Chapter 3 เรื่องบังเอิญไม่มีจริง

2285 Words
โรงพยาบาลพิสิฐจิรัช โรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นชื่อเรื่องชื่ออ่านยากที่สุดในโลก หากว่าจะเรียกรถมาที่นี่แทนที่จะบอกชื่อโรงพยาบาลน่าจะบอกไปว่า ‘ไปโรงพยาบาลกลางกรุงเทพฯที่มีหมอหล่อๆ มากที่สุดในสามโลก’ คนขับรถน่าจะพาไปถูกมากกว่า เรื่องการรักษาที่นี่นั้นขึ้นชื่อ แต่ราคาก็แพงหูฉี่สมเป็นโรงพยาบาลเอกชนเช่นกัน ทว่าถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนไข้เข้ามารักษาไม่ขาดสายโดยเฉพาะสาวๆ บางคนก็ไม่ได้ป่วยอะไรมากมายขอแค่ปวดหัวได้เข้ามาเสียเงิน 500 บาทสำหรับพาราสักแผงแลกกับการได้เจอหน้าคุณหมอสุดหล่อก็พอใจแล้ว เมื่อก่อนสมัยทำงานอยู่ที่นี่ซันก็จัดว่าเป็นหนุ่มฮอตแผนกทันตกรรม แล้วพอเดินกับไอ้ 3 หมอเพื่อนสนิท ปริน ศัลยแพทย์หน้านิ่ง วาฟิกซ์ จิตแพทย์มาดกวน แล้วไหนจะสอง หมอออร์โธหน้าตี๋ (หิด) บอกเลยว่าแม่งอย่างกับ F4 พูดไปเด็กเดี๋ยวนี้จะรู้จักหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือพี่มันตัวท็‍อ‍ป ในแก๊ง 4 หมอมีวาฟิกซ์กับปรินที่เขาสนิทด้วยมาตั้งแต่สมัยเรียน ทว่าอยู่ไปอยู่มาคนที่เขาสนิทที่สุดกลับเป็นไอ้สองเสียอย่างนั้น ห้องพักนายแพทย์สรรพศิลป์ วรรณวรกิจกุล ปกติแล้วนอกจากงานที่คลินิกซันก็ไม่ค่อยได้ทำอะไร ว่างจากการเข้าฟิตเนสก็นอนเล่นอยู่ห้อง เลยมักมาอาศัยแอร์ในห้องพักแพทย์โรงพยาบาลให้เจ้าของห้องมันหงุดหงิดเล่นเป็นประจำ วันนี้ก็ด้งวย “คลินิกไม่ค่อยมีคนเข้าใช่ไหมเฮีย บอกแล้วให้เพลาๆ เรื่องทำตัวให้คนด่า ดูดิหมดความน่าเชื่อถือหมดแล้ว” ซันหันไปมองหน้าคนพูดอย่างเคืองๆ ไอ้สองน้องรัก ปากเรียกเขาว่าเฮียแต่กลับไม่มีความเคารพให้กันเลยสักครั้ง สองเป็นหมอกระดูกที่อายุน้อยกว่าเขาอยู่ 3 ปี เข้ามาในแก๊งหมอทีหลังเพื่อนแต่เป็นคนที่ซันพอใจจะแวะเวียนมาหามากที่สุด มีอะไรก็นึกถึงคนแรก ขนาดไปเที่ยวไกลถึงญี่ปุ่นยังมีใจหิ้วของฝากมาให้ถุงใหญ่กว่าใครเพื่อน แล้วดูมันทำ “กูว่างกูอยากมานั่งเล่นบ้างไม่ได้หรือไง?” พูดจบก็ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เจ้าของห้องทำหน้าไม่ต้อนรับแล้วไงเขาหน้าด้านซะอย่างใครว่าอะไรก็ไม่สน “กรุงเทพฯมันคงมีแค่ห้องพักผมนี่แหละเนอะให้เฮียมาสิง ต้นมงต้นไม้มีเป็นร้อยไม่ไป” “ไอ้เวร กูไม่ใช่เทวดา ถึงจะหล่อเหมือนเทวดาก็เถอะ” “ก็แล้วแต่จะคิด” เห็นไหมว่าเด็กมันไม่เคารพเขาเลยสักนิดเดียว แต่จะโทษเด็กอย่างเดียวก็ไม่ถูก เป็นเขาเองที่ชอบทำตัวเด็กเกินอายุเพราะไม่อยากแก่ แล้วโคตรจะเป็นโชคดีของเขาที่เกิดมาหน้าเด็กกว่าเพื่อนในรุ่น ไปไหนกับคนเด็กกว่าเลยไม่เหมือนเด็กโข่ง แต่ก็มีนิดหน่อยเรื่องโดนปีนเกลียวบ่อยๆ เนี่ยแหละ ซันเข้ามานั่งตากแอร์เล่นมือถือสบายอารมณ์ตามประสาคนว่าง เขาไม่ต้องทำงานโรงพยาบาล เข้าคลินิกตอนสี่โมงออกสองทุ่มเลยมีเวลาว่างมากกว่าคนอื่น แล้ววันนี้ก็ยังเป็นวันหยุดอีกต่างหาก ส่วนสองเจ้าของห้องเดิมเป็นคนขี้รำคาญอยู่แล้ว พอเห็นตัวน่ารำคาญมานั่งไขว่ห้างในห้องก็เริ่มขัดหูขัดตาทำงานต่อไม่ได้ไปกันใหญ่ ซันรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาจึงหันขวับไปมอง “อะไรของมึง กูก็อยู่ของกูดีๆ” “ชอบอยู่คนเดียว” “ไล่พ่อแม่มึงออกจากบ้านด้วยดิ” เข้ามาอยู่ในห้องทำงานคนอื่นแล้วยังทำหน้ามึนไม่สำนึกอีก สองมีงานต้องทำต่อไม่ได้ว่างเหมือนเขาเลยลุกจะออกจากห้องไป แต่เหมือนซันจะนึกขึ้นได้ว่าเอาบางอย่างติดมือมาด้วยเลยยื่นให้ “อะ” “คือ?” “ของฝากจากญี่ปุ่น” เขาเพิ่งไปล่องเรือกับครอบครัวมาไม่กี่วันก่อน ตอนที่ลงจอดประเทศญี่ปุ่นได้แวะไปซื้อของฝากติดมือมาฝากเพื่อนนิดหน่อย ปรินกับวาฟิกส์ก็ได้รับแล้ว แต่ของไอ้สองนี่เขาจงใจคัดเป็นพิเศษ สองมองดูถุงกระดาษสีดำที่มีโลโก้สีชมพูในมือซันอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก ตัวถุงไม่ได้มีปัญหาแต่หน้าคนให้นี่สิ “เอาไปดิ” “ไหนบอกไปฮ่องกง แล้วทำไมได้มาจากญี่ปุ่น” “ก็ล่องจากฮ่องกงไปญี่ปุ่น แล้วก็กลับมาฮ่องกงอีกทีไง บ้านนอกนะมึงนี่” “งั้นผมไม่เอา” “เห้ยๆๆ” สองทำท่าจะเดินหนีไปซันเลยเอาไปยัดใส่มือซะเลย “เอาดิ ของดี แต่ห้ามเปิดระหว่างทางนะ แนะนำให้ถึงห้องก่อน” “ทำไม มันจะมีนางโมราออกมาหรือไง” “ไอ้ห่า กูไม่ใช่พระฤๅษี เอาไปดีๆ กูกลับแล้ว” มอบของให้เสร็จก็เดินล้วงกระเป๋าออกมาสบายอารมณ์ ทิ้งสองไว้กับความรู้สึกระแวงนิดๆ ด้วยทั้งสีถุงและน้ำหนักของมันไม่น่าไว้ใจเท่าไร ไม่น่าไว้ใจเหมือนคนให้นั่นแหละ ซันตั้งใจว่าจะแวะมาเล่นกับน้องรักตามประสาหนุ่มโสดที่ว่างจัดกลางวันไม่มีอะไรทำ เพราว่างมากช่วงเช้าเลยมีเวลาไปเข้าฟิตเนสรักษาหุ่นให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา เขาไม่อยากโดนหาว่าแก่แล้วไม่รู้จักดูแลตัวเอง ด่าว่าไม่ดูแลตัวเองไม่ว่า แต่อย่ามาพูดว่าแก่ได้ปะ มันเคือง! เขาเดินลงมาตรงทางเชื่อมไปยังลานจอดรถซึ่งทางนี้จะเชื่อมไปยังอาคารฉุกเฉินอีกที แต่ตอนที่เลี้ยวไม่ทันได้มองเลยชนเข้ากับคนหนึ่งอย่างจัง โพละ! “ว้าย ตาเถร!!!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับของเหลวเย็นๆ หกเลอะเต็มเสื้อเขาไปหมด ซันตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้หงุดหงิดอะไรมากมาย กำลังจะหันไปถามคนมาชนว่าเธอเป็นอะไรไหมแต่พอเห็นใบหน้าเธอทำให้เขาชะงักไป หืม...โลกนี้มันมีเรื่องบังเอิญแบบนี้จริงด้วยเหรอเนี่ย “เป็นอะไรไหมคะ ขอโทษด้วยค่ะน้องเดินไม่ระ...” อีกฝ่ายละล่ำละลักขอโทษเขาเป็นการใหญ่ ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็นซันก็ดูตกใจไม่แพ้กัน “คนเล็ก?” “พี่ซัน มาทำอะไรที่นี่คะ?” ดูเหมือนจะจำเขาได้ด้วยแฮะ “ถามแปลกๆ ที่นี่โรงพยาบาล แล้วพี่ก็เป็นหมอ” ถึงจะมาแค่เพราะอยากกวนรุ่นน้องก็เถอะ พอเขาพูดอย่างนั้นเธอก็ทำหน้าตาประหลาดๆ เหมือนอย่างที่ชอบทำ เป็นเด็กที่เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งแต่กลับทำให้เขาจดจำได้เป็นอย่างดีนับว่ามีพรสวรรค์จริงๆ แล้วไอ้เรื่องที่เขาจำได้ มันดันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรเสียด้วย วันนั้นเขาจำได้ดีทุกอย่าง อีกทั้งยังตั้งใจดูแลเธอเป็นอย่างดีตลอดทั้งคืนกะว่ายังไงเธอก็คงจำได้ไม่ลืมประทับใจไปตลอดชีวิต แต่กลับกันเลย อยู่ดีๆ มาหอบเสื้อผ้าหนีไปแบบนั้นมันเสียเชิงชาย รับไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้ลมอะไรพัดเรามาเจอกัน แต่ในเมื่อกลับมาเจอกันแล้วเขาจะไม่ปล่อยเธอไปเป็นอันขาด “แล้วนี่เรามาทำอะไร มาคนเดียวเหรอ?” เขามองไปที่ต้นแขนเธอมีสำลีก้อนหนึ่งแปะอยู่คงไปฉีดยามาแน่ๆ แต่ยังไม่ทันที่คนน้องจะตอบก็มีเสียงของผู้ชายไล่หลังมาติดๆ “ยัยเล็ก เกิดอะไรขึ้น?” กลางรีบวิ่งเข้ามาดูน้องสาว ก่อนหน้านี้เขาให้เธอถือแก้วกาแฟไปรอที่รถก่อนเพราะต้องรอรับยา แต่ตอนนี้แก้วกาแฟหล่นไปอยู่กับพื้นส่วนกาแฟไปหกเต็มตัวหมอซันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “พี่ซัน ผมขอโทษแทนน้องด้วยนะครับ น้องมันซุ่มซ่ามเดินไม่ค่อยจะดูทาง” ประโยคขอโทษของพี่ชายทำให้คนน้องย่นคิ้วใส่อย่างไม่พอใจนัก รู้สึกเหมือนถูกหลอกด่าชอบกล “ไม่เป็นไรครับ เลอะแค่นี้เอง เดี๋ยวซักก็ออกแล้ว” ซันว่ายิ้มๆ แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้คนน้องรู้สึกดีขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นมองเขากะจะอาสารับเสื้อไปซักเอง แต่พอคิดจะพูดอีกความคิดก็แล่นเข้ามาในหัว ถ้าเกิดว่าเอาเสื้อเขาไปซักเขาก็ต้องถอดเสื้อตัวนี้มาให้เธอ แล้วนี่เป็นเชิ้ตที่ไม่น่ามีเสื้อซ้อนข้างใน ถอดออกมาแล้วก็ต้องเห็นกล้าม พอคิดถึงกล้ามอยู่ดีๆ ก็คิดถึงวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอเขานอนอยู่ข้างๆ “กรี๊ด!! ไม่เอา” อยู่ดีๆ คนน้องก็ร้องขึ้นมาทำเอาสองหนุ่มหันมามองด้วยความตกใจ “ไม่เอาอะไรยัยเล็ก?” “เอ่อ...” เธอทำหน้าไม่ถูกได้แต่มองหน้าพี่ชายสลับกับหมอซันด้วยความอับอายเล็กๆ ซันเหมือนจะรู้ทันในความคิดของเธอหันไปยิ้มให้กลางแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่พรุ่งนี้เรามีนัดกันใช่ไหมครับ ไม่ต้องซีเรียสนะ พรุ่งนี้วันหยุดอีกวันเรามีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันเลย” นัดที่ว่าคงเป็นเรื่องไปถ่ายงานของพี่กลาง ทีแรกคนน้องรับปากพี่ชายว่าจะไปเพราะเงินที่พี่เอามาล่อ แต่ตอนนี้เริ่มลังเลขึ้นมานิดหน่อย แค่เห็นหน้าเขาในหัวมันก็พาลคิดไปต่างๆ นาๆ การที่เขายังคุยกับพี่ชายเธอปกติแล้วคุยกับเธอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแสดงว่าคืนนั้นเขาคงจำไม่ได้เหมือนกันใช่ไหม แน่นอนว่าต้องไม่อยู่แล้วเพราะขนาดเธอเองยังจำไม่ได้เลย ใช่ ต้องใช่แน่ๆ “ผมมีปัญหานิดนึงครับพี่ซัน พอดีเด็กที่ทำงานด้วยกันป่วยไม่มีคนช่วย ผมว่าจะเอายัยเล็กไปด้วยจะเป็นไรไหมครับ” ซันหันมามองคนน้องแล้วยิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่นแต่มองแล้วรู้สึกอบอ้าวชะมัด “ตามสบายได้เลยครับ คนกันเองนิ เนอะ” คนกันเองอะไร เขาอาจจะสนิทกับพี่ชายทั้งสองคนของเธอ แต่เท่าที่จำได้นอกจากวันงานแต่งเราก็ไม่เคยคุยกันเลยไม่ใช่เหรอ เอ๊ะ!? หรือว่าเขาจะจำเรื่องวันนั้นได้เลยพูดขึ้นมาแบบนี้ ดวงตากลมเบิกโพลงขึ้นมาทันที พอหันไปมองก็พบว่าซันกำลังจ้องเธออยู่ สายตาของเขานั้นดูมีเลศนัยชอบกล ใช่...มันต้องใช่แน่ๆ ทุกอย่างมันเป็นแผนของเขาทั้งหมดที่จะล่อลวงให้เธอเข้าไปติดกับ แล้วสุดท้ายเขาก็จะขย้ำคอเธอพร้อมทั้งบอกว่า ‘เธอเสร็จฉันแล้วแม่สาวน้อย’ กรี๊ด ไม่ได้อย่างเด็ดขาด! คนน้องซ่อนความล่อกแล่กในแววตาของตัวเองไว้แล้วจ้องเขาตอบก่อนจะฉีกยิ้มกลับไปให้ สร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองว่ามันคงไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาจำเรื่องนั้นไม่ได้หรือต่อให้จำได้ก็ไม่มีวันมาทำให้เธอหวั่นไหวได้เป็นอันขาด “งั้นไว้เจอกันนะครับ” ซันยิ้มน้อยๆ แล้วเดินแยกไปอีกทาง แต่ก่อนไปเขาไม่ลืมทิ้งสายตาที่ชวนมวนท้องเอาไว้ให้ แปลกๆ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าแปลก “พี่ซันใจดี ไม่ว่าเราหรอกเรื่องเสื้อน่ะ” กลางเข้าใจว่าน้องกังวลเรื่องเสื้อเลยพูดปลอบใจ คนน้องไม่อยากให้พี่ชายรู้เลยเนียนๆ ตามน้ำไปก่อน “พี่ว่า คนอย่างหมอซันเขาจะเจ้าคิดเจ้าแค้นไหมอะ” ไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อแต่เรื่องบนเรือนั่นก็ด้วย ดูจากที่เขาไม่ได้อะไรกับเธอคงไม่มีอะไรแล้วมั้ง แต่ก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี “ไม่นะ เมื่อก่อนเคยเห็นพี่ซันมีเรื่องกับพี่ใหญ่ ต่อยกันตุ้บตั้บอยู่เป็นชั่วโมงยังเห็นคบกันจนทุกวันนี้เลย” “นั่นมันผ่านมานานแล้วไง แต่ถ้าเรื่องที่เพิ่งเกิดล่ะ” “เรื่องเสื้อเหรอ? บอกแล้วว่าพี่ซันใจดีไม่อะไรหรอก เสื้อตัวเดียวเขาใส่แล้วทิ้งยังได้ บ้านเขารวยจะตาย” “แล้วถ้าเรื่องใหญ่กว่าเสื้อล่ะ” “เสื้อชุบแป้งทอดเหรอ?” “พี่กลาง...” “อะๆ ไม่หยอกแล้วก็ได้” กลางนิ่งไปอย่างใช้ความคิด “ก็ไม่เห็นว่าเขาจะเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรนะ ทุกคนที่รู้จักบอกแบบนั้น” “พี่สนิทกับเขาขนาดนั้นเชียว?” “ก็สนิทเท่าที่จะสนิทกับเพื่อนพี่ชายได้อะแหละ แล้วแกมาถามอะไรซอกแซกเนี่ย ชอบพี่เขาอ่อ?” คำถามของกลางทำให้คนน้องเลิ่กลั่ก รีบตอบกลับเสียงหลง “เปล่าซะหน่อย!!” “แล้วใส่อารมณ์ทำไม?” “น้องไม่ได้ใส่อารมณ์!!” คุยกับพี่ชายแล้วรู้สึกเหมือนประสาทจะกิน ขอพักเรื่องหมอซันเอาไว้เท่านี้ดีกว่า เรื่องบนเรือของเราในเมื่อไม่มีใครจำได้ก็ให้มันจบไปเพียงเท่านี้ ไม่คิด ไม่รื้อฟื้น ไม่จำ ไม่รู้สึก เสร็จงานนี้ก็หนีไปให้ไกล จะออกจากถ้ำเสือใจต้องนิ่ง ก้าวให้เงียบ ออกให้ไว แล้วชิ่งให้ไกลที่สุด!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD