บทที่ 2 (2/3) : เคยตัว (2)

1188 Words
จินเฟยหลงรีบเดินทางกลับไปยังเรือนพักในสำนักศึกษาทันที เพราะปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้ศึกษาอยู่ที่นี่ และที่ผ่านมาตัวเขาเองก็แทบจะไม่ได้เข้าเรียน แต่ก็ยังดีที่เขามีสหายอย่างเหรินเหยียนชิงเพราะอีกฝ่ายคอยช่วยเหลือเขาเรื่องนี้มาโดยตลอด “กลับมาแล้วหรือ?” เหรินเหยียนชิงเอ่ยทักจินเฟยหลง หลังจากที่เขาเพิ่งไปอาบน้ำกลับมาแล้วเจออีกฝ่ายกำลังเดินเข้ามาในเรือนพักพอดี จินเฟยหลงทำเพียงพยักหน้าตอบกลับ พร้อมกับมองใบหน้าของสหายที่เขาพยายามหลบหน้ามาเกือบสองวัน “ยินดีด้วยนะ” “อืม” จากนั้นจินเฟยหลงจึงเดินกลับเข้าไปในห้องพัก ก่อนจะเอ่ยถามตัวเองในใจ ‘เหตุใดความรู้สึกแปลก ๆ ยามมองหน้าเหยียนชิงถึงยังไม่หายไป’ แล้วในขณะนั้นเหรินเหยียนชิงก็เดินเข้ามาพูดกับเขาในห้อง “เออ...เฟยหลงใกล้จะเปิดเรียนแล้ว คืนนี้เจ้าจะเอาสมุดที่ข้าจดส่วนที่ท่านอาจารย์สอนในช่วงที่เจ้าไม่อยู่ไปอ่านดูเลยดีหรือไม่?” “ได้ ขอบใจเจ้ามาก” จากนั้นจินเฟยหลงก็เห็นเหรินเหยียนชิงพยักหน้าตอบรับคำพูดของเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไปจากห้องของเขาสักพัก แล้วกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับสมุดและหนังสือหลายเล่มในอ้อมแขน “นี่คือส่วนที่พวกข้าได้เรียนทั้งหมดในช่วงที่เจ้าไม่อยู่...เจ้าลองศึกษาดูนะ แล้วก็พวกนี้จะเป็นส่วนที่เจ้าต้องอ่าน เพื่อตามไปขอสอบเก็บคะแนนกับท่านอาจารย์ในแต่ละวิชา ส่วนเรื่องเนื้อหาที่จะใช้สอบข้าก็ได้มีจดแยกไว้ในสมุดเล่มนี้ให้กับเจ้าแล้ว แต่ถ้าติดตรงไหนก็เข้าไปถามข้าที่ห้องได้เลยนะ” เหรินเหยียนชิงจัดการแยกสมุดกับหนังสือออกเป็นกอง ๆ แล้วนำเอาไปวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือของจินเฟยหลง เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เข้าใจง่ายขึ้น “ขอบใจเจ้ามากนะ” “อืม...เจ้าก็อย่าหักโหมมากล่ะ” จินเฟยหลงพยักหน้ารับ แล้วมองตามอีกฝ่ายที่เดินออกจากห้องของเขาไป จากนั้นชีวิตของจินเฟยหลงในสำนักศึกษาก็เริ่มเข้ารูปเข้ารอย โดยมีเหรินเหยียนชิงคอยช่วยเหลือ... “นั่นใช่คุณชายมู่กับคุณชายหลี่หรือไม่...ข้าได้ยินข่าวมาว่าคนทั้งคู่กำลังจะเข้าพิธีมงคลสมรส ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” จิงเสี่ยวเจี้ยนชี้ชวนให้สหายในกลุ่มดูคู่รักที่กำลังมีข่าวดังทั่วเมืองหลวงอยู่ในขณะนี้ หลังจากพวกเขาทั้งสี่คนออกมารับสำรับเย็นด้วยกันที่โรงเตี๊ยมแถวตลาด “อืม…น่าจะใช่” จิงเสี่ยวจางเอ่ยตอบแฝดผู้พี่ของเขา ก่อนจะหันกลับมาต่อว่าสหายที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา “เหยียนชิงเหตุใดเจ้าต้องมาคอยแกะก้างปลาออกให้เฟยหลงอีกแล้วล่ะ ทีกับข้าเจ้ายังไม่เคยแกะให้ข้ากินบ้างเลย ข้าก็เป็นสหายของเจ้านะ! และเป็นสหายกับเจ้ามานานพอ ๆ กับเจ้านี่ด้วย แต่ทำไมเจ้าไม่ยอมดูแลข้าเหมือนกับเฟยหลงบ้างเลยล่ะ” “อาจางเจ้าก็งอแงเป็นเด็ก ๆ ไปได้ อะ...แบบนี้พอใจแล้วหรือไม่?” เหรินเหยียนชิงพูดพร้อมกับตักซี่โครงหมูในสำรับให้จิงเสี่ยวจาง เพราะยามนี้อาหารที่พวกเขาสั่งมา มีแต่ของที่ต้องแงะหรือไม่ก็ต้องเลาะก่อนที่จะกิน อย่าง ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน ปลานึ่ง หรือแม้แต่เป็ดย่าง และก็คงเพราะที่ผ่านมาเหรินเหยียนชิงกับจินเฟยหลงรับสำรับด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงรู้ว่าอีกฝ่ายมักจะติดนิสัยการกินเร็วและเลือกกินเฉพาะของที่กินได้แบบง่าย ๆ อย่างที่เจ้าตัวต้องกินในยามออกไปทำศึกมา ดังนั้นยามที่พวกเขารับสำรับร่วมกัน เหรินเหยียนชิงจึงมักจะคอยสั่งอาหารที่กินได้อย่างง่าย ๆ ให้กับจินเฟยหลง หรือไม่เขาก็จะคอยแกะก้างปลา เลาะเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ออกจากกระดูก แล้วนำไปวางไว้ให้อีกฝ่ายแบบในยามนี้ เพราะไม่อย่างนั้นหากอาหารตรงหน้าของจินเฟยหลงเป็นอาหารที่ดูจะกินยากในสายตาของเจ้าตัว อีกฝ่ายก็มักจะเลือกตักกินแต่ข้าวเปล่าในถ้วย หรือไม่เจ้าตัวก็มักจะเลือกตักเอาแต่น้ำแกงมาราดข้าวในถ้วยแล้วกิน แบบในยามนี้... จินเฟยหลงก้มลงไปมองที่ถ้วยข้าวของตัวเอง จากนั้นเขาจึงลงมือตักทุกอย่างในถ้วยกินอย่างเงียบ ๆ ‘เจ้าก็มักจะทำแบบนี้ให้ข้าเสมอ จนยามนี้ข้าเองก็คงจะเคยตัวไปเสียแล้ว...เหยียนชิง’ จินเฟยหลงคิดในใจ “แล้วทำไมเจ้าถึงไม่เลาะกระดูกมาให้ข้าด้วยเล่า เฮ้อ...แต่ก็ช่างเถอะ!” จิงเสี่ยวจางยังคงบ่นเหรินเหยียนชิงต่ออีกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองยังสองบุรุษที่แฝดผู้พี่ของเขาชี้ชวนให้พวกเขาดูเมื่อครู่ “หากมองเพียงผิวเผิน...ก็แทบจะดูไม่ออกเลยนะว่าคุณชายทั้งสองนั้นเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อ” จิงเสี่ยวจางเอ่ยขึ้น “แต่...คุณชายมู่ที่แต่งเข้าตระกูลหลี่ก็ดูรูปงาม ร่างกายโปร่งบาง ผิวขาว โดยรวมแล้วก็น่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อยเลยนะเนี่ย” จิงเสี่ยวเจี้ยนพูดต่อจากแฝดผู้น้องของเขา “แต่ถึงอย่างไรการที่บุรุษแต่งให้กับบุรุษก็คงไร้ซึ่งทายาทไว้สืบสกุล ข้าได้ข่าวมาว่า...กว่าที่คนทั้งสองจะได้ลงเอยกับอย่างทุกวันนี้ก็เอาเรื่องอยู่เลยนะ เพราะผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลในตอนแรกต่างก็ไม่เห็นด้วยกับความรักของคนทั้งคู่” จิงเสี่ยวจางเอ่ยขึ้นก่อนจะหันกลับไปหาเหรินเหยียนชิง ที่ยามนี้อีกฝ่ายเอ่ยถามในเรื่องที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ “จริงหรือ?” “อืม...แต่ข้าก็ไม่แน่ใจนะ เพราะข้าเองก็ได้ยินมาจากพวกชาวบ้านอีกที แต่จะว่าไป...เหยียนชิงของเราก็ตาโต แก้มป่อง ถึงใบหน้าจะไม่ค่อยหวานแต่ก็ออกไปทางน่าเอ็นดู รูปร่างก็โปร่งบางไม่กำยำ ผิวพรรณก็ดูขาวใช้ได้ถึงแม้ว่าอาจจะไม่เนียนเท่ากับสตรี แล้วไหนจะริมฝีปากบางสีแดง ๆ นี่อีก” จิงเสี่ยวจางพูดพร้อมกับสำรวจใบหน้า และรูปร่างของเหรินเหยียนชิงไปด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD