[ อิฐ ]
หลังจากที่จอดส่งแตงกวาที่ป้ายรถเมล์แล้วผมก็ขับรถกลับไปที่ร้านเหล้าเมื่อครู่อีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ผมเพิ่งจะไปถึงที่นั่นแต่ก็เกิดเรื่องซะก่อนเลยได้ออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เข้าไปในร้าน แต่เข้าไปแค่แป๊บเดียวก็ต้องออกมาอีกครั้งเพราะนึกเป็นห่วงยัยเด็กนั่นที่ผมปล่อยเธอทิ้งไว้ข้างทาง และแถวนั้นมันก็เปลี่ยวด้วยกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ และถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ผมคงจะรู้สึกผิดบาปมาก ถึงผมจะไม่ใช่คนดีอะไรแต่ผมก็ไม่ได้ใจดำขนาดนั้น
พอมาถึงผมก็จอดรถอยู่ห่างๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่าเธอขึ้นรถไปแล้วจริงๆ แต่ในขณะที่ผมนั่งเฝ้ามองอยู่ในรถนั้นก็เห็นมีผู้ชายสองคนเดินเข้าไปหาเธอและดูเหมือนจะมีกานลวนลามกันเกิดขึ้น ผมเลยเปิดประตูรถแล้วเดินลงไปหาแตงกวาที่ส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น ไอ้สองคนนั้นพอเห็นผมพวกมันก็วิ่งหนีกระเจิงแต่คนที่หลับหูหลับตากรีดร้องนี่กลับทุบใส่ผมแบบไม่ยั้งเลย มือเล็กแต่แรงโคตรเยอะ!!
“โอ๊ย! แตงกวาหยุด!!”
“พี่อิฐ!!” ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างทันทีที่เห็นหน้าผม
“ก็พี่น่ะสิ ทุบมาได้!!... เจ็บชะมัด”
“ขอโทษค่ะ... ก็หนูไม่รู้ว่าเป็นพี่ แล้วผู้ชายสองคนนั้นไปไหนแล้วคะ?”
“วิ่งหนีไปแล้ว... ว่าแต่เราเหอะทำไมยังอยู่ตรงนี้?”
“ก็...หนูรอแท็กซี่อ่ะค่ะ แต่ไม่มีสักคันแถมโทรศัพท์ก็แบตฯ ด้วย” เธอช้อนสายตามองผม หน้าตาน่าสงสารเชียว เหมือนลูกหมาหลงทางไม่มีผิด ทำเอาผมหลุดขำออกมา
“ขำอะไรคะ?” เสียงใสนั่นเอ่ยออกมาพร้อมกับคิ้วเรียวที่มุ่นเข้าหากัน
“ก็เราทำหน้าเหมือนลูกหมาหลงทางเลย... หึหึ... ป่ะเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“โหหหห! พี่... ด่าหนูเป็นหมาเลยเหรอ” ท้าวเอวมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง แต่ท่าทางของเธอมันชวนให้ขำมากกว่า
“ลูกหมาต่างหาก ฮ่าๆ”
“พี่อิฐ!!”
“เลิกโวยวาย... จะกลับไหม? หรือจะนั่งรอให้ไอ้พวกนั้นมาหาอีก หืม?”
“กลับค่ะกลับ” เธอดูลนลานแล้วรีบสาวเท้าเดินตามผมมา....
ผมขับรถมาส่งแตงกวาที่คอนโดของเธอตามทางที่เธอบอก แต่พอมาถึงแตงกวากลับไม่ยอมลงจากรถและสายตาของเธอก็มองตรงไปยังใครบางคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า ผมเองก็มองตามสายตาของเธอไปก่อนจะเห็นว่าใครที่กำลังยืนรอเธออยู่
“เสน่ห์แรงนะเราน่ะ.... ผู้ชายมายืนรอถึงหน้าคอนโดเลย” แซวเธอไปหนึ่งทีเพราะคนที่ยืนรอเธออยู่นั้นถ้าจำไม่ผิดมันน่าจะเป็นแฟนเก่าของเธอ แต่คนที่ผมแซวเธอกลับไม่ขำแถมยังหันมาหาผมด้วยใบหน้างองุ้มบึ้งตึงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวไม่สบอารมณ์มากนักที่เห็นคนตรงหน้า ก่อนจะละสายตาจากผมแล้วบ่นพึมพำออกมา
“น่ารำคาญที่สุดเลย.... ตื้อชะมัด”
“หึหึ”
“พี่อิฐ... ไหนๆ พี่ก็ช่วยหนูแล้ว ถ้างั้นพี่ช่วยหนูอีกเรื่องได้ไหมคะ?”
“อะไร?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที แต่คนตรงหน้ากลับมีสายตาเป็นประกาย นี่ผมเพิ่งจะรู้จักเธอได้ไม่นานเองนะแต่เธอขอให้ผมช่วยบ่อยเหลือเกิน
“มาค่ะ!” พูดจบก็เปิดประตูรถลงไป ผมเองก็เดินตามเธอลงไป... อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะทำอะไร
“แตงกวา!” คนที่ยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้าตึกเอ่ยออกมาเสียงดังเมื่อเห็นแตงกวาที่กำลังคล้องแขนผมเดินเข้าไปใกล้
“อ้าวทอยด์ มาทำอะไรที่นี่?” เสียงใสเอ่ยถามออกไปเหมือนไม่เคยเห็นหมอนี่มาก่อนทั้งๆ ที่ตัวเองเห็นมันตั้งนานแล้ว ร้ายใช่เล่นเลยนะยัยเด็กนี่น่ะ
“เราก็มารอแตงกวาไง”
“มารอฉันทำไม?”
“แล้วแตงกวาพาไอ้นี่มาที่นี่ทำไม?”
“ก็เขาเป็นแฟนฉัน... ทำไมเขาจะมาที่นี่ไม่ได้?”
“บอกตามตรงนะ เราไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะมีคนใหม่ได้เร็วขนาดนี้น่ะ”
“ทำไมเหรอ... ฉันจะมีคนใหม่แล้วมันทำไม? จะช้าจะเร็วมันก็เรื่องของฉันหรือเปล่า... แล้วฉันก็บอกนายเป็นรอบที่ร้อยแล้วนะว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก!!”
“แต่เราไม่อยากเลิกกับเธอ!!”
ผมยืนดูสองคนนี้เถียงกันไปมาอยู่พักใหญ่ ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ยอมช่วยยัยเด็กนี่ ปวดหัวชิบหาย ไม่น่าเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวด้วยเลย
“ขอโทษนะ... ผู้หญิงเขาไม่เอาแล้ว ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอก็เลิกตามตื้อเขาซะ” และสุดท้ายความอดทนของผมก็หมดลง
“เกี่ยวอะไรกับมึง!!” แต่ไอ้เวรนี่เหมือนไม่อยากจบ สายตาของหมอนี่ที่มองมาแสดงออกชัดเจนว่าอยากมีเรื่อง
“อ้าว... พูดดีๆ ไม่เป็นหรือไงวะ?”
“พี่อิฐคะ ไปกันเถอะค่ะ... หนูง่วงแล้วอ่ะ” ในขณะที่ผมกับไอ้หน้าจืดนี่กำลังจะมีเรื่องกันแตงกวาก็รีบดึงแขนผมให้ถอยห่างออกมา ก่อนที่เธอจะดึงแขนผมให้เดินตามเธอเข้าไปในคอนโดโดยมีเสียงของแฟนเก่าเธอตะโกนไล่หลังมา แต่ดูเหมือนยัยเด็กนี่จะไม่ได้สนใจเลย... มือเล็กยื่นไปกดลิฟต์แล้วก้าวเท้าเข้าไปพร้อมกับดึงผมเข้าไปด้วย ก่อนที่ลิฟต์จะเปิดออกยังชั้นที่เธอต้องการ
เราสองคนเดินออกมายืนกันอยู่ที่หน้าลิฟต์ แต่คนตรงหน้ากลับเอาแต่เงียบ
“พาพี่ขึ้นมาบนนี้ทำไม?” เลิกคิ้วถามเธอ จริงๆ ผมก็พอจะรู้แหละว่าทำไมเธอถึงพาผมขึ้นมา คงเพราะอยากจะเล่นละครตบตาแฟนเก่าของตัวเอง
“คือ... พี่ช่วยอยู่บนนี้ก่อนได้ไหมคะ หนูอยากให้ทอยด์เข้าใจว่าเราขึ้นมาด้วยกันน่ะ... หมอนั่นจะได้เลิกยุ่งกับหนูซะที”
“แล้วถ้าพี่ช่วยเราแล้วพี่จะได้อะไร?...”
“เออ...”
“จริงๆ พี่ช่วยเรามาหลายครั้งแล้วนะ ทั้งๆ ที่พี่ไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ... ไหนบอกมาซิว่าพี่จะได้อะไรตอบแทน หืม?”
อยู่ๆ ความคิดบางอย่างมันก็แล่นเข้ามาในหัวของผม และผมก็ตั้งใจถามเธอออกไปแบบนั้นพร้อมกับยกยิ้มมุมปากไปด้วย ไหนๆ เธอก็คิดจะใช้งานผมแล้ว...แล้วคนอย่างผมก็ไม่ชอบให้ใครมาใช้ฟรีๆ ด้วยสิ
แต่คำถามของผมกลับทำเอาคนตรงหน้าถึงกับนิ่งไป ดวงตากลมโตของเธอเบิกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับมองหน้าผมนิ่งๆ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อย
“แล้วพี่อยากได้อะไรหละ?” คำถามถูกเอ่ยออกมาพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นมองผม
จมูกเชิดๆ กับปากรั้นๆ .... อยากรู้จริงๆ ว่ามันจะหวานสักแค่ไหน... พอเห็นแบบนั้นผมก็คิดที่อยากจะลิ้มลองริมฝีปากบางนั่นดูสักครั้ง....
อยากลองสัมผัสดูสักครั้งทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยอยากจะจูบใครเลยแม้แต่กับพวกผู้หญิงที่ผมนอนด้วย แต่กับคนตรงหน้ากลับทำให้ผมอยากจูบเธอ และการกระทำก็ไวกว่าความคิด ผมก้าวเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าของเธอพร้อมกับโน้มลงไปประกบจูบลงบนริมฝีบางของคนตรงหน้าพร้อมกับรั้งท้ายทอยเล็กไว้ ก่อนจะเลียและขบเม้มเบาๆ บนกลีบปากบางสีชมพูระเรื่อนั่นแล้วผละออกมา พร้อมกับกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก
“ถือซะว่านี่เป็นการตอบแทนที่พี่ช่วยเธอก็แล้วกัน... พี่ไปละนะ” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกมาโดยที่ไม่รอให้คนที่กำลังยืนอึ้งอยู่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลย....
[ แตงกวา ]
ฉันที่กำลังยืนอึ้งอยู่ได้สติกลับมาอีกครั้งเมื่อเสียงลิฟต์ดังขึ้น พอตั้งสติได้ก็รีบหมุนตัวกลับเข้าห้องของตัวเองทันที ก่อนจะ......
“ไอ้บ้าพี่อิฐ!!!!!”
มือเล็กยกขึ้นมาถูริมฝีปากของตัวเองอย่างแรงพร้อมกับใบหน้าที่อยู่ๆ ก็เห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกถึงสัมผัสจากริมฝีปากหนาของเขา บ้าเอ้ย!!....นี่เขาจูบฉันเหรอเนี้ย!! บ้าชะมัด!!...เพิ่งจะรู้จักกันเองแท้ๆ แต่เขากล้าทำแบบนี้ได้ไงเนี้ย!! คอยดูนะเจอกันครั้งหน้าแม่จะด่าให้!!......
หลายวันผ่านไป....
เย็นวันนี้ฉันมีนัดกับแม่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก็เรื่องที่ท่านพยายามจับคู่ฉันให้กับลูกชายของนักธุรกิจคนหนึ่งนั่นแหละ ถึงปากจะบอกว่าแค่มาทานอาหารเย็นกันเฉยๆ แต่ฉันก็รู้ดีว่านัดครั้งนี้มันมีอะไรซ่อนอยู่มากกว่านั้น
“สวัสดีค่ะแม่... รอนานไหมค่ะ หนูขอโทษนะคะที่มาช้าพอดีรถติดนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“อื้อ... เข้าไปข้างในกันเถอะ อย่ามัวเสียเวลาเลย”
มาถึงก็รีบเข้าไปในร้านทันทีก่อนที่จะเห็นแม่ยืนรออยู่แล้ว และก็ไร้คำทักทายจากท่านเหมือนเคย นานแค่ไหนแล้วนะที่แม่เมินเฉยกับฉันแบบนี้ บางทีฉันก็คิดนะว่าฉันใช่ลูกของแม่จริงๆ หรือเปล่า แต่ว่าน้อยใจไปก็เท่านั้น...ฉันชินแล้ว
เท้าเล็กก้าวเดินตามแม่เข้าไปในห้องที่ถูกจัดไว้สำหรับแขก VIP... มันเป็นห้องที่ค่อนข้างส่วนตัว และบนโต๊ะอาหารทรงกลมนั่นก็มีอาหารมาเสริฟรออยู่แล้วพร้อมกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งและข้างกายเขาก็มีชายหนุ่มหน้าตาดีอีกคนนั่งอยู่ด้วย
ฉันกับแม่เดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมกับรอยยิ้มทักทายอีกฝ่าย
“สวัสดีค่ะคุณเมธา ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาสายไปนิดหน่อย พอดีลูกสาวของวิรถติดน่ะค่ะก็เลยมาช้า”
“อ้อ... ไม่เป็นไรเลยครับคุณวิ ผมกับลูกชายรอได้”
“แตงกวาสวัสดีคุณเมธาสิลูก”
“ค่ะ... สวัสดีนะคะ”
“สวัสดีจ้ะหนูแตงกวา เห็นคุณแม่ของหนูพูดถึงหนูอยู่บ่อยๆ ไม่คิดเลยนะเนี้ยว่าตัวจริงจะน่ารักขนาดนี้... อ้อ...แล้วนี่ก็ลูกชายผมครับ... ทำความรู้จักกับน้องไว้สิเจ้ากันต์”
“ครับ... สวัสดีนะครับคุณวิ แล้วก็น้องแตงกวา... ผมเรียกน้องถูกไหมครับเพราะดูน้องน่าจะเด็กกว่าผมเยอะ”
“จ้ะ... พอดียัยแตงกวาเพิ่งจะเรียนอยู่ปีหนึ่งน่ะค่ะ” แม่ว่าพลางส่งยิ้มไปให้สองพ่อลูกนั้น ส่วนฉันก็ได้ฉีกยิ้มไปให้คนตรงหน้า ถึงจะเป็นยิ้มที่ฝืดมากก็เถอะ....
“น้องแตงกวาเพิ่งเข้ามหาลัยเหรอครับ? ไม่ทราบว่าเรียนด้านไหนครับ?”
“ค่ะ... เรียนบริหารน่ะค่ะ”
“อ้อ... ดีเลยพี่เองก็จบบริหารมาเหมือนกัน ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเรียนถามพี่ได้นะครับ...พี่ยินดีให้คำปรึกษา” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจแบบฉบับผู้ชายเจ้าชู้ถูกส่งมาให้ ฉันเองก็ยิ้มตอบกลับเขาไป... ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร เพราะผู้ชายประเภทนี้น่ะฉันเจอมาเยอะแล้ว
“ขอบคุณนะคะพี่กันต์ เอาไว้ถ้ามีปัญหาจริงๆ แตงกวาจะขอคำปรึกษากับพี่นะคะ”
“ครับผม” รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาให้ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกยินดีกับรอยยิ้มของเขาเลย
“เอาหละๆ เดี๋ยวไว้ค่อยคุยกันดีกว่า เรามาทานข้าวกันดีกว่าเดี๋ยวอาหารจะเย็นหมดซะก่อน” คุณเมธากับแม่ของฉันที่ยิ้มกรุ้มกริ่มพึงพอใจกับบทสนทนาของฉันกับลูกชายของเขาเอ่ยออกมากอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เราจะลงมือทานอาหารกัน
หลังจากทานอาหารเสร็จแม่ฉันกับคุณเมธาก็พูดคุยกับเกี่ยวกับเรื่องธรุกิจที่จะร่วมลงทุนด้วยกัน และก็หนีไม่พ้นที่จะดึงฉันเข้าไปเกี่ยวข้องกับข้อสนทนาด้วย
“อาทิตย์หน้าที่เราจะไปดูที่ดินกันที่หัวหินกันต์ไปคุณพ่อด้วยหรือเปล่าลูก พอดีน้าจะพาแตงกวาไปด้วยน่ะ ถ้ากันต์ไปด้วยจะได้เป็นเพื่อนคุยกับน้องได้”
“ไปครับ... ดีเหมือนกันผมเองก็อยากคุยกับน้องแตงกวามากกว่านี้”
บทสนทนาตรงหน้าทำเอาฉันถึงกับต้องหันไปมองแม่ของตัวเองทันที เพราะเรื่องที่จะไปดูที่ดินที่หัวหินนี่คือเรื่องใหม่ที่ฉันเพิ่งจะได้รับรู้ แต่แม่กลับไม่ได้สนใจฉันเลยพร้อมกับพูดคุยกันต่อ
“ส่วนเรื่องเงินลงทุนที่เราคุยกันไว้ก็ตามนั้นนะครับ ทางคุณวิไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ”
“ค่ะ... วิไม่มีปัญหาเลย งานนี้วิไว้ใจคุณเมธาค่ะว่าจะทำให้ธุรกิจของเราทำกำไรได้แน่นอน”
“ครับ... ขอบคุณที่ไว้ใจผมนะครับ”
ธุรกิจที่แม่กับคุณเมธากำลังจะร่วมกันทำนั้นคือโครงการบ้านจัดสรรค์ขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก แม่ฉันท่านค่อนข้างที่จะคาดหวังกับงานครั้งนี้มากเพราะท่านลงทุนไปเยอะ และที่ลากฉันมาวันนี้ด้วยก็เพราะต้องการให้ฉันกับลูกชายของหุ้นส่วนของท่านได้ทำความรู้จักกัน และดูเหมือนเจ้าตัวก็จะยินดีที่จะทำความรู้จักกับฉันซะด้วยสิ
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเรานัดเซ็นสัญญากันอีกทีดีไหมครับ”
“ได้เลยค่ะ วิพร้อมเสมอค่ะ”
“ดีครับ ถ้างั้นเอาไว้เจอกันนะครับ”
“ค่ะ”
พวกเราเดินออกมาจากห้องทานอาหารก่อนจะร่ำลากันแต่ก่อนจะได้กลับคุณกันต์กลับรั้งฉันไว้ด้วยการขอเบอร์ติดต่อของฉัน และฉันก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ด้วยเพราะแม่กับคุณเมธากำลังยืนมองเราสองคนอยู่
“น้องแตงกวาครับ ถ้าพี่จะขอเบอร์น้องไว้ได้ไหมครับ เผื่อว่ามีเรื่องที่ต้องคุยกันหรือว่าพี่อาจจะขอนัดน้องแตงกวาไปทานข้าว... ไม่รังเกียจพี่ใช่ไหมครับ”
“อ้อ... ไม่ค่ะ ไม่รังเกียจเลย...” พูดมาขนาดนี้แล้วจะให้ฉันทำอะไรได้หละ หันไปสบตากับแม่นิดหนึ่งก่อนจะหันกลับมาสนใจกับคนตรงหน้าต่อ พอได้ยินคำตอบของฉันเขาก็ฉีกยิ้มกว้างทันที ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้ฉันกดเบอร์ ฉันเองก็กดเบอร์ให้เขาไปแล้วจากนั้นเขาก็โทรเข้ามาทันที
“อย่าลืมบันทึกเบอร์พี่ไว้ด้วยนะครับ”
“ค่ะ...” ยิ้มแบบขอไปที ผู้ชายบ้าอะไรรุกหนักเป็นบ้าเลย นี่ขนาดต่อหน้าพ่อแม่นะเขายังไม่เว้นเลยแล้วถ้าได้อยู่กันสองต่อสองจะขนาดไหนอ่ะ
“เห็นเด็กๆ ทำความรู้จักกันแบบนี้ผมก็ดีใจนะครับ และหวังว่าเราอาจจะได้เป็นมากกว่าหุ้นส่วนทางธุรกิจนะครับ”
“พูดอะไรครับพ่อ เดี๋ยวน้องก็กลัวผมหมดพอดี”
“ฮ่าๆ ไอ้ลูกชายคนนี้”
“ฉันก็หวังอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ.... ถ้าอย่างนั้นฉันกับลูกขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ... แล้วเจอกันวันนัดเซ็นสัญญาครับ”
พูดจบสองพ่อลูกนั่นก็เดินจากไป แต่ก่อนจะไปคุณกันต์ก็หันมายิ้มให้ฉันด้วย พอลับตาสองพอลูกนั่นแม่ก็หันมาหาฉันทันที พร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงราบเรียบซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
“ถ้าพี่เขาโทรมาก็ช่วยคุยกับเขาดีด้วยๆ เพราะงานนี้แม่ลงทุนไปเยอะ... อย่าให้แม่ต้องผิดหวัง”
“หนูไม่ได้ชอบเขาซะหน่อย แล้วเขาเองก็ดูเจ้าชู้แถมไม่น่าไว้ใจด้วย”
“แกอคติกับพี่เขาเกินไปหรือเปล่า เพิ่งจะเจอกันครั้งแรกเอง... เอาไว้หาเวลาไปกินข้าวกับพี่เขาบ้างจะได้ทำความรู้จักกัน”
“แต่แม่คะ...”
“หุบปาก!! ถ้าแกทำแผนฉันพังหละก็ แกรู้ใช่ไหมว่าจะโดนอะไร!”
“ทำไมแม่ไม่ให้พี่มะปรางทำความรู้จักกับเขาแทนหนูล่ะคะ... พี่มะปรางน่าจะชอบเขามากกว่าหนู แล้วเขาเองก็น่าจะ.....”
เพียะ!! เสียงฝ่ามือกระทบกับแก้มด้านซ้ายของตัวเองดังสนั่น และตามมาด้วยความรู้สึกชาที่แล่นผ่านไปทั้งซีกหน้า
“อย่าคิดจะเอาลูกสาวของฉันไปเล่ขายให้กับใคร!” น้ำเสียงแข็งกร้าวที่ตอบออกมาทำเอาฉันน้ำตาร่วง แรงตบจากฝ่ามือของแม่มันยังไม่เจ็บเท่ากับคำที่ท่านพูดออกมาเลย
“แล้วหนูล่ะคะ หนูก็ลูกแม่เหมือนกันนะ... ทำไมแม่ถึงเอาหนูไปเป็นเครื่องมือที่จะเชื่อมธุรกิจของแม่ หรือว่าแม่ไม่เคย....”
“หยุดพูด!! ฉันไม่อยากจะเถียงกับเด็กอย่างแก กลับไปซะแล้วอาทิตย์หน้าก็เตรียมตัวไว้ด้วย ฉันจะพาแกไปหัวหินพร้อมกับฉัน”
พูดจบท่านก็เดินตรงไปที่รถทันทีโดยไม่หันกลับมาสนใจฉันอีกเลย น้ำตาที่ไหลอาบลงมาบนแก้มมันไม่ใช่เพราะเจ็บจากการโดนตบ แต่มันเจ็บจากคำพูดของคนเป็นแม่ที่ทำเหมือนกับฉันไม่ใช่ลูก ก่อนที่มือบางจะยกขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองแล้วก้าวเท้าเดินออกจากร้านอาหารนั้นไป....
สายตาคมของใครบางคนมองดูร่างบางของเธอเดินออกไปจนพ้นสายตา ก่อนที่ขายาวๆ นั่นจะก้าวเดินตามเธอออกไป....