เขาก็โมเมไปแบบนั้น ความจริงอยากซื้อให้เธอเผื่อเอาไว้ขายยามจำเป็น เพราะดูจากการใช้ชีวิตแล้วเธอเหนื่อยไม่ใช่เล่นๆ
เพชรพลอยเถียงไม่ออก ได้แต่เดินตามสองพ่อลูกที่มีตำแหน่งใหญ่โตไปต้อยๆ เหมือนแจ๋วน้อยเดินตามนาย ส่วนตกดึกนังแจ๋วก็ถูกนายจับกินตับ
เขาเห็นชั้นที่มีโชว์รูมซูเปอร์คาร์หลายโชว์รูป ก็พาลูกเข้าไปลองนั่ง จากนั้นก็ไปดูโมเดลบ้านที่มาจัดนิทรรศการ
“พอเถอะท่านประธาน ฉันไม่ย้ายบ้านหรอกนะ ฉันบอกคุณแล้วไงว่าอย่ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของฉัน”
เอเดรียนนิ่งคิดแล้วยักไหล่ ยอมง่ายๆ ไม่ต่อล้อต่อเถียง “โอเค เราไปแผนกของเล่นกัน”
แล้วข้าวของที่ได้มาก็ถูกขนใส่รถเก๋งญี่ปุ่นคันเล็กๆ เก่าๆ ของเธอจนเต็ม แต่ในบรรดาสมบัติพัสถานที่ซื้อมาทั้งหมด ดูเหมือนลูกของเธอจะสนใจจักรยานสามล้อคันเล็กๆ สีชมพูเป็นพิเศษ กลับมาถึงบ้านแม้จะมืดแล้วก็ยังรบเร้าให้พ่อพาขี่บนถนนหน้าบ้าน
“กรี๊ด ป้อก๋า หยบๆ”
เอเดรียนแกล้งยืนขวางถนน ลูกก็ยิ่งสนุกสนานเข้าไปใหญ่ เสียงพ่อกับลูกดังเข้าไปถึงในครัวที่เพชรพลอยกำลังเร่งอบขนมมือเป็นระวิง
“กรี๊ดดดดดด เอิ๊กๆ”
“น้องมุกตามมาเร็วลูก” เอเดรียนวิ่งหนีรถจักรยานของลูก แล้วบอกให้ลูกปั่นตามให้ทัน
โชคดีที่ซอยนี้ยังไม่ค่อยมีคนมาเช่าบ้าน ไม่เช่นนั้นเธอเกรงใจเพื่อนบ้านแย่
เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังอยู่พักใหญ่ก็ย้ายมาดังอยู่ในห้องน้ำ จากนั้นก็ย้ายไปดังต่อในห้องนอน พอเธอทำธุระทุกอย่างเสร็จก็ตามเข้าไปดูสองพ่อลูก
“ลูกไม่ยอมนอน ถ้าไม่ให้จักรยานนอนด้วย” เขาพยักพเยิดไปยังตำแหน่งที่เธอเคยนอน ตอนนี้มีจักรยานสีชมพูถูกห่มผ้านอนแอ้งแม้งอยู่ ส่วนน้องไข่มุกก็นอนตะแคงข้างไปทางด้านนั้น โดยมีน้องเน่ากับผ้าห่มซุกอก แม้จะหลับปุ๋ยแต่มือก็จับแฮนด์ไว้ข้างหนึ่ง
เพชรพลอยส่ายหัวพลางหัวเราะ เดินไปหยิบที่นอนเสริมกับผ้าห่มมาปูด้านข้างเขา
“คุณมานอนบนนี้ ผมนอนตรงนั้นเอง” เขาคิดว่าที่นอนยางพาราหนาไม่เกินห้านิ้วนั่นไม่น่าจะทำให้เธอหลับสบาย
“ไม่ละ เดี๋ยวคุณจะปวดหลัง ฉันชินแล้ว” เพชรพลอยทอดตัวลงนอน “ลูกไม่เคยมีความสุขขนาดนี้เลยนะ ฮ้าววววว”
เอเดรียนหันไปมองลูก ยิ้มบางๆ กับผลผลิตตัวน้อยๆ ของเขา
“คุณจะกลับไปประเทศคุณเมื่อไรเหรอ” น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา ฟังดูเศร้าในความรู้สึกเขา
เขาเงียบกับคำถามของเธอ ไม่อยากกลับ หรือไม่ก็อยากกลับโดยพาเมียกับลูกกลับไปด้วย แต่เขาจะต้องรีบเคลียร์เรื่องกาสิโนให้จบ เขาเชื่อว่าอีกไม่นานโดมินิคจะต้องกลับมาเล่นงานอีกครั้ง คราวก่อนมันยิงเขา แต่มันก็โดนการ์ดของเขายิงไปเช่นกัน ไม่เข้าจุดตาย แต่มันก็สาหัสเอาเรื่อง เผลอๆ ตอนนี้มันอาจจะมีแรงลุกขึ้นมาเดินเกมแล้วก็ได้
“ไม่เศร้าสิครับ แกเป็นลูกคนเดียวของผมนะ ผมจะรีบจัดการทางโน้นให้เรียบร้อยแล้วผมจะกลับมาทำหน้าที่เต็มตัว” เขาลูบหัวลูกสาว จากนั้นก็ตะแคงตัวมาทางเธอ และพบว่าเธอหลับไปเรียบร้อยแล้ว
“อ้าว ได้ยินเสียงอ่อยๆ อ่อนๆ นึกว่าหันกลับมาจะเจอคุณนอนร้องไห้น้ำตาไหลอยู่ ที่ไหนได้ง่วงนอน”
เขาลุกขึ้น แล้วช้อนตัวเธอขึ้นมาวางบนที่นอนแทนที่เขา
“คุณเหนื่อยมากใช่ไหมครับ ผมรู้...เป็ดน้อย คุณรอผมอีกนิดนะครับ ผมมีคุณแค่คนเดียว กลับมาคราวหน้าผมจะทลายกำแพงหัวใจของคุณแล้วเข้าไปนั่งอย่างสง่างามเลยคอยดู”
เขาแนบจมูกลงบนหน้าผากมน ลากลงมาตามแก้ม และจูบปากอิ่มที่เผยอน้อยๆ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์เดินออกไปคุยข้างนอก
“ไอ้สัตว์ เอาแต่ใจตะพึดตะพือ”
นั่นคือเสียงของณวัฒน์ที่ดังผ่านสายมาจากภูเก็ต หลังจากเอเดรียนเอาแต่สั่งๆๆๆ
*********
วันรุ่งขึ้น ขณะที่เพชรพลอยกำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัวให้ลูกเพื่อไปร้าน ก็มีรถบรรทุกขนาดใหญ่คับซอยถอยเข้ามาจอดหน้าบ้านของเธอ เธอชะเง้อมองแล้วก็ไม่ได้สนใจ คิดว่าอาจจะมาผิดบ้าน
“ไปครับ ผมสั่งรถสำหรับขนขนมมาให้คุณ” เขาอุ้มลูกขึ้นมาแล้วโอบๆ ดันๆ ให้เพชรพลอยเดินไปด้วยกัน
เอเดรียนสะตั๊นไปชั่ววินาทีเมื่อท้ายรถบรรทุกถูกเปิดให้เห็นรถหรูผูกโบแดงด้านใน
‘ไอ้วัฒน์ กูบอกว่าเอาแปดหลักแต่คันย่อมๆ นี่มันไม่ได้ตรงโจทย์เลย’
ก็เพราะความต้องการของเอเดรียนมันเร่งด่วนเหลือเกิน ณวัฒน์จึงไม่สามารถทำได้ตามโจทย์ มีอย่างที่ไหน โทร.มาตอนกำลังจะนอน จะเอารถป้ายแดงตอนเช้าตรู่ ปอร์ช่งปอร์เช่ฉีเหยืองอะไรของมัน เขาหาให้ไม่ทันหรอก ณวัฒน์ก็เลยจัดให้เท่าที่สามารถทำได้ ด้วยการโทร.ไปปลุกเพื่อนสนิทเจ้าของโชว์รูมรถหรู ให้เอารถที่โชว์อยู่ไปส่งตามโลเกชั่นที่เอเดรียนให้มาในตอนเช้า
“เนี่ยนะรถขนขนม” เธอมองไปยังรถ BMW X6 สีขาวคันใหญ่ยักษ์น่าเกรงขามราคาเจ็ดล้านกว่าที่กำลังถูกนำลงมาจากรถพ่วง “ฉันทำขนมสไตล์โฮมเมดนะ ไม่ใช่อุตสาหกรรม”
“อือ แน่นอน ผมซื้อคันใหญ่ๆ ให้ เพราะผมเล็งเห็นแล้วว่าคุณต้องไม่รับข้อเสนอที่จะย้ายเข้ามาในค็อฟฟี่ช็อปโรงแรม ผมก็เลยจะให้คุณทำขนมส่งโรงแรมผม” ตอบแบบเอาตัวรอดไปก่อนก็แล้วกัน
“แต่...”
“ลูกค้าผมเยอะ แล้วก็มีคนเช่าสถานที่จัดงานเลี้ยงทุกวัน คุณต้องขนเยอะ...จริงๆ นะ”
“ยิ่งพูดยิ่งเห็นความกะล่อน ยิ่งย้ำยิ่งรู้ว่าโกหก” เธอว่าเขา