“เหยียนชิงทำไมเจ้าถึงหายหน้าไปเลย ไม่ยอมติดต่อกลับมาหาพวกข้าบ้างเลยล่ะ” จิงเสี่ยวจางเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเขาทั้งสี่คนมานั่งร่ำสุราอยู่ที่สวนท้ายจวนคหบดีจิง โดยมีคนของเหรินเหยียนชิงมาร่วมวงกับพวกเขาด้วย
“ข้ายุ่งน่ะพอดีต้องรับช่วงต่อจากท่านตา” เหรินเหยียนชิงตอบคำถามจิงเสี่ยวจาง จากนั้นเขาจึงแนะนำคนที่มากับเขาให้สหายได้รู้จัก
“เออ...จริงด้วยข้ายังไม่ได้แนะนำให้พวกเจ้ารู้จักกับสองคนนี้เลย บุรุษผู้นี้มีนามว่าเพ่ยฉี ส่วนสตรีนางนี้มีนามว่าเพ่ยหยี ทั้งสองคนเป็นคนของสำนักคุ้มภัยที่อยู่ติดกับจวนข้า”
“และก็เป็นว่าที่ฮูหยินของพี่เหยียนชิงด้วยเจ้าค่ะ” เพ่ยหยีเด็กสาววัยสิบสามหนาวเอ่ยขึ้นมาอย่างมาดมั่น
“ขออภัยแทนน้องสาวของข้าด้วยนะขอรับ นางค่อนข้างจะแก่แดดไปหน่อยน่ะขอรับ” เพ่ยฉีชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหนาวเอ่ยแก้ตัวแทนน้องสาวผู้ไม่รู้ความของตัวเอง เป็นเพราะนางเห็นเหรินเหยียนชิงใจดี ไม่เคยถือตัวและยังให้ความสนิทสนมกับพวกเขาราวกับพี่น้อง จึงทำให้น้องสาวของเขามักหลงลืมตัวเอาแต่ใจกับคนตรงหน้าอยู่บ่อยครั้ง
“ก็ข้าชอบพี่เหยียนชิงนี่เจ้าคะ ข้าเลยขอจองเอาไว้ก่อนเจ้าค่ะ” เพ่ยหยีเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ เพราะนางชอบพี่ชายข้างเรือนผู้นี้ของนาง และยามนี้นางก็รู้สึกได้ว่านางกำลังจะมีคู่แข่ง
“ขออภัยด้วยนะขอรับ ไปอาหยีไปนอนได้แล้วพวกคุณชายจะได้พูดคุยกัน” เพ่ยฉีพูดจบก็รีบดึงตัวน้องสาวของเขากลับห้องพักทันที
“เสน่ห์แรงเหมือนกันนะเนี่ย...สหายของข้า” จิงเสี่ยวเจี้ยนเอ่ยเย้าเหรินเหยียนชิง
“อาหยีนางยังเด็กน่ะ” เหรินเหยียนชิงตอบกลับอีกฝ่ายพร้อมกับยกสุราขึ้นมาดื่ม
“แล้วพรุ่งนี้เจ้าจะกลับหมู่บ้านที่เมืองซือโฉวเลยหรือ?” จิงเสี่ยวเจี้ยนเอ่ยถามสหายต่อ
“ใช่”
“เหยียนชิงเจ้าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยนะ” จิงเสี่ยวเจี้ยนพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่ดูสงบขึ้นของอีกฝ่าย
“อืม...วันคืนแปรเปลี่ยน ทุกอย่างก็ย่อมต้องเปลี่ยนแปลง”
“เหยียนชิง พรุ่งนี้ข้าขอไปกับเจ้าด้วยนะ ข้าจะได้ไปแวะตรวจงานโรงเตี๊ยมแถวนั้นด้วยเลย” จิงเสี่ยวจางพูดขึ้น หลังจากนั่งฟังแฝดผู้พี่พูดกับสหายมาได้สักพัก
“แล้วงานที่นี่ล่ะอาจาง เจ้าเพิ่งกลับมาเองนะ” จิงเสี่ยวเจี้ยนเอ่ยขัดแฝดผู้น้องของเขา
“เจ้าก็ดูแลไปสิอาเจี้ยน”
“เจ้านี่แทบจะไม่อยู่ติดเมืองหลวงเลยนะ” จิงเสี่ยวเจี้ยนบ่นแฝดผู้น้องของเขาอย่างเหลืออด
“ก็ข้าอยากไปเที่ยวจวนของเหยียนชิง และอีกอย่างข้าก็ต้องไปตรวจงานที่โรงเตี๊ยมในเมืองนั้นอยู่แล้วนี่”
“หึ! อาจางเจ้าช่างมีเหตุผล” เหรินเหยียนชิงเอ่ยเย้าสหาย
“ใช่ไหมล่ะ...” จิงเสี่ยวจางตอบรับคำเย้าของเหรินเหยียนชิงทันที
จินเฟยหลงทำเพียงนั่งดื่มสุราเงียบ ๆ แล้วฟังสหายทั้งสามคนของเขาพูดคุยกัน เมื่อก่อนพวกเขาก็เคยนั่งร่ำสุรากันแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกแตกต่างไปจากทุกที เพราะที่ผ่านมาแม้เขาจะไม่ค่อยพูดแต่เหรินเหยียนชิงก็จะคอยหันมาซักถามหรือคอยหันมาให้ความสนใจกับเขา แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะหันมาสบตาหรือพูดกับเขาเลยสักคำ หลังจากที่อีกฝ่ายเข้ามาทักเขาที่โรงเตี๊ยม จากนั้นก็เหมือนเขาจะไม่อยู่ในสายตาของเหรินเหยียนชิงอีกเลย
“เดี๋ยวก็เมาหรอก...คืนนี้เจ้าจะกลับไปนอนที่จวนหรือจะนอนค้างที่นี่กับพวกข้า หากเจ้าจะนอนที่นี่ข้าจะได้ให้คนไปจัดห้องพักรับรองเพิ่มให้เจ้า” จิงเสี่ยวเจี้ยนหันมาถามจินเฟยหลง
“ค้างที่นี่ คืนนี้คงต้องขอรบกวนเจ้าแล้ว” จินเฟยหลงตอบกลับจิงเสี่ยวเจี้ยน จากนั้นเขาก็ยังคงนั่งฟังคนทั้งสามพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ เหมือนเดิม
“ข้าเริ่มง่วงแล้ว ข้าคงต้องขอตัวก่อนนะ” เหรินเหยียนชิงเอ่ยขึ้น หลังจากนั่งดื่มสุราและพูดคุยกับสหายมาได้สักพัก
“เดี๋ยวข้าไปส่งที่ห้องพัก อาเจี้ยน เฟยหลงข้าก็ขอตัวด้วยเลยแล้วกันนะ” จิงเสี่ยวจางพูดจบก็เดินนำเหรินเหยียนชิงออกไป
“เดี๋ยวข้ามา” จินเฟยหลงเอ่ยกับจิงเสี่ยวเจี้ยนเมื่อเห็นสหายทั้งสองของเขาเดินห่างออกไป จนเลยระยะการได้ยิน
“เหยียนชิง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” จิงเสี่ยวจางพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักรับรอง
“ข้า! ข้าเป็นอะไรหรือ?”
“ก็เรื่องเจ้ากับเฟยหลง”
“เรื่องในตอนนั้นใช่หรือไม่...ข้าไม่ได้คิดอะไรแล้ว”
“แต่ตอนนั้นเจ้า...” จิงเสี่ยวจางอยากจะถามออกมาตรง ๆ แต่เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของสหายในยามนั้นขึ้นมาได้ เขาจึงเงียบปากของตัวเองลงทันที
“ตอนนั้นข้าก็แค่สับสน แต่ตอนนี้ข้าไม่ได้คิดอะไรแล้ว เจ้าก็คิดมากไป”
“ดีแล้ว เออ...พรุ่งนี้เจ้าจะออกเดินทางยามไหน?” จิงเสี่ยวจางรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า ดูเหมือนว่ายามนี้อีกฝ่ายคงไม่ได้รู้สึกสับสนอย่างที่พูดแล้วจริง ๆ เขาจึงเลิกถามถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และอีกอย่างสหายทั้งสองของเขาโอกาสที่จะได้เจอกันอีก...ก็คงจะมีไม่มากแล้ว
“เจ้าจะไปกับข้าจริง ๆ หรือ?”
“ข้าพูดจริง”
“อย่างนั้นข้าก็จะออกเดินทางปลายยามซื่อ (ยามซื่อ เวลา 9.00 – 10.59 น.) ก็แล้วกัน”
“ได้ เจ้ารอข้าด้วยนะ”
เหรินเหยียนชิงพยักหน้าให้กับสหาย ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องพักรับรอง ส่วนจิงเสี่ยวจางก็เดินไปยังเรือนพักของตัวเอง โดยที่ทั้งสองคนไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนมาแอบฟังเรื่องที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่
“ข้าขอตัวกลับจวน” จินเฟยหลงพูดขึ้นเมื่อเดินกลับมาถึงบริเวณที่จิงเสี่ยวเจี้ยนนั่งอยู่ ก่อนจะใช้วิชาตัวเบากลับจวนของเขาทันที
“อ้าว! ไหนเจ้าบอกจะค้างที่นี่อย่างไรล่ะเฟยหลง?” จิงเสี่ยวเจี้ยนตอบกลับสหายยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็หายตัวออกไปจากจวนของเขาแล้ว
“ท่านพ่อขอรับ ข้าจะออกเดินทางไปเมืองหลิ่งจูวันนี้เลยนะขอรับ” จินเฟยหลงเอ่ยขึ้นหลังจากรับสำรับเช้ากับผู้เป็นบิดาเสร็จ
“ไม่ใช่เจ้าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้หรอกหรือ?”
“ข้ามีที่ต้องแวะด้วยขอรับ”
“อืม...เฟยหลงเรื่องมงคลของเจ้ากับฮุ่ยหลิง พ่อมีไปพูดคุยกับอาหนิงให้เจ้าแล้วนะ หากได้ฤกษ์ยามเมื่อใด เดี๋ยวพวกพ่อจะบอกกับพวกเจ้าให้เตรียมตัวกันอีกที”
จินเฟยหลงรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อได้ยินเรื่องที่บิดาพูด เขาจึงเผลอกำมือทั้งสองข้างของตัวเองจนแน่นขึ้น ก่อนที่เขาจะพยายามคลายมือออก แล้วหันกลับไปตอบรับคำพูดของผู้เป็นบิดา
“ขอบคุณขอรับ”
จากนั้นจินเฟยหลงก็คำนับให้กับผู้เป็นบิดา ก่อนจะเดินทางออกจากจวนพร้อมกับหยงหมิน