บทที่ 1 (2/3) : เกือบไปแล้ว (2)

1178 Words
“เฟยหลงเจ้ากลับมาแล้วหรือ...ไม่ใช่ขบวนแม่ทัพใหญ่จะกลับเข้าเมืองหลวงในพรุ่งนี้หรอกหรือ?” จิงเสี่ยวเจี้ยนเอ่ยถามจินเฟยหลง หลังจากที่เขาเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมพร้อมกับเหรินเหยียนชิง “อืม เพิ่งมาถึงวันนี้ปลายยามเว่ยน่ะ (ยามเว่ย เวลา 13.00 – 14.59 น.)” จินเฟยหลงมองเหรินเหยียนชิงที่ตอบคำถามแทนเขา อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นพวกถนัดลงมือทำมากกว่าที่จะพูด คนตรงหน้าจึงมักจะคอยเป็นคนตอบคำถามของผู้อื่นให้กับเขา แล้วก็อาจจะด้วยเพราะเขากับเหรินเหยียนชิงรู้จักกันมานาน เพราะพวกเขาสองคนเข้าเรียนในสำนักศึกษาหลวงพร้อมกัน แล้วไหนจะเรื่องเรือนพักที่พวกเขาได้พักอยู่เรือนเดียวกันอีก จึงทำให้เหรินเหยียนชิงกลายเป็นคนที่เขาให้ความสนิทสนมมากที่สุด “ข้าว่า...การที่เจ้าหนีออกมาจากขบวนทัพแล้วกลับเข้ามาก่อนแบบนี้ เจ้าคงไม่อยากไปหลบถุงหอมกับผ้าเช็ดหน้าของพวกคุณหนูและพวกแม่นางน้อย ๆ ในวันพรุ่งนี้เสียมากกว่าล่ะมั้ง เฟยหลง” จิงเสี่ยวจางเอ่ยขึ้น “ข้าก็ว่าอย่างนั้น เป็นข้าไม่ได้...ข้าจะรีบอ้าแขนรับให้ครบหมดทุกอันเลยเชียว” จิงเสี่ยวเจี้ยนกล่าวรับคำพูดแฝดผู้น้องของเขา จินเฟยหลงเมื่อได้ฟังที่คู่แฝดพูดก็รู้สึกชอบใจ เพราะตัวเขาก็คิดแบบนั้นเช่นกัน ของพวกนั้นมักจะมีกลิ่นหอมฉุนชวนให้เขารู้สึกเวียนหัว และด้วยความที่เขาไม่คิดที่จะรับไมตรีจากพวกนาง เขาจึงไม่เคยรับของพวกนั้นจากผู้ใดมาก่อน แต่เมื่อเขาจะต้องร่วมขบวนทัพเพื่อเข้าประตูเมืองหลวงพร้อมกับผู้เป็นบิดา แม่นางพวกนั้นก็มักจะชอบโยนถุงหอมกับผ้าเช็ดหน้ามาโดนตัวเขา และกลิ่นจากของพวกนั้นก็มักจะติดมากับชุดที่เขาสวมใส่อยู่ไปด้วย “พวกเจ้านี่...ก็เฟยหลงไม่ได้เป็นแบบพวกเจ้า” “เหยียนชิง เจ้าก็เข้าข้างเจ้านี่ได้ตลอด” จิงเสี่ยวจางบ่นสหายตัวเล็กตรงหน้า “แล้วตกลงพรุ่งนี้ เจ้าจะต้องไปเข้าร่วมกับขบวนด้วยหรือไม่?” เหรินเหยียนชิงขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับจิงเสี่ยวจาง เขาจึงหันกลับมาถามจินเฟยหลง “ครั้งนี้ต้องไป” “แล้วเจ้าจะกลับมาทันรับสำรับเย็นกับข้าหรือไม่?” “พรุ่งนี้มีกินเลี้ยงที่จวน แต่ข้าจะกลับมาพักที่สำนักศึกษา” “อืม...เช่นนั้นข้าจะได้ไม่ต้องเตรียมสำรับเย็นไว้เผื่อเจ้า” เหรินเหยียนชิงเอ่ยถามเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดยาวของสำนักศึกษาหลวง คนส่วนใหญ่ที่มีจวนหรือเรือนที่อยู่ไม่ไกลจากสำนักศึกษามากนัก ก็จะพากันเดินทางกลับไปพักที่จวนหรือเรือนของตัวเอง จะมีเพียงไม่กี่คนที่ยังคงพักอยู่ที่นี่ เช่น คนที่มีเรือนอยู่ไกลมากอย่างเขา หรือคนที่มีเรือนอยู่ใกล้อย่างจินเฟยหลงแต่ก็ยังคงเลือกที่จะกลับมาพักอยู่ที่นี่ และในวันหยุดยาวเช่นนี้สำนักศึกษาจะไม่มีแม่ครัวที่จะคอยจัดเตรียมสำรับไว้ให้กับพวกเขา ดังนั้นพวกที่ยังพักอยู่ที่นี่จึงต้องจัดหาสำรับไว้กินเอง “เฟยหลงเมื่อไหร่เจ้าจะเลิกประหยัดคำพูดสักที หากไม่ใช่เหยียนชิงผู้ใดจะไปเข้าใจเจ้า ขนาดพวกข้าในบางครั้งก็ยังไม่เข้าใจเจ้าเลย” จิงเสี่ยวจางหันไปพูดกับจินเฟยหลง แต่ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดที่จะตอบอะไรเขากลับมา เขาจึงเลือกหันไปพูดคุยกับสหายคนอื่นแทนการรอคำตอบจากสหายผู้ประหยัดวาจา เช้าวันรุ่งขึ้นจินเฟยหลงก็กลับออกไปหาผู้เป็นบิดาเพื่อเข้าร่วมขบวนทัพที่กำลังจะเคลื่อนตัวเข้าประตูเมืองหลวง... “เฟยหลง เจ้าจะกลับจวนพร้อมกับพ่อเลยหรือไม่?” จินเฟยหมิงเอ่ยถามบุตรชายหลังจากที่พวกเขาเคลื่อนขบวนทัพเข้าเมืองหลวง และเข้าไปรายงานตัวกับฮ่องเต้เรียบร้อยแล้ว “ไม่ขอรับ” “แต่อย่างไรคืนนี้เจ้าก็ต้องมาร่วมงานเลี้ยงที่จวนนะ เพราะแม่รองของเจ้าได้จัดเตรียมงานนี้ไว้เพื่อต้อนรับการกลับมาของพ่อกับเจ้า” “ได้ขอรับ” จินเฟยหลงตอบรับคำของผู้เป็นบิดา ก่อนจะเดินแยกออกไปหาผู้ใต้บังคับบัญชากึ่งบ่าวคนสนิทของเขา “คุณชายรองขอรับ บ่าวเอาสัมภาระส่วนที่เหลือไปไว้ที่เรือนพักในสำนักศึกษาให้คุณชายแล้วนะขอรับ” หยงหมินบอกผู้เป็นนาย ก่อนที่จะเอ่ยถามอีกฝ่ายต่อ... “แล้วคุณชายรองจะไปร่วมงานเลี้ยงเลยหรือจะกลับไปเปลี่ยนชุดที่สำนักศึกษาก่อนขอรับ” “เปลี่ยนแค่เสื้อคลุมก็พอ” พูดจบ จินเฟยหลงก็ยื่นมือไปรับเสื้อคลุมที่เขาสั่งให้หยงหมินเตรียมแยกไว้ให้เขามาเปลี่ยน ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายออกไปควบม้า เพื่อเดินทางไปยังจวนแม่ทัพใหญ่ที่ตัวเขาไม่ได้กลับไปที่นั่นมาเกือบปี แล้วเมื่อจินเฟยหลงเดินทางมาถึงจวนแม่ทัพ เขาก็ตรงไปยังเรือนใหญ่บริเวณที่จัดงานเลี้ยงทันที จากนั้นเขาก็เห็นคนในกรมทหารมาถึงกันเกือบครบแล้ว และเขาก็ยังได้เห็นครอบครัวของเสนากลาโหมที่เป็นคนนอก... แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาในงานเลี้ยงนี้ได้อย่างไร ดูท่าฮูหยินรองของบิดาคงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยเป็นแน่ จินเฟยหลงเดินตรงเข้าไปหาผู้เป็นบิดาที่กำลังนั่งพูดคุยอยู่กับรองแม่ทัพหนิงหานเฟิงซึ่งเป็นรองแม่ทัพฝ่ายอำนวยการ แล้วเมื่อเขาเดินเข้าไปถึงเขาจึงก้มลงคำนับให้กับคนทั้งสอง “มาแล้วหรือพ่อหลานชาย เฟยหลงนี่คือบุตรสาวคนรองของอา...หนิงฮุ่ยหลิง” จินเฟยหลงทำเพียงพยักหน้าตอบรับการคำนับของสตรีตรงหน้าเท่านั้น จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านข้างของผู้เป็นบิดา เพื่อรอรับการเข้ามาทักทายจากผู้คนที่รู้จักพวกเขาพอเป็นพิธี ก่อนที่เขาจะถอยออกมาจากงานเพื่อไปนั่งที่ศาลาด้านนอก โดยมีหยงหมินเดินตามเขาออกไปด้วย ....................................................................... ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD