4 : เจอกันอีกครั้ง

2544 Words
เช้าวันต่อมา... ใต้ตึกคณะบริหารฯ… วันนี้ฉันมามหาวิทยาลัยแต่เช้าเพราะร้อนใจเรื่องของเพื่อนรักที่ฉันพยายามโทรหาตั้งแต่เมื่อคืนแต่โทรเท่าไรก็โทรไม่ติด ทำเอาฉันลืมเรื่องที่ทอยด์คอยตามตอแยตัวเองไปเลย นั่งอยู่ใต้ตึกคณะฯ ไม่นานก็เห็นยัยน้ำหวานเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางร้อนรนเพราะน้ำหวานเองก็โทรหาอายตาไม่ติดเหมือนกัน “แตงกวาเมิงติดต่ออายตาได้ไหม? โทรไปมันไม่ยอมรับสายเลยอ่ะ” “ไม่ติดวะ.... แต่เอ๊ะ? มันไลน์กลับมาแล้ว!” ตอบกลับน้ำหวานไปแล้วสังเกตุเห็นข้อความของเพื่อนรักที่พวกเรากำลังรออยู่ อายตาตอบกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมกับบอกว่าจะมาอธิบายให้ฟังทีหลัง เห็นดังนั้นฉันกับน้ำหวานจึงตั้งท่ารอยัยอายตาอย่างใจจดใจจ่อ และไม่นานก็เห็นยัยอายตาเดินเข้ามาทางพวกเราที่นั่งรออยู่ ทันทีที่มันเดินมาถึงฉันกับน้ำหวานก็พุ่งคำถามใส่ทันที “อะไร!! ยังไง!! เล่ามา!!” ฉันกับน้ำหวานโพล่งถามออกไปทันทีที่อายตาเดินเข้ามานั่ง ทำเอาคนที่เพิ่งมาถึงถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างแล้วเอ่ยออกมาซึ่งมันไม่ได้ตรงกับคำถามเลย “วันนี้อากาศดีเนอะ >_<” มันปั้นหน้ายิ้มกว้างให้พวกเราด้วย “เมิงเป็นนักพยากรณ์อากาศหรือไง! ไม่ต้องมาเฉไฉเลย ตอบมาว่ายังไง... ผู้ชายคนเมื่อคืนเป็นใครที่ลากเมิงออกไปอ่ะ? แล้วเมิงไปไหนกับเขา? รู้จักกับเขาได้ยังไง? บอกมาให้หมดเลยนะ!!” ฉันลุกขึ้นยืนท้าวเอวพร้อมกับมองหน้าเพื่อนรักเขม็ง ไอ้เราก็อุตส่าห์เป็นห่วงทั้งคืนแต่ยัยตัวดีกลับยิ้มหน้าระรื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะอย่างงั้น “เออๆๆ ตอบแล้วๆ เบาเสียงหน่อยได้ไหม อายคนอื่นเขา” อายตาว่าพลางหันไปรอบๆ ที่มีบางโต๊ะกำลังหันมามองพวกเราอยู่ “คือว่า....ผู้ชายเมื่อคืนเขาเป็นคนรู้จักน่ะ พี่เขาเรียนอยู่ที่นี่เหมือนกันแต่พี่เขาอยู่วิศวะ” อายตาเริ่มต้นอธิบายอย่างตะกุกตะกัก สายตามันดูมีพิรุธเอามากๆ จนฉันต้องหรี่ตาจ้องมองมันอย่างจับผิด “แล้วไปรู้จักกันได้ยังไง? ตอนไหน? เมื่อไร?” รัวคำถามใส่เพื่อนไปอีกชุดหนึ่ง โดยมียัยน้ำหวานนั่งกดดันมันอยู่ข้างๆ ด้วย “ก็เป็นพี่ที่รู้จักกันนั่นแหละ... ไม่มีอะไรมาก พอดีเมื่อคืนเขาเห็นฉันที่ร้านไงก็เลยพาฉันออกไปคุยด้วย ....แค่นั้น” ยัยอายตาอธิบายยืดยาวแต่สายตาดูหลุกหลิกชอบกล และฉันก็กำลังรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังหาเรื่องแถอยู่เลย ฉันกับน้ำหวานมองหน้ากันพร้อมกับหันกลับไปมองหน้าของอายตาอีกครั้งอย่างจับผิดก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเฉไฉแล้วลากพวกเราขึ้นเรียนแทน “ไปเรียนกันเหอะใกล้เวลาแล้ว ... ไปๆๆ” ว่าแล้วก็ลากแขนของฉันสองคนให้เดินตามขึ้นตึกเรียนทันที ...นี่ไงที่มันมีพิรุธ!!... เวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยง วันนี้คาบแรกเริ่มเรียนตั้งแต่แปดโมงกว่าๆ แล้วลากยาวจนถึงเที่ยง พอจบคลาสพวกฉันก็พากันเดินมุ่งหน้าไปโรงอาหารของคณะฯ ทันทีเพราะความหิวแบบสุดๆ แต่พอมาถึงก็ต้องหยุดยืนอยู่หน้าโรงอาหารเพราะสภาพโรงอาหารของคณะบริหารตอนนี้ไม่ต่างไปจากตลาดนัดที่มีสินค้าลดราคามาขายเลย คนเยอะมากจนไม่มีโต๊ะให้นั่ง “คนเยอะจังวะ” อายตายืนมองทอดสายตาไปด้านหน้าพร้อมกับมุ่ยหน้าเพราะตอนนี้เริ่มหิวแล้ว พวกเราสามคนยืนเคว้งคว้างอยู่สักพักก่อนที่ฉันจะนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วหันไปยิ้มกริ่มใส่เพื่อนรักทั้งสองคน “ไปกินข้าวที่โรงอาหารวิศวะกันป่ะ.... เขาว่ามีแต่ผู้หล่อๆ อาหารตางานดีๆ ทั้งนั้นเลย” ฉันที่เห็นเพื่อนรักทั้งสองคนมุ่ยหน้าเพราะความหิวจึงเสนอไอเดียขึ้น จริงๆ ก็แค่อยากหาเรื่องไปดูหนุ่มๆ วิศวะนั่นแหละ ถึงจะพึ่งอกหักมาแต่ก็ไม่คิดจะทำตัวจมปรักกับความรักแย่ๆ ค่ะ ชีวิตมันต้องมีสีสันสิ ฮ่าๆ...... พวกเราสามคนเดินเข้ามาภายในโรงอาหารของคณะวิศวะฯ ที่อยู่ไม่ไกลจากคณะบิรหารของพวกเรามากนัก จากนั้นก็กวาดสายตามองไปรอบๆ “งานดีมากเวอร์” มองไปรอบๆ ก็เห็นแต่หนุ่มๆ หน้าตาดีเดินกันไปมาเต็มไปหมด ทำเอาหัวใจดวงน้อยแทบละลายเลย ก็แหมเจอผู้ชายหน้าตาดีใครหละจะไม่หวั่นไหว “สมคำล่ำลือมากคร้า” ยัยอายตาเองก็มีอาการไม่ต่างจากฉันสักเท่าไร ฉันกับอายตาได้แต่ยิ้มเคลิบเคลิ้มมองหนุ่มหล่อคณะวิศวะที่เดินสวนไปมาและแต่ละคนงานดีๆ ทั้งนั้น “รีบๆ ไปสั่งข้าวกันไหมจะได้ไปหาที่นั่งกัน... คนมองกันใหญ่แล้วฉันอายเขา” ยัยน้ำหวานพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับกระตุกมือของฉันกับอายตาจนพวกเราหลุดออกจากภวังค์ ฉันพอตั้งสติได้ก็มองไปรอบๆ พลางรู้สึกเขินขึ้นมาเพราะในที่นี้ส่วนใหญ่จะมีแต่นักศึกษาชายแล้วพวกฉันก็เป็นเด็กปีหนึ่งคณะบริหารฯ สามคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางชายหนุ่มที่เดินสวนกันไปมา ยัยอายตาเองพอได้สติก็อาสาเดินไปหาโต๊ะนั่งส่วนฉันกับน้ำหวานก็ไปต่อแถวเพื่อซื้ออาหารแทน.... ยืนต่อแถวซื้อข้าวเสร็จก็พากันเดินตรงไปยังโต๊ะที่อายตามันนั่งอยู่แต่พอเดินไปถึงก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีเพราะอายตามันไม่ได้นั่งอยู่คนเดียวน่ะสิ มีผู้ชายตัวโตหน้าหล่อเหลาเอามากๆ นั่งอยู่กับมันด้วย ฉันกับน้ำหวานหันหน้ามองกันทันทีเพราะรู้สึกว่าคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้มาก “เมิง... คนนี่ใครวะ??“ ฉันที่เดินมาหยุดยืนอยู่บริเวณหัวโต๊ะก็เอ่ยออกมาขัดบทสนทนาของเพื่อนที่กำลังพูดคุยอยู่กับผู้ชายตรงหน้า อายตาพอเห็นฉันกับน้ำหวานยืนอยู่มันก็เบิกตากว้างทันทีพร้อมกับอ้าปากค้างไปด้วย ฉันเองก็มองหน้าของเพื่อนรักกับผู้ชายปริศาสลับกันไปมา ก่อนที่อายตาจะโพล่งบางคำออกมาอย่างไว “พี่ชาย!!” ยัยอายตาตอบคำถามของฉันอย่างไวเหมือนไม่ได้ผ่านการคิด แต่คำตอบของมันทำเอาผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าถึงกับจ้องหน้ามันเขม็งเลย ปฏิกิริยาของผู้ชายคนนี้ทำเอาฉันขมวดคิ้วเข้าหากันเลย เพราะเขาดูนิ่งและดุดันมากและจ้องมองยัยอายตาแบบไม่วางตาเลย เขาหล่อมากแต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ดูน่ากลัวมากด้วย “พี่คนเมื่อคืนที่ลากแกออกไปจากร้านนี่หวา... ใช่ไหม?” เป็นยัยน้ำหวานที่ถามออกไปพร้อมกับมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา พอมาถึงตรงนี้ฉันก็นึกออกทันทีว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับที่ลากยัยอายตาออกไปเมื่อคืนจริงๆ ด้วย “เออ…. ใช่…. พี่คนนั้นแหละ... พี่ธามน่ะ” อายตาตอบคำถามเสียงเบาหวิวแล้วปรายตาไปมองผู้ชายตรงหน้าด้วย สีหน้าของเขาดูนิ่งเรียบเย็นชาจนฉันสัมผัสได้ก่อนที่เขาจะพูดคำหนึ่งออกมาที่ทำเอาฉันกับน้ำหวานอ้าปากค้างเลยทีเดียว “ผัว!! ไม่ใช่พี่!!” “เชี้ยยยยยย!!!” เสียงของผู้ชายโต๊ะข้างๆ ดังขึ้นทันทีก่อนที่พวกเขาจะพากันลุกขึ้นแล้วย้ายมานั่งที่โต๊ะของพวกฉัน ...แต่เอ๊ะ? ทำไมผู้ชายคนนี้หน้าคุ้นๆ?... ฉันที่สังเกตุเห็นผู้ชายหนึ่งในนั้นที่รู้สึกคุ้นหน้าเอามากๆ ก่อนจะนึกออกได้ว่าเคยเจอเขาที่ไหน ...ตายห่า!! นั่นมันผู้ชายคนที่ฉันโมเมว่าเป็นแฟนใหม่เพื่อหลอกทอยด์นี่นา ทำไมเขามาอยู่ตรงนี้หละ!? โลกกลมชะมัดเลย... แต่เหมือนเจ้าตัวจะยังไม่เห็นฉันฉันเลยยืนหันข้างให้เขาแทนยังไม่อยากสบตาเขาตอนนี้ “เหี้ยยย!! เมิงกับน้องเดรสดำเมื่อคืนเป็นผัวเมียกันตั้งแต่เมื่อไรว่ะเนี้ย!!” ผู้ชายคนที่ฉันโมเมว่าเป็นแฟนเมื่อคืนนี้โพล่งขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับชี้หน้ายัยอายตากับเพื่อนของตัวเองสลับกันไปมา ก่อนที่ผู้ชายที่แสดงตัวว่าเป็นสามีของอายตาจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ และตามมาด้วยการแนะนำตัวของผู้ชายอีกคนที่ดูหล่อเหลาและสุภาพ แต่เอาเข้าจริงๆ พวกเขาทั้งสี่คนนี่หน้าตาหล่อเหลาไม่ได้ต่างกันเลยเหมือนกับหลุดออกเทพนิยายเลย เวอร์ไปไหมวะฉัน ฮ่าๆ... แต่คือเรื่องจริง “ไม่ค่อยจะอยากเสือกกันเลยนะพวกเหี้ย!!” “พี่ชื่อคิมหันต์นะครับ แล้วไอ้ปากหมานี่ชื่ออิฐ ส่วนนู่นชื่ออาร์ม ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ....เพื่อนสะใภ้” พี่คนที่ชื่อคิมหันต์แนะนำตัวเองพร้อมกับเพื่อนของตัวเองเสร็จสรรพพร้อมรอยยิ้มละมุนที่ทำเอาฉันกับน้ำหวานยิ้มตามไปด้วยเลย “ค่ะ…อายตาค่ะ… นี่เพื่อนของอายค่ะ... แตงกวา กับ น้ำหวาน” อายตาเองก็แนะนำพวกเราให้พวกเขารู้จักด้วย แต่สิ้นเสียงของยัยอายตาผู้ชายที่ชื่ออิฐตามที่เพื่อนของเขาแนะนำก็ปรายตามามองฉันพร้อมกับยกยิ้มมาให้ด้วย ฉันได้แต่หวังว่าเขาจะจำฉันไม่ได้นะ เพราะเมื่อคืนกับตอนนี้ฉันค่อนข้างแตกต่างกันอยู่ เวลามาเรียนฉันก็แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาธรรมดาๆ แถมหน้าก็แทบไม่แต่งเลยแต่เวลาไปเที่ยวก็จัดเต็มเหมือนกัน “ถึงว่าเมื่อคืนมึงดูหงุดหงิดแปลกๆ ที่เห็นพวกน้องเขาในร้าน... ที่แท้ก็เห็นเมียไปเที่ยวนี่เอง แล้วยังไงวะมึง...ไหนว่าไปเยี่ยมพ่อแม่ที่เชียงใหม่... ไหงกลับมาเอาเมียมาด้วย” พี่ที่ชื่ออิฐเอ่ยแซวเพื่อนพลางยกยิ้มมุมปากไปด้วย “หงุดหงิดเหี้ยไรกูไม่ได้หงุดหงิด!” พี่ธามสามีของอายตาเองก็จ้องตาเขียวใส่เพื่อนที่ชื่ออิฐที่นั่งอยู่ข้างๆ อายตาด้วย แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สะทกสะท้านอะไร เขาดูท่าทางขี้เล่นสุดในกลุ่มเลย “เออๆ ครับๆ ไม่หงุดหงิดก็ไม่หงุดหงิด... แล้วยังไงเล่ามา” ยังคงเป็นพี่อิฐที่พูดจายียวนไม่หยุด “เรื่องมันยาวไว้วันหลังเดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง” พี่ธามเองก็ตอบแบบปัดๆ “เล่ามาเลยกูมีเวลาทั้งวัน ยอมโดดคาบบ่ายมาฟังเรื่องของมึงกับน้องอายตาเลย” พี่อีกคนที่ชื่ออาร์มที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้นบ้างพร้อมกับจ้องหน้าพี่ธามนิ่งๆ อย่างต้องการคำตอบ “จริงค่ะ!! พวกหนูก็พร้อมโดดเรียนเหมือนกัน” และเป็นฉันเองที่ก็อย่างรู้จนโพล่งออกไปเหมือนกัน ทำเอาอายตาหันขวับมามองทันทีแต่ฉันยักคิ้วให้มันไปแทน ...หน๊อยยย ยัยเพื่อนตัวดีแอบไปมีสามีไม่บอกกันเลย... จากนั้นก็เป็นพี่ธามสามีหมาดๆ ของอายตาที่เป็นคนอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเราฟังกัน ก่อนที่พวกเราจะรวมโต๊ะและกินข้าวด้วยกัน แต่ฉันกลับเป็นคนเดียวที่รู้สึกกินไม่ค่อยลงสักเท่าไรเพราะเรื่องที่ทำไว้เมื่อคืนมันกระแทกหน้าเข้ามาน่ะสิ แล้วคนเมื่อคืนก็เอาแต่เหล่ตามามองอยู่ตลอดเวลาแต่ดีหน่อยที่เขาไม่พูดอะไรออกมาแล้วทำเหมือนว่าไม่รู้จักกันมาก่อน แต่จริงๆ ก็ไม่ได้รู้จักกันนี่นา ช่างเหอะ...ที่เขาทำเหมือนไม่เคยเจอกันมาก่อนก็ดีแล้วเพราะฉันเองก็ขี้เกียจจะอธิบายให้เพื่อนฟังถ้าหากเขาพูดอะไรขึ้นมาจริงๆ ....... หลังจากที่กินข้าวกลางวันกันเสร็จพวกเราสามคนก็เดินกลับมาที่คณะของตัวเองเพราะพวกเรามีเรียนในช่วงบ่ายก่อนที่ฉันกับยัยน้ำหวานจะจัดการกับยัยอายตาที่บังอาจโกหกเรื่องของพี่ธามสามีของมัน “แสบนักนะยัยตัวดีไหนบอกว่าพี่ชายไง!!” ฉันมองค้อนอายตาไปทีหนึ่งแต่จริงๆ ก็ไม่ได้จริงจังอะไรแค่อยากแซวมันเฉยๆ อายตาเองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของฉัน “ขอโทษนะ... ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดเรื่องนี้หรอก แต่แค่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดีอ่ะ” มันตอบกลับเสียงอ่อนพร้อมกับช้อนสายตามองพวกฉันไปด้วย ทำเอาฉันหลุดขำออกมาเลยเพราะไม่ค่อยจะได้เห็นอายตาโหมดนี้สักเท่าไร ปกติเพื่อนฉันคนนี้มันมีนิสัยค่อนข้างห้าวเหมือนกับฉันนี่แหละ “ช่างเหอะ... ว่าแต่พี่ธามเขาแซ่บไหม หล่อขนาดนั้นอ่ะ” ว่าแล้วก็แซวเพื่อนรักไปหนึ่งกรุบ ทำเอายัยตาหน้าแดงขึ้นมาทันทีพลางรีบตอบปฏิเสธเป็นพัลวันแถมถลึงตาใส่ฉันด้วย ฮ่าๆ “อะไร!! ไม่รู้โว้ย!! ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นหรอกน่า ...เมิงนิ!!” “อะไรวะจืดชืด!! ได้สามีหล่อลากขนาดนั้นมัวทำอะไรอยู่ทำไมไม่จับพี่เขาปล้ำไปเลย” ฉันเองก็ยังแซวมันไม่เลิก “ไอ้แตงกวา!!” สุดท้ายฉันเลยโดนยัยน้ำหวานดุ แต่ฉันก็ไม่ได้แคร์อะไรแถมยังหัวเราะใส่พวกมันด้วย “ไอ้บ้า!! ใครจะไปทำแบบนั้นกัน ฉันกับเขาแต่งงานกันเพราะสัญญาของพวกพ่อแม่ ฉะนั้นจะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน แล้วอีกอย่างนะพี่ธามก็ออกจะฮอตขนาดนั้นคงมีสาวๆ ตามเป็นโขยงเขาไม่มาสนใจอะไรฉันหรอก” อายตาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติแต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่าแววตาของเพื่อนรักมันหม่นลงนิดหน่อย “ที่พูดเนี้ยน้อยใจที่พี่เขาไม่สนใจหรือหึงพวกสาวๆ ของพี่เขากันแน่” น้ำหวานอมยิ้มมุมปากถามอายตาออกไปจนอายตาต้องรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วลากพวกฉันขึ้นไปเรียนต่อในคาบบ่ายทันที “จะบ้าเหรอ ใครจะไปคิดแบบนั้น... ไปเรียนกันเหอะเดี๋ยวสาย” ฉันได้แต่มองอาการของเพื่อนขำๆ เพราะใบหน้าหวานของมันตอนนี้เหมือนกำลังเห่อแดงอยู่เลย หวังว่ามันคงไม่ได้ตกหลุมรักสามีในนามของตัวเองเข้าให้แล้วนะ.......
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD