๑
“ตอนกลางคืนที่นี่จะเงียบมากจนบางครั้งก็เงียบจนเหงา แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรเพราะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด”
เสียงอ่อนๆ ที่เอ่ยขึ้นข้างกายทำให้ปลายดาวต้องละสายตาจากดาวที่เกลื่อนฟ้าหันมามองพร้อมรอยยิ้มละไม พลางพึมพำขอบใจเมื่อกำไลนำผ้าคลุมไหล่ให้หล่อน
“ปกติอากาศจะเย็นตลอดทั้งปีอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้จะหนาวมากกว่าปกติเพราะใกล้หน้าหนาว คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ ใส่เสื้อผ้าหนาๆ นะคะ ไม่อย่างนั้นจะไม่สบายได้”
ปลายดาวผ่อนลมหายใจยาว ดวงหน้างดงามภายใต้กรอบผมสลวยเจือยิ้ม รู้สึกคิดถึงมารดาผู้ล่วงลับ
“อยู่ด้วยกันมาทั้งวัน ปลายยังไม่รู้เลยว่ากำไลอายุเท่าไหร่” หญิงสาวหันไปมองคนข้างๆ ที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อย เว้นระยะห่างพอให้รู้ว่าใครเป็นนายใครเป็นบ่าว
“อีกสามเดือนก็อายุครบสามสิบแล้วค่ะ” คนตอบยิ้มอ่อนแต้มใบหน้า ปลายดาวจึงเปิดยิ้มกว้าง
“งั้นปลายต้องเรียกว่าพี่กำไล เพราะปลายเพิ่งยี่สิบสี่เอง” สาวสวยยิ้มหวาน ดวงตากลมโตราวกับมีดวงดาวอยู่ในนั้น เพราะระยิบระยับงดงามเหลือเกิน กำไลอดปลื้มเสียไม่ได้ เพราะตั้งแต่รู้ว่าจะได้เป็นต้นห้องให้ปลายดาวก็เกิดอาการเกร็งไม่น้อย แต่พอได้พบหน้าพูดคุยก็หลงในความน่ารัก ยิ่งเวลานี้ก็ยิ่งเอ็นดูในความอ่อนน้อมและเป็นกันเองของอีกฝ่าย ปลายดาวไม่เคยมองหล่อนเป็นเพียงสาวใช้ แต่กลับปฏิบัติต่อกันอย่างเสมอภาค สิ่งนั้นยิ่งทำให้กำไลรู้สึกนับถือและยกย่องอีกฝ่ายเพิ่มมากขึ้น
“แล้วแต่คุณปลายเถอะค่ะ กำไลอย่างไรก็ได้ เรียกกำไลเฉยๆ ก็ได้ กำไลไม่ถือหรอกค่ะ” สาวใช้เอ่ยด้วยใบหน้าแจ่มใส รอยยิ้มกว้างเต็มวงหน้ากลมแป้น
ปลายดาวมองเห็นความจริงใจในดวงตาของอีกฝ่าย จึงดึงมือกำไลไปกุมเอาไว้จนสาวใช้ทำท่าตกใจและมีอาการเกร็งๆ คล้ายจะบอกว่าไม่เหมาะสม หญิงสาวจึงหัวเราะออกมาเบาๆ พลางบอก
“งั้นเรามาเป็นพี่น้องกันเถอะนะคะ พี่กำไลเป็นพี่สาว ส่วนปลายเป็นน้องสาว ต่อไปนี้เราจะช่วยดูแลกันและกันนะคะ”
แรงบีบเบาๆ จากฝ่ามืออ่อนนุ่มงดงามของปลายดาว ทำเอาคนที่รู้สึกต่ำต้อยมาตลอดหลุบตามองมือที่ถูกกุมด้วยความรู้สึกเต็มตื้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำตาจึงคลอเบ้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสาวงามตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มที่สั่นระริก
“กำไลไม่กล้าอาจเอื้อมเป็นพี่สาวของคุณปลายหรอกค่ะ แค่คุณปลายให้ความไว้วางใจกำไลขนาดนี้ก็เป็นบุญแล้ว”
ปลายดาวถอนหายใจยาว ริมฝีปากสีเรื่ออย่างคนสุขภาพดีเปิดยิ้มอ่อนหวานแกมระอากับท่าทางเจียมตัวของอีกฝ่าย
“คิดอะไรแบบนั้น อาจองอาจเอื้อมอะไรกัน ถึงเราจะอยู่คนละสถานะ แต่ก็เป็นคนเหมือนกัน ทำไมจะเป็นพี่เป็นน้องกันไม่ได้ อีกอย่างปลายก็เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณพ่อกับคุณแม่มาตลอด เคยอยากมีน้องสาวสักคนเอาไว้พูดคุยกันได้ทุกเรื่องแต่ก็ไม่เคยมี ตอนนี้มีพี่กำไลอยู่ข้างๆ ก็เลยอยากให้เป็นพี่สาว หรือพี่กำไลรังเกียจปลาย”
กำไลทำหน้าตื่น รีบสั่นหัวหวือทันที
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ โธ่คุณปลาย กำไลแค่ไม่อยากทำตัวตีเสมอ นายใหญ่เองก็คงจะไม่ชอบหากเห็นว่ากำไลสนิทสนมกับคุณปลายมากจนเกินไป” กำไลอธิบาย ทำให้หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“คิดมาก ต่อไปนี้เรียกตัวเองว่าพี่กำไลนะคะ”
กำไลได้แต่น้ำตาคลอ จากนั้นเสียงของสองสาวที่คุยกันอยู่ริมระเบียงก็ค่อยๆ เบาลงจนกระทั่งเงียบหายไปพร้อมกับแสงสว่างที่จุดวาบขึ้นจากปลายมวนบุหรี่
ร่างสูงก้าวออกมาจากความมืดพร้อมควันขุ่นขาว เจ้าของใบหน้าคมเข้มแสยะยิ้ม บอกตัวเองว่าแม่หน้าแฉล้มคนนั้นคงตั้งใจเล่นละครเต็มที่ เริ่มแรกก็ซื้อใจคนของเขาด้วยการแสร้งทำเป็นคุณหนูติดดิน ให้ความสำคัญกับคนที่ด้อยกว่า หึ! อยากรู้นักว่าจะทำแบบนี้ได้นานสักแค่ไหน
หมอกในเช้านี้ลงหนาจัดและอากาศก็หนาวมาก ทำให้คนที่ตื่นมาตั้งแต่หกโมงครึ่งต้องหาเสื้อกันหนาวมาสวมทับเสื้อยืดแขนยาวอีกชั้นส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงผ้าเนื้อหนานุ่ม
เมื่อหญิงสาวก้าวเข้าไปในครัว ทั้งแม่ครัวและสาวใช้ที่กำลังเตรียมอาหารเช้าก็ยิ้มให้ว่าที่นายหญิงน้อยทันที
“คุณหนูปลายต้องการอะไรหรือคะ แล้วนี่แม่กำไลหายไปไหนทำไมปล่อยให้คุณหนูเดินเข้ามาในครัวเองแบบนี้” แม่ครัวใหญ่ตีสีหน้ายุ่งเหยิง เพราะเกรงว่าความบกพร่องของกำไลจะทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน ปลายดาวเห็นเช่นนั้นจึงรีบตัดบท เพราะไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายไปกันใหญ่
“พี่กำไลจัดห้องอยู่ค่ะ ปลายก็เลยลงมาก่อน”
คำตอบของเจ้าของใบหน้างดงามแจ่มใสทำให้ทุกคนในครัวต่างมองด้วยสายตาอ่อนแสงลงพร้อมกัน นอกจากคนตรงหน้าจะงดงามปานเทพธิดา ยังมีน้ำเสียงอ่อนหวานไพเราะชวนเคลิบเคลิ้มชวนให้คนฟังใจอ่อนลงอย่างง่ายดาย
“คุณหนูปลายนั่งก่อนนะคะ แล้วอยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า เดี๋ยวป้าทำให้ค่ะ” แม่ครัวใหญ่กุลีกุจอเลื่อนเก้าอี้ให้พร้อมกับเอ่ยอาสา ลูกมือที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็มีทีท่ากระตือรือร้นขึ้นทันที หญิงสาวเห็นแล้วให้รู้สึกอุ่นใจขึ้น
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ชื่ออะไรกันบ้างคะ ปลายยังไม่รู้จักชื่อของทุกคนเลย”
คำถามของปลายดาว ทำเอาแม่ครัวใหญ่ตาโตและหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกขึ้นได้
“ตายแล้ว ป้าขอโทษนะคะลืมแนะนำตัวเสียสนิท ป้าชื่อสมหมายค่ะ เรียกป้าหมายก็ได้ ส่วนแม่คนตัวผอมคนนี้ชื่อลัดดา ใครๆ เรียกว่าลัด ส่วนคนอ้วนชื่อมะปรางค่ะ”
ปลายดาวกวาดตามองทุกคนอย่างจดจำ พร้อมกับยิ้มหวานให้อย่างทั่วถึง
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะป้าหมาย ลัดแล้วก็มะปราง”
ปลายดาวยกมือขึ้นชี้ไล่ไปทีละคนอย่างไม่ต้องการให้ผิดพลาด ทำให้คนทั้งสามต่างยิ้มกว้างจนนัยน์ตายิบหยี
“คุณปลายดื่มกาแฟไหมคะ เดี๋ยวมะปรางชงให้”
มะปรางที่ยืนยิ้มไม่หุบเอ่ยอาสา ส่วนลัดดาที่ยืนข้างๆ กันรีบเสนอทางเลือกอย่างไม่ยอมน้อยหน้าทันที
“จะรับนมหรือว่าน้ำผลไม้ก็ได้ ชาก็มีค่ะ”
สีหน้าท่าทางกระตือรือร้นของสองสาวทำเอาแม่ครัวใหญ่ถึงกับค้อนคม ก่อนจะหันมายิ้มให้กับสาวหน้าหวานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
“ใช่ค่ะ อยากได้อะไรสั่งได้เลยนะคะ แม่พวกนี้เตรียมตัวรับใช้คุณหนูปลายเต็มที่เลยค่ะ ยังแอบบ่นกันเลยว่านายใหญ่น่าจะให้สลับกันดูแลคุณปลายกับแม่กำไลบ้าง”
คำตอบของแม่ครัวใหญ่ทำเอาปลายดาวหัวเราะออกมา แต่กลับรู้สึกยินดีที่ทุกคนให้การต้อนรับหล่อนอย่างอบอุ่นยกเว้นคนที่ถูกเรียกว่า ‘นายน้อย’ เพราะเข้าวันใหม่แล้วแต่หล่อนก็ยังไม่ได้พบหน้าว่าที่สามีเลยสักครั้ง
“คุณปลายมาอยู่ที่นี่นี่เอง พี่กำไลตามหาจนทั่ว”
ปลายดาวหันไปยิ้มให้กำไลที่ตามเข้ามาในครัว
“ปลายอยากรู้จักทุกคนค่ะ ก็เลยเข้ามาหา อีกอย่างอยู่เฉยๆ ก็เลยอยากเข้ามาช่วย”
“อุ๊ย ไม่เป็นไรค่ะไม่ต้องช่วย นั่งดูเฉยๆ พอแล้วนะคะ” ทุกคนเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างมองตากันลอกแลก แล้วจากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังออกมาพร้อมๆ กันอีกครั้ง
สรุปแล้ว ปลายดาวเลือกดื่มแค่กาแฟในครัวนั่นเอง การพาตัวเข้ามาถึงในนี้ทำให้หญิงสาวรู้ว่าทุกคนเฝ้ารอคอยการปรากฏตัวของหล่อนมานาน เพราะตั้งแต่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามต่างตื่นเต้น กำไลเองก็ยิ่งรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นคนสนิท เพราะไม่ว่าใครที่หญิงสาวพาตัวเข้าไปพบปะพูดคุย ต่างเป็นต้องถูกชะตาและหลงรักหญิงสาวไปตามๆ กัน
ปลายดาวก้าวออกมาจากห้องครัวพร้อมกำไลแล้วเดินตรงไปยังห้องรับประทานอาหาร พบว่าประมุขของบ้านนั่งรออยู่แล้ว เช่นเดียวกับฐิติก็ยิ้มให้หญิงสาวทันทีที่เงยหน้าขึ้นจากไอแพด
“เป็นไงบ้างหนูปลาย เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม” ผู้สูงวัยกวาดตามองสาวงามที่นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสายตาชื่นชม ไม่ว่าแม่สาวน้อยคนนี้จะแต่งตัวแบบไหน หรืออยู่ในอิริยาบถใดก็ดูน่ารักน่ามองไปเสียหมด หากลูกชายตัวดีของเขามาเห็นแบบนี้เข้าหมอนั่นจะทำหน้าอย่างไร มองตาค้างให้เขาดีใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี หรือไม่ก็ทำตัวน่าโมโหเช่นทุกคราวนั่นคือมองแค่หางตา ทำตัวเย็นชาแล้วเดินหนีไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นทุกครั้งที่เขาเอ่ยถึงปลายดาว
“อากาศดีมากจริงๆ ค่ะ ปลายรู้สึกหายใจได้เต็มปอด เมื่อคืนนี้พอหัวถึงหมอนก็นอนหลับสนิทจนถึงเช้าเลยค่ะ”
หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเป็นปกติ เพราะตอนพูดกับบิดาหล่อนก็ใช้น้ำเสียงแบบนี้ ไม่ได้เสแสร้งแกล้งเอาใจใครแต่อย่างใด
“แล้ววันนี้อยากไปที่ไหนหรือเปล่า ถ้าอยากออกไปดูไร่ชาของเราก็บอก ลุงจะได้บอกให้คนรถเตรียมเอารถออก”
นายใหญ่ของปางไม้บุญเอ่ยอย่างคนใจดี ทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น
“จริงหรือคะ ถ้าอย่างนั้นปลายขอพาพี่กำไลไปด้วยกันนะคะ”
นายฐิติมองไปทางกำไลซึ่งยืนนิ่งๆ อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาว
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
เพียงแค่นั้นปลายฟ้าก็หันไปยิ้มให้กับกำไลที่เงยหน้าขึ้นมองมาทางหล่อนพร้อมกับยิ้มตอบด้วยสายตาวิบวับทีเดียว
ไม่นานนักอาหารถูกลำเลียงขึ้นเต็มโต๊ะ นายใหญ่ของบ้านจึงมองหาลูกชายตัวดี
“ให้ใครไปตามเจ้าตัวดีลงมาได้แล้วมั้ง จะได้ทำความรู้จักกับน้องด้วย”
คำสั่งของนายใหญ่ทำให้สาวใช้มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ชายร่างสูงที่ปลายดาวจำได้ว่าเป็นคนขับรถของนายฐิติจึงกล่าวออกมา
“นายน้อยออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วครับ”
คำตอบของสนทำให้นายฐิติถึงกับนั่งนิ่ง ใบหน้าที่มีรอยยิ้มแต้มเสมอคล้ายบึ้งตึงวูบหนึ่ง ก่อนปรับเป็นยิ้มแย้มเมื่อหันมาทางปลายดาว
“ต้องขอโทษหนูปลายด้วยนะ ลูกชายของลุงมันไม่ได้เรื่องนัก นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ เอาไว้เย็นนี้ลุงจะกำชับให้มันมาให้ทันมื้อค่ำ จะได้รู้จักกันเอาไว้ เพราะอีกไม่นานเราก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว หนูเองจะได้เรียนรู้นิสัยใจคอของพี่เขาด้วย”
หญิงสาวยิ้มให้คนพูด ใจจริงหล่อนออกจะพอใจเสียด้วยซ้ำที่ไม่ต้องปั้นหน้ายิ้มเมื่อพบเจอเขา แม้ออกจะเสียดายไม่น้อยที่ไม่ได้ทำความเข้าใจกันตั้งแต่วันแรกที่มาถึง คาดว่าเขาคงไม่อยากเจอหน้าหล่อนนั่นแหละจึงหาเรื่องออกจากบ้านแต่เช้ามืด กว่าจะกลับก็เป็นเวลาที่หล่อนเข้านอนแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง คุณโตคงจะยุ่งๆ”
นายใหญ่ของปางไม้บุญถอนหายใจแผ่วเบา ใบหน้าของเขาแต้มยิ้มเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้แสดงทีท่าไม่พอใจ ก่อนจะบอกให้รับประทานอาหารต่อ ใช้เวลาไม่นานท่านก็แยกตัวออกไปดูแลกิจการ นับแต่เลิกทำปางไม้อย่างเด็ดขาดในรุ่นพ่อ รุ่นลูกอย่างนายฐิติก็หันมาทำไร่ชาและปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อนำไปใช้ในกิจการทอผ้าจนมีชื่อเสียงโด่งดังส่งออกไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังก่อตั้งมูลนิธิปางไม้บุญขึ้นมาอีกหนึ่งแห่ง เพื่อช่วยเหลือสัตว์ป่าที่อดอยากบาดเจ็บและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั่วประเทศโดยเฉพาะ นอกจากช่วยสัตว์แล้วท่านยังช่วยเหลือชาวบ้านละแวกใกล้เคียงให้มีงานทำเสมอ ทั้งยังส่งเสียลูกคนงานให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง
สิ่งที่ได้รับรู้ทั้งหมดนี้ทำให้ปลายดาวเกิดความเคารพนับถือนายใหญ่ของปางไม้บุญเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ ส่วน ‘นายน้อย’ นั้นหล่อนยังไม่เห็นแม้แต่เงา นิสัยใจคอยิ่งแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าคงจะมีจิตใจที่ดีและพูดจากันรู้เรื่องได้สักครึ่งหนึ่งของนายใหญ่ก็แล้วกัน เวลาตกลงเรื่องสำคัญอะไรๆ มันจะได้ง่ายขึ้น...