เมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์
ย่างเข้าต้นเดือนสิงหาคมปลายฤดูร้อนแต่อากาศก็ไม่แน่นอนบางวันก็มีฝนตกแต่ประปรายและฝนตกเยอะสุดในสกอตแลนด์คือเดือนมิถุนายนทำให้อากาศวันนี้ร้อนท้องฟ้าเจิดจ้าแสงแดดแรงกล้าแต่ไม่ได้ทำให้ลูกค้าในสนามไดร์ฟกอล์ฟชื่อดังในเมืองเอดินบะระประเทศสกอตแลนด์ที่โปรกอล์ฟมืออาชีพและสมัครเล่นมาใช้บริการกันทุกวันเพราะมีสอนไดร์ฟกอล์ฟโรงแรมร้านอาหารตั้งแคมป์ปิ้งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟและพักผ่อนตั้งแคมป์กับเพื่อนและฝั่งตรงข้ามยังเป็นชายหาดเรียกได้ว่าผู้เป็นเจ้าของนอนรับทรัพย์อย่างเดียวและฮันเตอร์เขายังมีเชื้อสายขุนนางเก่าชาวสกอตแลนด์แต่ก็ปลายแถวและที่นี่คือมรดกตกทอดมาถึงเขาจึงสร้างทุกอย่างขึ้นมาบนที่ดินผืนใหญ่ทำเลสุดยอดเยี่ยมในเอดินบะระ
“แด๊ดทำแบบนี้ไม่ถูกนะครับ แด๊ดมีลูกสองคนแล้วทำไมต้องเป็นผม ทำไมไม่เป็นเคย์ครับ” เสียงห้าวตอบกลับคนเป็นพ่อที่อยู่ประเทศไทยด้วยความไม่พอใจที่จะให้เขาดูแลลูกสาวของเพื่อนที่จะมาเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระที่เขาจบมาเมื่อสามปีก่อนแล้วไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ที่พ่อเป็นศิษย์เก่าและจบปริญญาโทในปีที่แล้วแต่เขาไม่ได้บอกพ่อแม่มีแค่ตาที่รู้เพราะเขาเรียนปริญญาตรีแค่สามปีและเขาทำงานที่นี่เพื่อหาประสบการณ์และพ่อเพิ่งรู้ว่าเขาจบปีนี้ก็อยากให้เขากลับเมืองไทยพอเขาไม่ยอมท่านก็หาภาระมาให้
“เคย์อยู่ลอนดอนแล้วหนูจ้าวไปเรียนที่สกอตแลนด์และลูกก็ทำงานอยู่ที่นั่นแค่ช่วยดูแลน้องเป็นหูเป็นตาให้อาจอมเขาเท่านั้นเองก็ไม่น่าจะมีปัญหานี่” คุณานันท์พูดกับลูกชายที่ไม่ยอมกลับเมืองไทยและขอทำงานหาประสบการณ์ก่อนสักปีสองปีแล้วถึงจะกลับมาช่วยงานที่บริษัทแต่ลูกชายของเขาก็ช่วยงานน้องชายของภรรยาดูแลสนามกอล์ฟกินเงินเดือนเหมือนพนักงานคนอื่นและได้งานประจำที่บริษัทผลิตก๊าซธรรมชาติในเอดินบะระ
“แด๊ดให้ผมดูแลเฉยๆใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มรู้ว่าพ่อกับเพื่อนหมายปองลูกของกันละกันเพื่อจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันแต่เขาไม่เจอน้องจ้าวมาตั้งแต่อายุสิบสองปีที่เขามาเรียนที่เอดินบะระบ้านเกิดของแม่
“ก็..ดูแลเฉยๆก็ได้” สุดท้ายคุณานันท์ก็ต้องยอมลูกชายและหวังว่าลูกชายได้ใกล้ชิดกับหนูจ้าวแล้วจะเปลี่ยนใจมาชอบแต่ตอนนี้แค่รับปากจะดูแลลูกสาวของเพื่อนรุ่นน้องแล้วเขาก็พอใจแล้ว
“ถ้าดูแลเฉยๆผมตกลง แล้วอย่าได้คิดทำอะไรลับหลังผมนะแด๊ด” คนเป็นลูกพูดอย่างรู้ทันพ่อของตัวเอง
“รู้แล้วน่า ไอ้ลูกคนนี้นี่ตกลงใครเป็นพ่อเป็นลูกกันแน่วะ” คุณานันท์ว่าลูกชายที่ไม่ค่อยจะยอมเขาเลยและเขาก็รับฟังเหตุผลของลูกไม่ได้คิดจะบังคับถ้าทั้งสองไม่รักไม่ชอบกันจริงก็แล้วแต่โชคชะตา
“ก็แด๊ดสิครับ แล้วแด๊ดก็เป็นผัวของมัมไงครับ” ชายหนุ่มพูดแล้วอมยิ้มเขาไม่ได้หนักใจเรื่องดูแลความเป็นอยู่ลูกสาวของอาจอมแต่เขากลัวจะถูกมัดมือชกให้หมั้นหมายกับลูกสาวที่ชื่อน้องจ้าวที่เขาเห็นตั้งแต่เด็กและไม่ได้เจอกันตั้งแต่เขามาเรียนต่อที่สกอตแลนด์แม้จะกลับบ้านก็นัดเจอเพื่อนๆและไปเที่ยวเท่านั้น บางทีก็เพื่อนที่นี่ตามไปเที่ยวด้วยเขาเป็นเจ้าบ้านก็ต้องพาเพื่อนๆไปเที่ยวแต่ไม่เคยเจอน้องจ้าวเลยก็สิบกว่าปีมาแล้ว
“เออๆ..งั้นแค่นี้แหละแล้วอย่าลืมโทรไปหามัมของแกด้วยล่ะเห็นบ่นถึงลูกชายคนโตไม่ยอมโทรหามาเป็นอาทิตย์แล้ว อ้อ เดี๋ยวน้องจ้าวได้วันเดินทางแน่นอนแล้วแด๊ดจะโทรบอกนะ” คุณานันท์พูดกับลูกชายก่อนที่จะเปลี่ยนใจ
“ครับแด๊ด ดูแลสุภาพด้วยนะครับ” ชายหนุ่มพูดจบก็วางสายจากพ่อที่โทรข้ามประเทศมาหาเขาเพราะเรื่องหนูจ้าวของท่านที่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าตาเป็นยังไงจะอ้วนกลมปุ๊กลุ๊กเหมือนตอนเด็กหรือเปล่า
เมื่อวางสายจากพ่อร่างสูงใหญ่ของหนุ่มลูกครึ่งไทยสกอตแลนด์หน้าตาหล่อยังกับดาราเป็นลูกผสมที่ลงตัวไม่ว่าไปทางไหนก็มีสาวๆทอดสะพานให้แต่เขามีเพื่อนสาวที่รู้จักกันตอนไปเรียนโทที่ลอนดอนแม้จะมีความสัมพันธ์กันแต่สถานะของเขากับมารีน่ายังเป็นแค่เพื่อนกัน หลังจากมารีน่าเรียนจบพร้อมเขาเธอก็ทำงานที่ลอนดอนและเธอเพิ่งไปหาเขาที่นี่เมื่อสองเดือนก่อนแล้วบังเอิญรู้ว่าเขาเป็นหลานของฮันเตอร์ ลุคซ์ มหาเศรษฐีเจ้าของสนามไดร์ฟกอล์ฟชื่อดังในเอดินบะระประเทศสกอตแลนด์ก็ต่อว่าเขาปิดบังและหลังจากนั้นก็มาหารเขาแทบทุกอาทิตย์ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนเขารำคาญ
“ว่าไงหลานชาย ลูกเขยตาโทรมามีเรื่องอะไรหรือไง” ฮันเตอร์ ลุคซ์ ชายชราวัยเจ็ดสิบห้าปีถามหลานชายคนโตที่นั่งมองทะเลมานานเกือบชั่วโมงแล้วอดใจไม่ไหวจึงเดินมาถาม
“มีเรื่องให้คิดหน่อยครับตา” คาวินทร์ ภิภพโยธิน หรือ วินด์แต่เพื่อนๆที่นี่เรียกเขาว่าคาร์ล วัย24ปีหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อและได้ยีนส์พ่อกับแม่ผสมผสานกันอย่างลงตัวใบหน้าคมสีผิวได้พ่อแต่จมูกปากก็คล้ายทั้งพ่อและแม่หล่อคมเข้มตาสีฟ้าผมสีน้ำตาลเข้ม ส่วนน้องชายที่อายุห่างกันแค่สองปีเหมือนแม่มากกว่าพ่อได้ทั้งสีผมผิวและดวงตา
“เรื่องไหนกันล่ะ จะให้กลับเมืองไทยหรือไง” คนเป็นตาถามหลานชายซึ่งสื่อสารกันเป็นภาษาอังกฤษเพราะลูกเขยอยากให้หลานชายกลับเมืองไทย
“ผมขอแด๊ดทำงานที่นี่และช่วยงานตาแต่แด๊ดต่อรองว่าให้ดูแลลูกสาวของเพื่อนท่านที่จะมาเรียนต่อที่ครับ” ชายหนุ่มตอบตายังไงเขาต้องทำงานหาประสบการณ์ก่อนเพราะการจะดูแลคนนับพันมันไม่ใช่เรื่องง่ายและเขาอยากเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด
“แล้วมีปัญหาอะไรล่ะ แค่ดูแลลูกสาวเพื่อนของเคนแค่นั้นเองไม่ใช่หรือไง”
“ก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ ถ้าแด๊ดไม่จับคู่ผมกับลูกสาวของเพื่อน” ชายหนุ่มพูดอย่างเบื่อๆแต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องผู้หญิงไปมากกว่าแลกเปลี่ยนความสุขกันเท่านั้น
“คิดว่าเรื่องอะไร แล้วหลานไม่บอกแด๊ดไปล่ะว่ามีแฟนแล้วเขาจะได้ไม่จับคู่ให้” ฮันเตอร์แนะนำหลานชายที่เพิ่งพาเพื่อนหญิงมาแนะนำให้รู้จัก
“ผมยังไม่มีแฟนนะครับตา” คาวินทร์แย้งตาเพราะเขายังไม่มีแฟน
“อ้าว..แล้วมารีน่าล่ะไม่ใช่แฟนแกหรือหรือไง”
“เป็นแค่เพื่อนกันครับ”
“อ่อ..” ฮันเตอร์ร้องอ่อเมื่อหลานชายบอกว่าเป็นเพื่อนกันแต่ดูเหมือนว่าฝ่ายหญิงไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนแต่มันก็เป็นเรื่องของหลานชายเขาไม่ยุ่ง
“แล้วนี่อเล็กซ์ไปไหนครับ ผมยังไม่เจอตั้งแต่เช้าแล้ว” คาวินทร์ถามถึงลูกของน้าชายที่อ่อนกว่าเขาไปสามปีและกำลังเรียนปริญญาโทที่เดียวกันกับน้องชาย
“เห็นนัดกับเคย์ไปแข่งรถกันมั้ง” ฮันเตอร์ตอบหลานชายคนโตเพราะเขาเลี้ยงลูกหลานให้มีความคิดอิสระเสรีใครชอบอะไรอยากทำอะไรเขาไม่ว่าแต่ต้องไม่ทำอะไรเกินกำลังและเป็นอันตรายกับตัวเองและหลานชายทุกคนก็ชื่นชอบกีฬาผาดโผนแทบทุกประเภทแต่ไม่มีใครสนใจจะนักกอล์ฟเหมือนเขาสักคนยกเว้นหลานสาวสองคนที่เล่นกอล์ฟมาตั้งแต่เด็กและฝันอยากเป็นโปรกอล์ฟมืออาชีพ
“งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ” ถึงจะเป็นวันหยุดแต่เขาก็ต้องทำงานที่สนามกอล์ฟแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ก็ทำงานประจำแต่ก็มีเวลาพักรีแล็กซ์
ฮันเตอร์มองตามหลานชายอย่างภูมิใจคาวินทร์ได้นิสัยทั้งพ่อและแม่ไม่ว่าจะเรื่องเรียนเรื่องงานมีความรับผิดชอบสูงนิสัยติดดินไม่ฟุ้งเฟ้อทั้งที่เป็นหลานชายของเขาที่มีทรัพย์สินนับแสนล้านและทางปู่ย่าก็ไม่ด้อยไปกว่ากันและคนนอกไม่มีใครรู้ว่าคามินทร์กับเคย์ตันเป็นหลานชายของเขาเพราะทั้งสองใช้นามสกุลพ่อ
“ตู้ดด..”
“ว่าไงแบงค์” เสียงห้าวถามเพื่อนรักที่มาเรียนต่างประเทศพร้อมกันแต่เดชธรหรือแบงค์เรียนที่ลอนดอนส่วนเขาเรียนที่สกอตแลนด์จนกระทั่งจบปริญญาตรีแล้วก็ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังที่ลอนดอนกับเพื่อน
“แกอยู่ไหนวะ” เดชาธรถามเพื่อนเพราะเขาจะกลับเมืองไทยเดือนหน้าหลังจากอยู่เที่ยวกันจนทั่วยุโรปจนพอใจแล้ว
“บ้านตาน่ะ มีอะไรหรือเปล่าวะ” คาวินทร์ตอบเพื่อนเพราะสองอาทิตย์ก่อนเขาไปลอนดอนไม่เจอเพื่อนเพราะสุริยะมาจากอเมริกาพวกเพื่อนก็พากกันไปเที่ยวทั่วยุโรปมีเขาที่ต้องทำงานไปไม่ได้
“กูกับไอ้เฟิร์ส ไอ้เทมส์จะไปหามึงก่อนจะกลับบ้านน่ะสิ” เดชาธรตอบเพื่อนเพราะช่วงไหนไม่มีเรียนยาวติดกันเขาจะไปหัดไดร์ฟกอล์ฟที่สนามไดร์ฟกอล์ฟของฮันเตอร์ซึ่งการเดินทางก็สะดวกนั่งรถไฟไปถึงเอดินบะระแล้วคามวินทร์ก็มารับพวกเขาและครั้งนี้พวกเขาก็จะไปไหว้ตาของเพื่อนเพื่อกลับบ้านเกิดเมืองนอนถาวรหลังเรียนจบเพราะเขาเรียนจบช้ากว่าคาวินทร์ปีหนึ่ง
“จะมาเมื่อไหร่ล่ะ”
“พรุ่งนี้น่าจะถึงห้าโมงเย็นมารับด้วยล่ะ”
“เออ..”
“จะให้กูชวนมารีน่าไปด้วยมั้ย” เดชาธรแซวเพื่อนที่พักนี้บ่นเบื่อมารีน่าที่ทำตัวเหมือนแฟนทั้งที่เป็นแค่เพื่อนกัน
“ไม่ต้องหรอกเธอเพิ่งมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง” ถึงเขาจะคุยกับมารีน่าแต่ก็ยังเว้นระยะห่างไว้เขายังไม่ได้คิดเรื่องมีแฟนมีคนรักเพราะยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันรอให้ถึงเวลาที่เขามีทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยคิดถึงเรื่องครอบครัวและมารีน่าเองก็คิดเช่นเดียวกันเธอมีความฝันของตัวเองอยากเป็นทนายความติดอันดับท็อปเท็นในลอนดอนแต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปมากทำให้เขาไม่แน่ใจว่าจะจบความสัมพันธ์ตอนนี้น่าจะดีกว่า
“โอเคเพื่อน เจอกันพรุ่งนี้” เดชาธรพูดจบก็ตัดสาย
คาวิทร์วางสายจากเพื่อนก็ขับรถกอล์ฟลัดเลาะไปตามรั้วเพื่อเก็บลูกกอล์ฟที่นักกอล์ฟมือสมัครเล่นมาเรียนไดร์ฟกอล์ฟและโปรกอล์ฟทั้งหลายมาไดร์ฟกอล์ฟถึงแม้จะมีตาข่ายกั้นแต่มันก็เล็ดลอดไปได้แต่ก็ยังตกอยู่ในเขตของสามกอล์ฟที่ด้านหลังล้อมด้วยภูเขาและมีที่ตั้งแคมป์อยู่ด้านหลังติดภูเขาและตรงกลางเนินเขาเป็นปราสาทอายุกว่าสองร้อยปีแต่ยังคงสภาพสวยงามส่วนด้านหน้าเป็นโรงแรมและร้านอาหารมีถนนเลียบชายหาดที่อยู่คนละฟากถนนและช่วงนี้ก็มีนักท่องเที่ยวและนักกอล์ฟมาตีกอล์ฟและเที่ยวพักผ่อนตั้งแคมป์กันเยอะแต่ยังสู้ฤดูหนาวไม่ได้ที่มีคนจองตั้งแคมป์เต็มตลอดทั้งฤดู
“เฮ้หลานชาย” โรมันขับรถกอล์ฟตรวจงานทั่งสนามกอล์ฟตามปกติทุกวันไม่มีวันหยุดเพราะสนามกอล์ฟเปิดทุกวันพนักงานก็สับเปลี่ยนเวรกันทำงานตามเวลาที่กฎหมายกำหนดหากเกินเวลาก็จะมีค่าแรงเพิ่มขึ้นตามเวลาทำงาน
“ครับบอส” คาวินทร์ยิ้มให้น้าชายผู้บริหารธุรกิจของตระกูลลุคซ์ต่อจากตาเพราะแม่ย้ายไปอยู่เมืองไทยกับพ่อแต่ก็ได้รับผลประโยชน์ตามสัดส่วนที่ตาทำไว้ให้ลูกทั้งสามอย่างเท่าเทียมกัน
“ได้ข่าวว่าแด๊ดนายจะส่งผู้หญิงมาให้ใช่มั้ย” โรมันถามแล้วยิ้มขำเมื่อเห็นสีหน้าของหลานชาย
“บอสไปได้ข่าวมาจากไหนครับ ก็แค่ลูกสาวของเพื่อนพ่อจะมาเรียนที่นี่แล้วฝากให้ผมดูแลที่อยู่อาศัยเท่านั้นเองครับ” ชายหนุ่มแก้ข่าวที่น้าชายได้ยินมาและคนที่พูดก็คงไม่พ้นน้องชายของเขาแน่
“จริงเหรอ แต่ที่น้าได้ยินมาไม่ใช่แบบนี้นี่นา”
“บอสได้ยินมาแบบไหนครับ”
“ก็เคนส่งผู้หญิงมาให้นายเพื่อจะได้สนิทสนมและอนาคตก็หมั้นกันแล้วแต่งงานกันถูกมั้ยล่ะ” เขารู้มาจากพี่สาวคุยให้ฟังแต่พี่สาวกับพี่เขยไม่ได้บังคับลูกชายแค่ให้ทางเลือกเผื่อทั้งสองจะถูกชะตากันพวกพ่อแม่ก็สมหวังแต่ถ้าไม่รักกันชอบกันก็ไม่เป็นไร
“แด๊ดต้องการแต่ผมไม่ต้องการนี่นา ว่าแต่บอสตรวจงานเสร็จแล้วเหรอครับถึงได้มาใส่ใจเรื่องส่วนตัวของพนักงานปลายแถวอย่างผมน่ะ” คาวินทร์ถามน้าชายที่ทำงานทุกอย่างตั้งแต่เด็กเก็บลูกกอล์ฟ พนักงานขับรถกอล์ฟและอีกหลายอย่างกว่าจะได้เป็นผู้บริหารและถ้าไม่มีประชุมหรือมีงานที่ต้องพบเจอลูกค้าหรือสื่อโรมันก็จะแต่งตัวธรรมดาถ้าไม่ใช่พนักงานหรือคนที่ใกล้ชิดก็ไม่รู้ว่านี่แหละผู้บริหารของเอดินบะระ กอล์ฟ คลับ
“งั้นตั้งใจทำงานนะเดี๋ยวปีใหม่จะเพิ่มโบนัสให้” โรมันพูดกับหลานชายยิ้มๆ
“ขอFerrari 812 Superfast สักคันได้มั้ยครับ” คนเป็นหลานพูดเย้าแย่น้าชาย
“นายไปขอกับฮันเตอร์เถอะ” โรมันพูดจบก็ขับรถกอล์ฟไปตรวจงานต่อ
คาวินทร์ยิ้มตามหลังน้าชายเพราะทุกคนต้องทำงานแล้วใครอยากได้อะไรก็ขอกับตาแล้วท่านจะพิจารณาเองว่าจะให้หรือไม่แต่ส่วนมากลูกหลายขออะไรก็ได้ทุกคนและท่านบอกว่าเงินทองที่หามาได้ก็เพื่อความสุขของลูกหลานและครอบครัวหากตายไปก้ไม่ได้ใช้แต่ไม่ได้สุรุ่ยสุร่ายมหาเศรษฐีบางคนมีเครื่องบินส่วนตัวมีเรือยอร์ชแต่ตาของเขามีแค่เรือยอร์ชลำหนึ่งสำหรับไปตกปลาแต่มีรถหรูในครอบครองสะสมกว่าห้าสิบคันและเป็นรุ่นหายากทั้งนั้น
วันถัดมา
คาวินทร์ขับรถไปรับเพื่อนที่สถานีรถไฟและไปถึงก่อนเวลายี่สิบนาทีก็แวะสั่งกาแฟมาดื่มแล้วเดินมารอเพื่อนที่เดิมเหมือนทุกครั้งที่เพื่อนๆมาหาเขา
“เฮ้คาร์ล เซอร์ไพรส์..”
คาวินทร์เงยหน้ามองมารีน่าที่ยืนยิ้มกว้างมองเขาแล้วกางแขนออกจะโผมากอดเขาราวกับเป็นแฟนกันและคิดถึงกันมากแต่เขามองนิ่งไม่ขยับตัว
“คิดถึงยูที่สุดเลยเบบี๋” มารีน่าจะโผเข้ามากอดร่างใหญ่ที่นั่งนิ่งมองเธอทั้งที่เธอแสดงออกให้เขารู้ว่าคิดถึงเขามากแต่ไหนถึงได้มาหาบ่อยๆ
“มารีน่า” คาวินทร์พูดเสียงเย็นเมื่อมารีน่ากำลังจะกอดเขา
“คาร์ลอ่ะ ก็ไอคิดถึงยูมากนี่คะ”
“เพิ่งเจอกันเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง ทีเมื่อก่อนนานๆเจอกันไม่เห็นยูคิดถึงไอเลย หวัดดีเพื่อน” คาวินทร์พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปหาเพื่อนแล้วไฟว์มือกัน
“หวัดดีเพื่อน กูไม่ได้ชวนหล่อนนะแต่พอดีเจอกันหล่อนก็ขอมาด้วยก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงว่ะ” จิตรินพูดภาษาไทยกับเพื่อนเขาเจอมารีน่าโดยบังเอิญพอเธอรู้ว่าพวกเขามาหาคาวินทร์ก็ขอตามมา
“ไม่เป็นไรหรอก ไปกันเถอะ”
“ไปสิกูอยากอยากดื่มแล้วว่ะ” สุริยะหนุ่มตี๋หน้าหล่อลูกครึ่งไทยจีนลูกชายนักธุรกิจนำเข้าและส่งออกชื่อดังของไทยที่แต่งงานกับลูกสาวนักธุรกิจชาวจีนคู่ค้าและเลือกไปเรียนที่บอสตันแล้วแวะมาเที่ยวยุโรปก่อนกลับเมืองไทย
“ไปค่ะคาร์ล” มารีน่าเดินมาควงแขนเพื่อนหนุ่มหล่อที่ตอนนี้เธอคิดว่าเขาดีกว่าผู้ชายหลายคนที่เธอคบไว้เผื่อเลือกเพราะคาวินทร์ไม่ใช่นักเรียนไทยธรรมดาแต่เขาเป็นหลานของฮันเตอร์ ลุคซ์นักธุรกิจชื่อดังและยังเป็นทายาทตระกูลเก่าขุนนางชั้นสูงที่ร่ำรวยมหาศาลทำให้เธอต้องจับเขาไว้ให้แน่นส่วนเรื่องงานและความฝันนั้นลืมไปได้เลยเพราะคาวินทร์สำคัญกว่าเขาจะทำให้เธอสบายมีกินมีใช้ไม่ขาดมืออยากได้อะไรก็ได้แต่ที่ผ่านมาเขาทำตัวเหมือนนักเรียนไทยทั่วไปที่เธอคบกับเขาเพราะลีลาดีแต่เธอก็คบคนอื่นลับหลังเขาเพื่อเงินและเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของเธอ
คาวินทร์เดินนำเพื่อนไปที่รถเมื่อทุกคนขึ้นรถแล้วเขาก็ขับออกไปเพื่อไปบ้านตาและมารีน่าเองก็น่าจะพักด้วยเพราะมาด้วยกันจะให้แยกกันพักก็น่าเกลียดเพราะทุกครั้งที่มารีน่ามาเขาจะจองห้องพักที่โรงแรมให้ส่วนเพื่อนทั้งสามก็พักที่บ้านของตาตลอด บางทีก็ไปค้างที่อพาร์ทเมนท์ของเขาที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยที่เขาอาศัยอยู่ตอนเรียนปริญญาตรีแต่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่แต่อีกไม่นานลูกสาวอาจอมจะมาพัก
“พวกยูพักที่ไหนกันล่ะ” มารีน่าถามเพื่อนทั้งสามปกติเธอจะพักที่ เดอะ ลุคซ์ โฮเทล โรงแรมตาของคามินทร์
“พักที่บ้านตาของคาร์ลน่ะสิ” สุริยะปากไวไปหน่อยตอบทันที
“งั้นไอก็พักที่บ้านตาของยูได้สิคาร์ล” มารีนาถามหนุ่มหล่อที่เธอพยายายขยับสถานะเป็นแฟนของเขา
“อื่อ..”
“ไอรักยูมากที่สุดเลยคาร์ล” มารีน่ากอดแขนของชายหนุ่มแล้วเอนศีรษะซบไหล่
“นั่งเฉยๆได้มั้ยมารีน่า ไอขับรถอยู่เห็นมั้ย” คาวินทร์บอกเพื่อนสาวที่ซบไหล่เขาแล้วมองเพื่อนที่แอบขำทางกระจกหลัง
“ก็ได้ค่ะ” มารีน่าพูดจบก็ดึงมืออกแล้วนั่งตัวตรงแค่ได้พักบ้านของมหาเศรษฐีชื่อดังเธอเธอก็ดีใจแล้วเดี๋ยวจะถ่ายรูปโพสต์ลงไอจีอวดเพื่อนให้อิจฉาว่าเธอมีแฟนรวย
“แล้วเรื่องของมึงเป็นยังไงบ้างวะวินด์” สุริยะรู้เรื่องของเพื่อนที่พ่อให้ดูแลลูกของเพื่อนที่จะมาเรียนต่อที่สกอตแลนด์แลกกับให้คาวินทร์อยู่หาประสบการณ์อีกสองปีและคุยกันเป็นภาษาไทย
“ก็ไม่มีอะไรแค่ดูแลเฉยๆ”
“ไม่ได้จับคู่แกเหรอวะ” เดชาธรถามอย่างแปลกใจก็ไหนเคย์ตันบอกว่าพ่อจะให้พี่ชายหมั้นกับลูกสาวเพื่อน
“ก็ได้แต่คิดน่ะสิ น้องเขายังเด็กอยู่เลยจะให้รีบมีผัวไปทำไมวะขอให้เรียนจบก่อนเถอะ” คาวินทร์ตอบเพื่อนเพราะลูกสาวน้าจอมอายุแค่สิบแปดอ่อนกว่าเขาตั้งหกปี
“ว่าแต่น้องเขาสวยมั้ยวะ” จิตรินถามยิ้มๆ
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเจอน้องเขาตอนเด็กน่ะไม่ได้เจอกันตั้งแต่ฉันมาเรียนที่นี่ตอนนั้นก็ยังกับลูกหมูตัวน้อยอ้วนถ้วนสมบูรณ์แก้มยังกับลูกซาลาเปา ตอนนี้อาจจะอ้วนมากกว่าตอนเด็กก็ได้” คาวินทร์ตอบเพื่อนแล้วยิ้มขำวัยเด็กของน้องจ้าวที่กินเก่งมากจนอ้วนและเขาเรียกเธอว่าลูกหมูน้อยและเธอก็เถียงเอาเป็นเอาตายว่าไม่ใช่ลูกหมูน้อยเธอเป็นน้องจ้าว แต่ก็แปลกดีเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องสมัยเด็กมาก่อนแต่พอพูดถึงลูกของน้าจอมเขาก็คิดออก
“พวกยูพูดอะไรกันน่ะ ไอไม่รู้เรื่องเลย” มารีน่าพูดอย่างไม่พอใจที่หนุ่มคุยกันเป็นภาษาบ้านเกินที่เธอฟังไม่กระดิกหูเลยสักนิด
“คุยเรื่องงานกันน่ะ เธอไม่ต้องรู้เรื่องก็ได้มั้งมารีน่า” จิตรินพูดกับเพื่อนสาวของเพื่อนที่ตอนนี้เปลี่ยนไปเพราะอยากเป็นแฟนกับคาวินทร์หลังจากที่รู้ว่าคาวินทร์ไม่ได้เป็นนักเรียนไทยธรรมดาเหมือนที่รู้จัก
มารีน่าสะบัดหน้าหนีสุริยะที่ชอบขัดเธอเป็นประจำแล้วนั่งเงียบไปจนถึงบ้านของฮันเตอร์ที่เป็นปราสาทเก่าแก่ตั้งอยู่บนเนินเขาล้อมรอบด้วยสนานหญ้าเขียวขจีเหมือนภาพวาดแต่คาวินทร์ขับรถผ่านไปด้านข้างของปราสาท
“ยูจะไปไหนคาร์ล”
“ก็ไปพักที่แคมป์ปิ้งไง” คาวินทร์ตอบเพื่อนสาวที่หันไปมองปราสาทหลังใหญ่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ทั้งที่ผ่านมากว่าสองร้อยปีเพราะทายาททุกรุ่นจะดูแลคงสภาพให้เหมือนเดิมทุกอย่างในอดีตที่บรรพบุรุษทำไว้จนมาถึงยุคของตาที่ทำให้ไม่มีใครไม่รู้จักปราสาทลุคซ์ เพราะเป็นภาพเบื้องหลังของสนามกอล์ฟ เอดินบะระ กอล์ฟ คลับ ที่มองขึ้นไปก็เห็นปราสาทโดดเด่นเป็นสง่าสวยงามที่สุด
“ไม่ใช่ที่นี่เหรอ” มารีน่าชี้ไปที่ปราสาท
“ฉันจะไปนอนแคมป์ปิ้งกันน่ะสิ หรือเธออยากนอนที่ปราสาทนี่ก็ตามสบายละกัน” เดชาธรถามเพื่อนสาวที่เขาชักจะรำคาญแล้วสิอยากจะดื่มกันตามประสาเพื่อนกันเต็มที่สักหน่อย
“ไม่เอา คาร์ลอยู่ไหนไอก็อยู่นั่นแหละ” เรื่องอะไรเธอจะอยู่ห่วงจากคาวินทร์ล่ะที่เธอหนีงานมาก็เพื่ออยากใกล้ชิดเขามากกว่านี้เดี๋ยวเขากลับเมืองไทยไปก่อนที่เธอจะรวบหัวรวบหางเขา
คาวินทร์ขับรถไปตามทางซึ่งจะเขาทางโรงแรมก็ได้แต่เขาเลือกเข้าทางปราสาทเพื่อพาเพื่อนๆเอาของไปเก็บที่แคมป์ก่อนและจะมาทานอาหารเย็นกับตาก่อนจะไปดื่มต่อกันที่แคมป์ปิ้ง