ตอนที่ 1 มหาเทพทั้งสี่
ท่ามกลางความเจริญของเมืองในฝันของใครหลายคน ในมหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัดกรุงเทพฯ แม้จะมีนักศึกษามากหน้าหลายตาจากทั่วทุกสารทิศของประเทศหลั่งไหลเข้ามาเรียนที่นี่ แต่ไม่มีใครมีชื่อเสียงเกรียงไกรไปกว่า หนุ่มวิศวะสุดหล่อดาว (ร้าย) ของคณะสถาปัตย์ เขายังมีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ด้วย ทว่ากลับไม่ใช่ชื่อเสียงในทางที่ดีเลย แต่เป็นชื่อเสียงในทางที่แย่ซะมากกว่า
นาย ธงไทย ปรกิตไฟศาล หรือ ท็อปไฟว์ ลูกชายคนเดียวของมหาเศรษฐีในจังหวัดทางภาคเหนือ แต่เพราะความประพฤติของชายหนุ่มทำให้บิดาของเขาไม่วางใจต้องตามมาคุมถึงในเมืองกรุง
เขาเป็นที่รักดั่งดวงใจหัวแก้วหัวแหวนของครอบครัวและมักจะโดนพ่อของเขามอบแหวนมะเหงกที่หัวให้อยู่บ่อยครั้ง เพราะความดื้อรั้น ซุกซน ที่มีมาตั้งแต่เด็ก ๆ แถมโตมายังมีนิสัยเจ้าชู้เพลย์บอยตัวพ่ออีก
อีกเหตุผลที่หนีไม่พ้นความเลือดร้อน ราวกับสืบทอดกันรุ่นต่อรุ่นคงจะเป็นปัญหาการทะเลาะวิวาทที่ท็อปไฟว์เองก็มีบ่อยมากตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนตอนนี้เขาอยู่ปีสามแล้ว ปัญหานี้ก็ไม่ได้ลดลงตามความผันผวนของอายุที่มากขึ้นเลย ทว่าทวีความรุนแรงทั้งการทะเลาะต่างสถาบันและยังมีเรื่องมีราวกับพวกรุ่นน้องด้วยไม่เว้นแต่ละวัน
“เฮ้ย...ท็อปไฟว์ คืนนี้ไปร้านเดิมกันดีไหมวะ”
“ร้านเมื่อคืนป่ะ ไปสิ แจ่ม ๆ ทั้งนั้น”
“ร้านนี้กูก็ชอบว่ะ ดูดีตั้งแต่เด็กเสิร์ฟยันเจ้าของร้าน”
“มึงไม่รวมพี่การ์ดใช่ไหมวะ ฮ่า ๆ ๆ”
เสียงชายหนุ่มชวนกันไปพักสมองหลังจากเรียนหนักกันมาทั้งวัน นี่ก็อีกเรื่องที่พ่อของท็อปไฟว์มักจะไม่พอใจลูกชายเสมอ ปัญหาเรื่องการกินดื่ม เที่ยวกลางคืน และเรื่องผู้หญิงที่เขามีมากหน้าหลายตาซะจนมารดาถึงกับรู้สึกกลัวว่าลูกชายจะไม่มีโอกาสเจอผู้หญิงดี ๆ เพราะผู้หญิงที่ท็อปไฟว์หลับนอนด้วยนั้นส่วนใหญ่ก็หิ้วมาจากสถานบันเทิง คนดี ๆ จะตามผู้ชายไปนอนค้างอ้างแรมไม่ซ้ำแต่ละคืนจริงหรือ...
ตกดึกพ่อหนุ่มวิศวะแก๊งมหาเทพทั้งสี่ที่สาว ๆ แอบตั้งชื่อให้ก็เริ่มออกล่าเหยื่อ โดยทั้งกลุ่มแน่นอนว่ามีอยู่ทั้งหมดสี่คนด้วยกัน แต่ถ้าให้ดูจากรูปร่างหน้าตารวมทั้งฐานะ ท็อปไฟว์ของเราคงอยู่อันดับหนึ่ง
เมฆ เมฆคินทร์ หนุ่มตี๋ลุคใจดีขี้เล่น แต่เป็นตัวตึงที่ร้ายแบบเงียบ ๆ คริสเตียน หนุ่มลูกครึ่งที่ความหล่อเป็นรองแค่ท็อปไฟว์ แต่ความร้ายถือว่าแบดตัวพ่อ ชอบมีเรื่องชกต่อยมากที่สุด สุดท้ายคือ แดม ดลดฤษ หนุ่มหล่อสายเปย์ไม่ชอบกินของฟรี ถือคติของฟรีที่ดีไม่มีในโลก
“พี่ท็อปไฟว์คะ วันนี้หนูขอออกไปต่อกับพี่ได้ไหม หนูชื่นชมพี่มานานแล้วค่ะ” เสียงที่พยายามบีบให้หวานที่สุดดังขึ้นข้างหูขวาใครคนหนึ่ง สาวสวยเกาะกล้ามแขนท่อนล่างของเจ้าของชื่อที่เธอเรียกเอาไว้แน่น เบียดส่วนอวบอิ่มให้แนบชิดที่สุดเท่าที่จะเบียดได้ หากสามารถสิงเข้าไปในตัวของชายหนุ่มได้ หญิงสาวคนนี้คงรวมร่างกับดาวร้ายวิศวะรุ่นพี่ไปแล้ว
“ร้านปิดไปต่อไหนดีคะ คืนนี้หนูไม่อยากกลับบ้านเลยค่ะ” อีกเสียงสดใสกระซิบมาที่ใบหูด้านซ้ายของชายหนุ่มตัวโตที่ไม่ได้โตแต่ตัว
ดูเอาเองว่าความมีเสน่ห์ของเขาดึงดูดขนาดที่สาว ๆ ต่างเสนอตัวให้เองทั้งนั้น ไม่ต้องร้องขอ แค่เลือกว่าจะพาใครกลับในแต่ละคืนเท่านั้นเอง
ไม่รอร้านปิด ท็อปไฟว์และหญิงสาวรุ่นน้องก็ออกไปตอบสนองความต้องการของกันและกันอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เขาไม่เคยสุภาพกับผู้หญิงที่เสนอตัวมาให้ฟรี ๆ แบบนี้ เมื่อได้เธอแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องพาเธอกลับบ้าน ไปส่งเธอหรือแม้แต่รอเธอตื่น ชายหนุ่มจึงทิ้งหญิงสาวที่เพิ่งจะหลับจากความบันเทิงบนเตียงไว้ที่นั่นอย่างไม่ไยดี
เช้าวันต่อมา
ชายหนุ่มทั้งสี่ที่มักจะโดดเรียนกันตามปกติ แม้วิชาที่ลงจะมีอาจารย์เคร่งครัดขนาดไหน แต่เพราะความเส้นใหญ่ใครจะว่าอะไรได้ ทั้งหมดมารวมตัวกันที่บ่อปลาข้าง ๆ ตึกคณะสถาปัตย์กรรมโดยที่ไม่มีอาจารย์หรือใครมาตาม ทุกคนต่างเอือมระอาและชินชากับพฤติกรรมของลูกศิษย์กลุ่มนี้ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังมีพ่อแม่ดีที่มักจะบอกว่า ‘ลูกฉันเป็นเด็กดี’ อีกด้วย
“เป็นยังไงบ้างวะเมื่อคืน ผู้หญิงถึงกับเสนอตัวให้เองเลยเด็ดป่าววะ”
“งั้น ๆ ไม่เห็นสนุก ออกจะน่าเบื่อ...”
ท็อปไฟว์และเพื่อนต่างนั่งรีวิววิพากษ์วิจารณ์หญิงสาวแต่ละคนที่เขาได้หลับนอนด้วยเป็นประจำและชอบมาแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องบนเตียงของกันและกันเสมอ โดยไม่มีความละอายหรือสนใจอะไรเลยจะเรียกว่า ‘ปากสุนัข’ ก็ไม่ผิด
“สวย อึ๋มขนาดนั้นยังบอกน่าเบื่อ ต้องให้เด็ดขนาดไหนวะ”
“ระดับท็อปไฟว์ จะให้ติดใจหญิงงอมแงมคงยากว่ะ แล้วก็ไม่น่ามีวันนั้นด้วย”
เขามั่นใจกับคำพูดและความคิดของตัวเองมาก จนเพื่อน ๆ ต่างพากันหมั่นไส้ไปตาม ๆ กัน แต่จะว่าไปก็ยังไม่เคยเห็นเขาติดผู้หญิงคนไหนได้ถึงสามวัน ขนาดบางคนเป็นถึงเน็ตไอดอลหรืออินฟลูเอนเซอร์ดัง ๆ ก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมท็อปไฟว์ได้ถึงเดือนสักที
บ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุง
“ได้ข่าวมาว่าพวกแกพากันโดดเรียนอีกแล้ว”
“.......”
เมื่อกลับมาถึงบ้านชายสูงวัยที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาห้องรับแขกก็ทักทายเขาด้วยประโยคที่ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยกล้าตอบเลยทีเดียว จึงได้แต่เดินเงียบ ๆ เข้าไปหา
“ปีหน้าแกจะเรียนจบไหมถ้ายังทำตัวแบบนี้”
“.......”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท็อปไฟว์โดนพ่อบ่นเรื่องนี้ แต่เขาไม่ได้รู้สึกรู้สากับคำด่าทอของพ่อจึงยืนฟังเฉย ๆ เข้าหูซ้ายออกหูขวาจนคนบ่นกลับรู้สึกเหนื่อยที่จะพูดเสียเอง
“ใจเย็น ๆ ค่ะคุณ ลูกเราโตแล้วเขามีความรับผิดชอบ ยังไงก็จบค่ะ”
“ผมใจเย็นกับมันมามากแล้วนะ มหาวิทยาลัยก็สอบเข้าไม่ได้ผมต้องแบกหน้าแก่ ๆ ไปยื่นใต้โต๊ะให้มันได้เรียน แล้วดูมันทำ เรียนก็ไม่ตั้งใจดีเท่าไหร่ที่เรามีเงิน ไม่อย่างนั้นทางมหาวิทยาลัยคงดีดมันออกตั้งนานแล้ว”
ยังคงเป็นแม่ที่คอยเข้ามาช่วยปรับอารมณ์ของพ่อแทนเขาเสมอ หญิงวัยกะรัตไม่อยากให้ลูกน้อยใจที่โดนพ่อบ่น แต่เธอคงไม่รู้ตัวเลยว่าทำแบบนี้กลับเป็นการทำให้ชายหนุ่มเคยชิน และเอาแต่ใจกว่าเดิม
“ลูกไปอาบน้ำเถอะจะได้ลงมาทานข้าวกัน”
“ไม่ทานครับ ผมมีนัดกับเพื่อนแล้ว”
ฟี้วว... ตึก!!
คุณธเนศผู้เป็นพ่อโมโหหนักถึงขั้นปาหนังสือที่อยู่ในมือโดนหัวของลูกชายคนเดียว แม้ไม่ตั้งใจให้เจ็บปวด แต่ก็หวังว่าอีกฝ่ายจะเกรงใจและทำตัวให้ดีขึ้นมาบ้าง