เช้าวันต่อมา....
Rrrrr....
เสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่ขาดสายปลุกให้คนที่หลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันตื่นขึ้นมา พร้อมกับหลังมือที่ถูกยกขึ้นมาขยี้ตารัวๆ ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะควานหาต้นเสียงแล้วกดรับโดยที่ไม่มองเลยว่าเป็นเบอร์ของใครที่โทรเข้ามา
“ฮัลโล่” เสียงทุ้มถูกกรองลงไปอย่างไม่สบอารมณ์มากนักเพราะถูกขัดเวลานอน
“(ไอ้อิฐมึงจะมาสอบไหมเนี้ย ใกล้ถึงเวลาแล้วนะโว้ย!)” แต่เสียงของปลายสายที่ตอบกลับมานั้นทำเอาอิฐถึงกับดีดตัวเองลุกขึ้นนั่งทันที ก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเบอร์แล้วก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของอาร์ม
“เหี้ย!! วันนี้มีสอบเหรอวะ... กูลืม!”
“(เออสิ! รีบเลยมึง อีกชั่วโมงนึงจะสอบแล้ว)”
“เออๆๆ กูไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“โวยวายอะไรแต่เช้า รำคาญ.... อุ๊บ!”
เสียงหวานของคนที่งัวเงียตื่นขึ้นมาเอ่ยออกมาเบาๆ แต่มันก็ดังพอที่จะเล็ดลอดผ่านสายโทรศัพท์ไป แตงกวาที่ขยี้ตาจนพอใจหันไปมองตามต้นเสียง และเธอที่ก็พบว่าตัวเองนั้นไม่ได้อยู่ในห้องนี้คนเดียว ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นทันที นิ้วเรียวยกขึ้นชี้หน้าของคนที่นั่งอยู่บนเตียงกับเธอ แต่ก่อนที่จะได้โวยวายฝ่ามือหนาของอิฐก็ยื่นมาปิดปากของเธอไว้ซะก่อน
“(เสียงใครวะ? มึงพาสาวที่ไหนมาค้างที่ห้องไอ้อิฐ?)” อาร์มตั้งคำถามทันทีที่ได้ยินเสียงหวานของใครบางคนดังเล็ดลอดไปตามสาย
“(ปกติไม่เห็นพาใครไปค้างที่ห้องนี่หวา)” ธามธาวินเองก็ด้วย
“(แอบซุ่มเหรอมึง)” และปิดท้ายด้วยคิมหันต์ เสียงของเพื่อนทั้งสามคนนั้นทำเอาอิฐถึงกับกรอกตามองบนเลยทีเดียว ...นี่พวกมึงอยู่กันครบเลยสินะ!...
“เออ แค่นี้แหละไอ้พวกเหี้ย” อิฐตัดความรำคาญด้วยการรีบวางสายก่อนที่จะโดนเพื่อนรักทั้งสามคนสอบสวนไปมากกว่านี้
พอวางสายจากเพื่อนแล้วเขาก็หันไปหาคนตัวเล็กที่เขาดึงเธอเข้าไปกอดและปิดปากของเธอไว้ พร้อมกับจ้องตากันนิ่ง
“ไออี้อิดอ่อยเอี่ยวอี้ (ไอ้พี่อิฐปล่อยเดี๋ยวนี้) !!” แตงกวาโวยวายเสียงอู้อี้ฟังไม่เป็นสรรพในลำคอ อิฐเองก็ค่อยๆ ดันบ่าของเธอออกห่างแต่มือก็ยังไม่ยอมปล่อยออกจากปากของเธอ
“สัญญาก่อนว่าถ้าปล่อยแล้วจะไม่โวยวาย” เขาตั้งข้อตกลงขึ้นมา เพราะดูท่าทางของคนตัวเล็กแล้วดูเหมือนเธอใกล้จะฆ่าเขาได้เลยทีเดียว
“ไอ้อันอา (ไม่สัญญา)!!” แต่แตงกวาเองโวยวายไม่หยุดทั้งพยายามแกะมือหนาออกจากปากของตัวเองไปด้วย
“สัญญาก่อนเร็ว” อิฐยังคงยืนกรานในข้อตกลงของตัวเอง และตอนนี้แตงกวาก็ดูเหมือนจะยอม เธอพยักหน้าตอบรับเบาๆ อิฐพอเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมกับค่อยๆ ละฝ่ามือของตัวเองออกจากปากของเธอ แต่ยังไม่ทันที่ฝ่ามือหนาจะละออกห่าง ฟันคมๆ ของแตงกวาก็กัดเข้าให้ที่มือของเขาจนเขาถึงกับต้องรีบชักมือออกอย่างไว
หมับ!
“โอ๊ยยยย!! แตงกวา.... เธอเป็นหมาเหรอ กัดเก่งชะมัด” อิฐโอดครวญพลางสะบัดมือของตัวเองเบาๆ สายตาคมจ้องมองคนตัวเล็กที่ดีดตัวเองลุกขึ้นยืนเท้าเอวมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
“ก็ใครใช้ให้พี่แอบเข้าห้องของคนอื่นแบบนี้หละ! นี่พี่แอบเข้าห้องของหนูมาสองคืนแล้วนะ!”
“ก็เตียงเธอมันนอนสบายอ่ะ” อิฐตีหน้ามึนพร้อมกับยักคิ้วกวนกลับไปให้เธอ จะให้บอกได้ไงหละว่าไม่รู้ทำไมช่วงนี้เขาถึงอยากอยู่ใกล้เธอ แต่สิ่งที่เขาพูดออกไปทำเอาคนฟังถึงกับถลึงตาทันที
“พี่นี่มัน....!!”
“มันอะไร?... บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าด่าฉันอีกทีฉันจะจับเธอปล้ำตอนนี้เลย”
“หนูไม่ด่าให้เสียปากหรอก หนูเหนื่อย! เพราะด่าไปพี่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี... แต่ต่อไปถ้าพี่แอบเข้าห้องของหนูอีกหนูจะคิดพี่คืนละห้าพัน! ค่านอน!” แตงกวากอดอกเชิดหน้ามองอิฐ แต่คนฟังอย่างอิฐกลับยกยิ้มออกมา เพราะคำว่า ...ค่านอน... ของเธอกับเขานั้นมันคนละความหมายกันอย่างเห็นได้ชัด
“ยิ้มอะไร?” แตงกวาย่นคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นอิฐเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มมองเธอ และรอยยิ้มของเขาก็ดูเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากหน้าตาของเขาเลย
“ก็กำลังคำนวณอยู่ว่าถ้าฉันมานอนทุกคืนต้องจ่ายเธอเท่าไร หึหึ” อิฐพูดออกมาหน้าตาเฉยแถมรอยยิ้มนั่นก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขาไม่ได้คิดที่จะมานอนอย่างเดียวแน่
“พี่มันโรคจิต!! ไอ้พี่บ้าโรคจิต!!”
“ถ้าฉันโรคจิตเธอก็ยัยตัวดีปากร้าย เหมาะสมกันดีออกว่าไหม ฮ่าๆ”
“ไอ้พี่อิฐ!! ออกจากห้องหนูไปเลยนะ... ไอ้พี่บ้า!!”
“ไม่ไป! ฮ่าๆ”
จากนั้นเตียงนอนก็กลายเป็นสนามรบขนาดย่อมของอิฐและแตงกวา เพราะแตงกวาปาหมอนใส่เขาไม่ยั้ง อิฐเองก็หัวเราะร่วนไม่ได้สะทกสะท้านกับอารมณ์โกรธของเธอเลย พอตีกันจนเหนื่อยอิฐก็ชิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป เขาอาบน้ำแต่งตัวพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักศึกษาเรียบร้อย การมานอนห้องเธอไม่ใช่เรื่องบังเอิญแถมเขายังเตรียมชุดมาเปลี่ยนเป็นอย่างดีอีกต่างหาก
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงที่ทั้งอิฐและแตงกวาเสียไปในช่วงเช้า ก่อนที่เขาจะบังคับให้เธอไปเรียนพร้อมกันกับเขา และนั่นก็เกือบจะทำให้เขาเข้าสอบไม่ทัน แต่ดีที่คอนโดของแตงกวานั้นไม่ได้ไกลจากมหา’ลัยมากนักจึงทำให้เขาไปถึงก่อนเวลาสอบสิบห้านาที.....
...........................
หลังเลิกเรียนวันนี้แตงกวาได้รับโทรศัพท์จากกันต์ว่าเขากำลังเดินทางมารับเธอเพื่อไปทานข้าวกับแม่ของเธอและพ่อของเขา แตงกวาที่แยกย้ายกับเพื่อนแล้วก็ยืนรอเขาอยู่ที่หน้ามหา’ลัย เธอยืนรอเขาไม่นานรถสปอตสุดหรูสีแดงเพลิงก็แล่นมาจอดตรงหน้าของเธอพร้อมกับเจ้าของรถที่เดินลงมาพร้อมรอยยิ้มและในมือของเขาก็มีช่อดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งช่อ
“รอพี่นานไหมครับน้องแตงกวา” กันต์เดินตรงเข้าไปหาเธอ แต่แตงกวากลับมองซ้ายมองขวาเพราะตอนนี้เธอและเขากลายเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างไปแล้ว
“ไม่นานค่ะ เรารีบไปกันเลยดีไหมคะ”
“ครับ... แต่ว่าพี่มีนี่มาให้น้องแตงกวาด้วยนะครับ” กันต์ยื่นกุหลาบช่อโตไปตรงหน้าของเธอ แตงกวาเองก็รีบรับมาถือไว้เพราะเธอรู้สึกอายกับสายตาของคนรอบข้างในความเล่นใหญ่ของกันต์
“ขอบคุณนะคะพี่กันต์”
“ครับ”
จากนั้นกันต์ก็เปิดประตูรถให้แตงกวาขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับส่วนเขาเองก็เดินอ้อมไปอีกฝั่ง ก่อนจะขับรถออกไปจากบริเวณนั้น แต่ทุกๆ การกระทำของคนทั้งคู่กลับอยู่ในสายตาของใครอีกคนที่จอดรถมองดูพวกเขาอยู่พักใหญ่แล้ว
“ทีกับไอ้เหี้ยนั่นยิ้มหน้าบานเชียว ทีกับฉันดันฝากรอยฟันไว้บนมือ มันน่านัก!” เสียงทุ้มถูกเค้นรอดไรฟันออกมา ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองนักว่าทำไมถึงได้หงุดหงิดขนาดนี้ ก่อนที่เขาจะกระชากเครื่องยนต์ออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
...................
ช่วงค่ำ ร้านอาหารหรูบนดาดฟ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง.......
กันต์ขับรถพาแตงกวามายังร้านอาหารที่นัดไว้กับพ่อของเขาก่อนจะพาเธอเดินขึ้นไปด้านบน แตงกวาที่ตอนนี้ยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย เพราะร้านอาหารที่เขาพาเธอมานั้นมันค่อนข้างหรูหรามากเลยทีเดียว
“สวัสดีค่ะแม่... สวัสดีค่ะคุณเมธา” มาถึงแตงกว่าก็เอ่ยทักทายแม่ของเธอกับหุ้นส่วนคนสำคัญของแม่เธอทันที
“อ้าวมากันแล้วเหรอ... นั่งก่อนสิลูก” วิภาดามองหน้าลูกสาวที่เดินเข้ามาพร้อมกับลูกชายของหุ้นส่วนคนสำคัญของเธอพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากบอกให้แตงกวามานั่งข้างๆ เธอ ส่วนกันต์ก็เดินไปนั่งข้างเมธาพ่อของเขา
“สบายดีนะหนูแตงกวา... เห็นแม่เราบอกลุงว่าช่วงนี้เราเรียนหนัก” เมธาเอ่ยทักแตงกวาอย่างเป็นกันเองด้วยรอยยิ้ม
“ก็เรื่อย ๆ ค่ะ ไม่ได้หนักอะไรมากค่ะ... แต่กิจกรรมจะเยอะนิดนึงค่ะ” เธอเองก็ตอบกลับผู้ใหญ่ไปพร้อมรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ถูกเค้นออกมาแบบสุดๆ
“ปีหนึ่งก็อย่างนี้แหละครับ เดี๋ยวขึ้นปีสองก็ดีขึ้นแต่เนื้อหาการเรียนอาจจะเข้มข้นกว่าเดิม” กันต์เอ่ยเสริมขึ้นพร้อมกับตักอาหารใส่จานของแตงกวาไปด้วย
“เหรอคะ... ถ้าอย่างนั้นแตงกวาคงต้องรบกวนปรึกษาเรื่องเรียนกับพี่กันต์บ่อยๆ แล้วหละค่ะ” แตงกวาเอ่ยออกไปอย่างเอาใจ เพราะเธอรู้ดีว่าแม่ของเธอต้องการให้เป็นแบบนี้แต่คนฟังอย่างกันต์ที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้นแววตาของเขาก็วาววับขึ้นมาทันที
“ยินดีครับ” รอยยิ้มของเขาที่ส่งให้เธอนั้นมันสื่อได้หลายความหมายมาก ทำเอาแตงกวารู้สึกขนลุกขึ้นมาเลยทีเดียว เธอรู้ดีว่ากำลังก้าวขาเข้าไปเล่นกับไฟ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยอมเพียงเพราะเธอต้องการให้แม่ของเธอพอใจ......
มื้อค่ำผ่านพ้นไปด้วยความอึดอัดมากสำหรับแตงกวาเพราะตลอดเวลากันต์คอยเอาใจโดยการตักอาหารให้เธออย่างไม่ขาดสายเลย และตอนนี้บนโต๊ะก็เปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มที่ถูกยกมาวางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“น้องแตงกวาดื่มได้ไหมครับ?” กันต์เอ่ยถามในขณะที่แก้วค็อกเทลสีสวยถูกวางลงตรงหน้าของเธอ
“ได้ค่ะ... แต่ไม่ได้เก่งอะไร” เธอเองก็ตอบกลับเขาไม่เต็มปากมากนัก เพราะจะให้บอกได้ยังไงหละว่าเธอเองก็ไปร้านเหล้ากับเพื่อนอยู่บ่อยๆ
“หึ!”
แต่พอสิ้นเสียงของแตงกวาเท่านั้นแหละเสียง ...หึ!... ที่เหมือนถูกเค้นออกมาจากลำคอของใครบางคนก็ดังขึ้นที่ข้างหูของเธอ และมันก็ช่างคุ้นหูของเธอซะเหลือเกิน ก่อนที่เธอจะค่อยๆ หันมองด้านหลังของตัวเอง และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนที่นั่งหันหลังชนหลังของเธออยู่นั้นหันมามองเธอเหมือนกัน จังหวะนั้นแตงกวาแทบจะสำลักค็อกเทลเพราะอิฐที่กำลังหันมาส่งยิ้มเย็นเหยียบให้เธอพร้อมกับยกแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นจิบด้วย
“บังเอิญจังเลย” เขากระซิบออกมาเบาๆ
“พี่มาได้ไงเนี้ย!” แตงกวาเองก็กระซิบเบาๆ ตอบกลับไปเหมือนกัน
“ฉันก็มากินข้าวไง... ใครจะเหมือนเธอออกมากับผู้ชาย”
“หนูมากับแม่ค่ะ”
“งั้นเหรอ... แต่ผู้ชายก็ไปรับไม่ใช่เหรอ”
“พี่รู้ได้ไง? แต่ก็ช่างเหอะ... หนูไม่อยากคุยกับพี่”
“หรือฉันควรไปทำความรู้จักกับแม่ของเธอดี หึหึ”
“หยุด! และหุบปากไปเลย”
แตงกวารีบห้ามเขาไว้ก่อนเพราะเธอกลัวว่าเขาจะทำจริงอย่างที่พูด ทั้งคู่พูดคุยซุบซิบกันไปมาก่อนที่แตงกวาจะเค้นเสียงรอดไรฟันออกไปในประโยคสุดท้าย ก่อนจะหันกลับมาสนใจคนบนโต๊ะของเธอต่อ เธอไม่คิดว่าจะมาเจอเขาที่นี่เลยจริงๆ ...โลกนี้แม่งโคตรจะกลมเลย...
“น้องแตงกวาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” กันต์ที่เห็นท่าทางแปลกๆ ของแตงกวาเขาเลยเอ่ยถามออกมาพร้อมกับเลิกคิ้วสูง
“เปล่าค่ะ... ค็อกเทลที่นี่รสชาติดีจังเลยนะคะ” แตงกวาหันกลับไปยิ้มให้กันต์โดยไม่สนใจอิฐอีก
“ถ้าน้องแตงกวาชอบ เดี๋ยวพี่พามาบ่อยๆ” กันต์ส่งยิ้มหวานให้เธอพร้อมกับยกแก้วของตัวเองยื่นมาชนกับเธอด้วย....
บทสนทนาระหว่างแตงกวากับกันต์เข้าหูของอิฐทุกคำ และมันก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยากบอกไม่ถูก หงุดหงิดจนอยากจะเข้าไปลากเธอกลับห้องซะตอนนี้เลย แต่ติดที่ว่าเขาและเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน
“ว่าแต่เรื่องสัญญาคุณวิพร้อมจะเซ็นวันไหนครับ” เมธาที่นั่งดูลูกชายของตัวเองกับลูกสาวของหุ้นส่วนพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดถึงสัญญาที่เพิ่งจะประชุมเสร็จไปวันนี้กับวิภาดาแม่ของแตงกวา
“วิพร้อมเสมอค่ะ... เพราะถ้ายิ่งเราเซ็นสัญญากันเร็วเท่าไร งานก็จะเดินเร็วขึ้นเท่านั้นจริงไหมคะ” วิภาดาส่งยิ้มให้กับเมธาที่นั่งตรงข้ามกับเธอ
“แหม... คุณวินี่รีบร้อนจังเลยนะครับ แต่ก็จริงของคุณ.... ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี” รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเสศนัยผุดขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยตามอายุของชายตรงหน้า
“ค่ะ”
“ถ้างั้น... อีกสองวันคุณวิสะดวกไหมครับ?”
“ได้ค่ะ เดี๋ยววิจะเตรียมเอกสารไว้รอนะคะ”
“โอเคครับ”
“ถ้างั้นวิว่าวันนี้วิขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ พอดีพรุ่งนี้วิมีธุระที่ต้องทำแต่เช้าน่ะค่ะ”
“ได้ครับ.... งั้นผมกลับพร้อมคุณวิเลยดีกว่า ส่วนเด็กๆ จะกลับพร้อมพ่อหรือกลับทีหลัง?” เมธาตอบกลับวิภาดาก่อนจะหันไปหาลูกชายของตัวเองที่นั่งยิ้มหวานให้กับแตงกวาไม่เลิก
“พ่อกับน้าวิกลับไปก่อนเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปส่งน้องเอง”
“งั้นแม่กลับก่อนนะแตงกวา... อยู่กับพี่เขาทำตัวดีๆ หละ”
“คือ... หนูกลับพร้อมแม่เลยได้ไหมคะ?”
“อยู่เป็นเพื่อนพี่เขาก่อนจะเป็นไรไปหละลูก ให้พี่เขาไปส่งน่ะดีแล้ว... งั้นเดี๋ยวแม่กลับก่อนนะ” วิภาดาส่งยิ้มให้ลูกสาวก่อนที่เธอจะก้มลงไปกระซิบบางอย่างกับแตงกวาแผ่วเบา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดังจนคนที่นั่งอยู่ด้านหลังอย่างอิฐได้ยินมันอย่างชัดเจน
“อย่าทำให้เขาไม่พอใจแล้วเสียไปถึงธุรกิจของฉัน.... เข้าใจไหม”
อิฐที่ฟังอยู่ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะเขาชักจะสนใจแล้วว่าที่แตงกวามาทานข้าวกับแม่ของเธอนั้นมันจะเป็นแค่การทานข้าวเฉยๆ หรือมีอะไรอื่นแอบแฝงกันแน่ เพราะก่อนหน้านี้แตงกวาก็บอกกับเขาว่าเธอมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องมาในวันนี้....
“ค่ะ...” แตงกวาเองก็ตอบกลับคนเป็นแม่สั้นๆ พร้อมกับเม้มปากเข้าหากันแน่น ถึงเธอจะไม่เต็มใจที่จะนั่งอยู่ตรงนี้แต่เธอก็ต้องทำเพราะคำสั่งของแม่
“น้าฝากน้องด้วยนะลูก”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณน้า.... ผมจะไปส่งน้องให้ถึงห้องเลยครับ” กันต์ตอบกลับวิภาดาก่อนจะเดินไปส่งพ่อของตัวเองและแม่ของแตงกวาที่ด้านหน้าประตู ส่วนแตงกวาเองเธอทำเพียงมองตามแผ่นหลังของแม่ของเธอที่เดินพูดคุยออกไปพร้อมๆ กับเมธาและกันต์ พลางขอบตาของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมา
“อยากกลับไหม” อยู่ๆ เสียงทุ้มของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังก็เอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมกับแผ่นหลังแกร่งที่เอนพิงไปกับพนักเก้าอี้จนชนกับหลังของเธอ
“พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า....” เธอตอบกลับอิฐไปแค่นั้นก่อนจะยกแก้วค็อกเทลของตัวเองขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว พร้อมกับหลังมือที่ยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาแห่งความน้อยใจที่มีต่อผู้เป็นแม่ที่ร่วงลงมาอย่างห้ามไม่อยู่....