่อนและลูกชายที่จะไปดื่มด้วยกันตามประสาหนุ่มโสด
“ขอบคุณครับโรมัน” สามหนุ่มขอบคุณโรมันที่มาทีไรก็ต้อนรับอย่างดีมาตลอด
“ไปเถอะครับพี่ผมเปรี้ยวแล้ว” เคย์ตันชวนพี่ชายกับเพื่อนและคืนนี้เขาชวนเพื่อนสาวที่เจอกันตอนไปแข่งรถจึงนัดเจอกันที่แคมป์ปิ้งคืนนี้เพื่อเลี้ยงส่งท้ายเพื่อนของพี่ชาย
หนุ่มหล่อทั้งหมดก็พากันไปขึ้นรถเอสยูวีคันใหญ่แล้วคาวินทร์ก็ขับไปที่แคมป์ปิ้งที่ให้พนักงานน้ำเครื่องดื่มกับแกล้มของกินเล่นมาจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยและไม่รู้ว่าเคย์ตันกับอเล็กซ์นัดเพื่อนสาวไว้
“เฮ้ย..นั่นสาวๆมาจากไหนวะ” จิตรินมองสาวๆทั้งหลายที่นั่งดื่มที่หน้าแคมป์ปิ้งของพวกเขา
“พอดีผมเจอเพื่อนที่สนามแข่งก็เลยชวนมาดื่มเลี้ยงส่งพี่เฟิร์ส พี่แบงค์ พี่เทมส์กลับเมืองไทยครับ” เคย์ตันตอบเพื่อนพี่ชายแล้วยักคิ้วให้อย่างรู้กันว่าเพราะเพื่อนสาวทุกคนก็สวยแซ่บและใจถึงถึงใจทุกคน
“ไอ้พี่น้องสองคนนี่มันต่างกันจริงๆว่ะ” เดชาธรพูดแล้วยกยิ้มใส่เพื่อนรักที่เพิ่งไล่เพื่อนสาวกลับลอดดอนแต่น้องชายกับนัดเพื่อนสาวมาดื่มแต่ก็ดีเหมือนกันจะได้แก้เหงา
“เฮ้สาวๆ..” อเล็กซ์เดินนำหน้าไปก่อนแล้วยกมือทักทายเพื่อนสาวเกือบสิบคนที่เขามาส่งที่นี่ก่อนแล้วกลับไปกินข้าวที่บ้านหรือปราสาท
“เฮ้อเล็กซ์” สาวๆชูแก้วไวน์ให้อเล็กซ์เพราะเขาสั่งเครื่องดื่มและอาหารมาให้พวกเธอดื่มกินรอพวกเขา
“ทุกคนครับ นี่คาร์ล แบงค์ เฟิร์ส เทมส์ พี่ชายของผมครับ ส่วนสาวๆก็แนะนำตัวเองนะครับ” เคย์เดนแนะนำพี่ชายกับเพื่อนให้ทุกคนรู้จัก
จากนั้นเสียงทักทายแนะนำตัวกันดังขึ้นเซ็งแซ่เพราะสาวๆก็อยากรู้จักพวกหนุ่มๆเผื่อคืนนี้จะได้สนุกด้วยกันเพราะทุกคนก็ดูจะรักสนุกไม่ต่างจากพวกเธอแต่ว่าใครจะสนใจพวกเธอเท่านั้น
“นายมีเพื่อนสาวเยอะเหมือนกันนะเคย์” สุริยะพูดกับน้องชายเพื่อนที่เจอกันปีละครั้งตอนกลับเมืองไทย
“ก็เพื่อนของเพื่อนน่ะพี่เทมส์ ที่สนามแข่งมีเยอะกว่านี้อีกครับ” เคย์ตันพูดกับเพื่อนสนิทของพี่ชายที่เรียนอยู่บอสตันแต่เจอกันทุกครั้งที่กลับเมืองไทย
“น่าสนว่ะ พรุ่งนี้ไปลองกันหน่อยมั้ยวะ” สุริยะถามเพื่อนพวกเขามีเวลาอยู่ที่นี่สองวันก่อนจะกลับลอนดอนเพราะคาวินทร์ต้องทำงาน
“เอาสิวะ กูอยากลองรถไอ้วินด์เหมือนกัน” จิตรินพูดกับเพื่อนเพราะคาวินทร์มีรถซุปเปอร์คาร์หลายคันและเขาก้มีเหมือนกันแต่อยู่ที่เมืองไทยแต่อยู่ที่นี่พวกเขาใช้จักรยานปั่นไปเรียนส่วนคาวินนทร์ก็นานๆถึงจะขับไปลอนดอนแต่ก็จอดไว้พอไปเรียนก็ปั่นจักรยานไปเรียนด้วยกัน
“แต่ตอนนี้กูว่าดื่มกับสาวๆก่อนดีมั้ยวะ” เดชาธรพูดจบก็ชูแก้ววิสกี้ขึ้นชนกับสาวๆแล้วลุกขึ้นเดินไปคุยกับสาวๆ
“ช้าอยู่ใยวะเดี๋ยวไม่ทันไอ้แบงค์กันพอดี” จิตรินพูดแล้วลุกขึ้น
“กูไปด้วย” สุริยะก็ลุกตามเพื่อนไปในกลุ่มสาวๆ
“พี่ไม่ไปดื่มกับสาวๆเหรอครับ” เคย์คันถามพี่ชายที่ยังนั่งดื่มอยู่ที่เดิม
“ไม่ล่ะ แล้วแกล่ะ”
“ดื่มกับพี่ดีกว่า แล้วแด๊ดว่ายังไงบ้างครับ”
“ก็ไม่ว่ายังไง ก็แค่ให้ดูแลลูกสาวอาจอมให้เท่านั้นแต่หากมากกว่านั้นพี่จะยกให้แก” คาวินทร์พูดกับน้องชาย
“ได้ยังไงล่ะพี่วินด์ ผมอยู่ไกลถึงลอนดอนจะดูแลน้องจ้าวได้ยังไงกันล่ะ” คนเป็นน้องท้วงเขาหากเขาอยู่ที่นี่ก็จะช่วยดูแลน้องจ้าวได้
“ถ้าแด๊ดไม่เล่นผิดกติกาก็ไม่มีปัญหาหรอก”
“ถ้าพี่วินด์เจอน้องจ้าวอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ครับ” เขาเคยเจอน้องจ้าวครั้งหนึ่งเมื่อปีก่อนตอนกลับเมืองไทยก็น่ารักดีและเขาไม่ได้คิดอะไรเพราะยังเด็กด้วยกันทั้งคู่
“เปลี่ยนใจเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องน้องจ้าวไงครับ น้องเขาน่ารักนะครับ”
“เงียบไปเลยเคย์ แกก็รู้ว่าพี่ไม่ได้คิดผู้หญิงหรือมีแฟนเพราะมันมีอะไรอีกมากที่พี่ยังไม่ได้ทำและยังใช้ชีวิตโสดไม่คุ้มด้วยซ้ำแค่คิดถึงงานที่รออยู่ก็แทบไม่มีเวลาแล้ว แกเองก็รีบเรียนให้จบจะได้กลับพร้อมกัน” คาวินทร์พูดกับน้องชายเพราะเขาขอเวลาพ่ออีกสองปีก็พอดีกับน้องชายเรียนจบและหาประสบการณ์เพราะเคย์ตันกับอเล็กซ์ก็เรียนปริญญาตรีสามปีเหมือนเขา
“โอเคครับพี่ชาย ผมจะรีบเรียนให้จบครับ”
“คุยไรกันอยู่อ่ะ” ฮวนกับอเล็กซ์ถือแก้วไวน์เดินมาหาพี่ชายทั้งสองแล้วนั่งลงตรงข้าม
“เรื่องเรียนน่ะ”
“โ้อมายก็อด..ตอนนี้ใครจะพูดถึงเรื่องเรียนกันล่ะพี่วินด์ ดูสิสาวๆเต็มเลยต้องสนุกกันให้เต็มที่สิครับ เอ้ะ หรือว่าพี่อกหักจากสาวลอนดอนคนนั้นล่ะ”
“ไม่ยุ่งสักเรื่องได้มั้ยวะฮวน”
“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกครับ เพราะมันเป็นงานอดิเรกของผมครับ” ฮวนพูดแล้วขำ
“คนไทยเขาเรียกว่าเสือกน่ะ” คาวินทร์ว่าน้องชายอย่างหมั่นไส้อย่างไม่จริงจัง
“แล้วตกลงว่ายังไงครับ ทำไมเพื่อนพี่ถึงกลับล่ะ” เคย์ตันถามพี่ชายที่ปล่อยเพื่อนสาวกลับลอนดอน
“ไม่มีอะไร ก็แค่เธอไม่อยากเป็นแค่เพื่อนน่ะ”
“อ่อ..” คนเป็นน้องร้องอ่อเข้าใจเลย
“พี่ทำยังไงอ่ะเธอถึงกลับไปง่ายๆแบบนั้น บอกผมหน่อยสิเผื่อวันหน้าผมเลิกกับเพื่อนจะได้ไม่มีปัญหาอ่ะ” ฮวนถามพี่ชายที่เลิกคบเพื่อนได้ง่ายๆ
“พวกแกจำไว้ว่าถ้าไม่พร้อมจะมีแฟนหรือมีครอบครัวก็อย่าไปให้ความหวังกับผู้หญิงและตกลงกันให้เรียบร้อยว่าการคบหากันได้ระดับไหนหากผู้หญิงไม่เต็มใจเขาก็ไปเองแต่ถ้าเขาคิดจะเป็นเพื่อนกินหรือเพื่อนนอนก็จำกัดความสัมพันธ์ให้ชัดเจนและที่สำคัญพวกแกต้องระวังอย่าไปเผลอไข่ทิ้งไว้ล่ะไม่งั้นมีปัญหาตามหลังมาแน่” คาวินทร์บอกน้องทั้งสามที่นั่งฟังเขาพูดหน้าสลอนแทนที่จะไปดื่มกับเพื่อนสาว
“สุดยอดมากเลยพี่วินด์ ผมจะจำไว้ครับ” ฮวนยกนิ้วให้พี่ชายและเขาก็เห็นคาวินทร์เป็นไอดอลมาตั้งแต่เด็กจึงเดินตามรอยพี่ชายคนโตของตระกูล
“เฮ้..พวกแกสี่พี่น้องจะคุยกันอีกนานมั้ยวะ มาเร็วสาวๆเขาจะเล่นเกมกันแล้ว” เดชาธรกรึ่มได้ที่จนหน้าแดงและสนุกสนานเพราะมีสาวสวยล้อมหน้าล้อมหลัง
“ไปสนุกกับไอ้พวกนั้นกันดีกว่า” คาวินทร์ลุกขึ้นเดินไปหาเพื่อนๆที่หัวเราะร่วนอยู่กลางวงล้อมของสาวๆ
“มานั่งนี่เลยไอ้วินด์พวกนายด้วย” จิตรินเรียกเพื่อนกับน้องชายทั้งสามมานั่งกลางวงล้อมสาวสวยนับสิบที่ดื่มวิสกี้กันยังกับดื่มน้ำทั้งที่ตอนแรกก็ดื่มไวน์กันอยู่
“เล่นเกมอะไรเหรอพี่เฟิร์ส” อเล็กซ์ถามเพื่อนพี่ชายที่หน้าแดงก่ำ
“เกมใครแพ้แก้ผ้าเอา อู้ย ไม่ใช่ เกมโยนเหรียญใครแพ้แก้ผ้าทีละชิ้นแล้วแต่ว่าผู้ชนะจะให้ถอดชิ้นไหนและดื่มหนึ่งแก้ว” จิตรินตอบอเล็กซ์แล้วยักคิ้วให้อย่างรู้เท่าทันกัน
“เจ๋งเลยพี่ ว่าแต่ใครจะเล่นก่อนดีครับ สาวๆว่าไงครับ”
“ไอเล่นก่อน” สาวสวยหุ่นดีชูมือขึ้นแล้วเดินนวยนาดมายืนตรงหน้าหนุ่มๆ
“กูขอก่อนนะ เชิญครับคุณผู้หญิง” เดชาธรเล่นเป็นคนแรกและให้สาวสวยโยนก่อน
สาวสวยโยนเหรียญก่อนแล้วแพ้ก็ถอดเสื้อออกตามที่ผู้ชนะต้องการหลังจากนั้นก็ผลัดกันแพ้ชนะจนกระทั่งสาวสวยเหลือแต่ชุดชั้นในขณะที่เดชาธรยังเหลือกางเกงในกับรองเท้าและตามด้วยสุริยะที่เหลือแต่กางเกงในขณะที่คู่แข่งเหลือแต่ชุดชั้นในตามด้วยจิตริน อเล็กซ์ เคย์ตัน ฮวนและคาวินทร์คนสุดท้ายที่เหลือเสื้อยืดกับกางเกงในส่วนเพื่อนกับน้องชายก็เหลือแต่กางเกงในและกลายเป็นปาร์ตี้ชุดชั้นในและสาวสวยทั้งหลายก็ออดอ้อนนัวเนียหนุ่มๆคู่แข่งของตัวเอง
“เดี๋ยวกูจัดการให้” คาวินทร์ปลีกตัวไปโทรหาผู้จัดการโรงแรมจัดห้องให้เพื่อนกับน้องชายส่วนเขากำลังเบื่อเพราะเพิ่งสลัดมารีน่าไปเมื่อตอนเย็นนี้เองเลยไม่มีอารมณ์แต่เล่นสนุกกับเพื่อนเพราะไม่อยากให้พวกมันเซ็งเพราะกว่าจะเจอกันก็อีกนานไม่รู้ว่าจะมีเวลาว่างตรงกันเมื่อไหร่จากนั้นก็ต้อนเพื่อนกับสาวสวยทั้งหลายขึ้นรถไปดื่มต่อกันที่ห้องพักของใครของมันหากดื่มต่อที่เต็นท์มีหวังลูกค้าที่มาพักไม่ได้หลับได้นอนกันพอดี ส่วนน้องชายก็ให้รถของแคมป์ปิ้งขับตามไปส่งที่โรงแรมแล้วตัวเขาก็กลับมานอนที่ห้องของตัวเอง