บทที่ 3 (2/3) : ตามหน้าที่ (2)

1183 Words
จินเฟยหลงหลับตาของตัวเองลงช้า ๆ เพื่อรับความอบอุ่นจากฝ่ามือของคนตรงหน้า ด้วยชีวิตนี้ของเขา...เขาได้ยกให้กับคนในครอบครัวของเขาแล้ว และคนตรงหน้าก็คือคนในครอบครัว เป็นคนสำคัญที่เหลืออยู่ในชีวิตของเขาเพียงไม่กี่คน และจินเฟยเทียนก็เป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจในตัวเขามากที่สุด จินเฟยหลงดีใจอย่างสุดชีวิตที่เขาได้พี่ชายของเขากลับคืนมา เพราะความจริงแล้วเขาเป็นเพียงบุตรชายอนุคนที่หนึ่งของผู้เป็นบิดา และมารดาของเขาก็คือคนที่ถูกฮูหยินรองบีบบังคับให้ไปลงมือวางยาพิษฮูหยินเอก มารดาของคนตรงหน้ายามตั้งครรภ์ จนทำให้จินเฟยเทียนที่อยู่ในครรภ์มารดายามนั้น ได้รับผลกระทบจากยาพิษนั้นไปด้วย จนทำให้คนตรงหน้าเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่อ่อนแอ ไม่สามารถฝึกวรยุทธได้ แล้วหลังจากนั้นฮูหยินรองที่กลัวว่ามารดาของเขาจะซักทอดความผิดไปถึงตัวนาง นางจึงส่งคนมาทั้งข่มขู่และกดดัน จนมารดาของเขาต้องเขียนจดหมายสารภาพผิดและจดหมายลา... ก่อนที่มารดาของเขาจะจบชีวิตของตัวเองลงทันที หลังจากที่คลอดเขาออกมา และก็เพราะความเมตตาของฮูหยินเอก อีกฝ่ายจึงขอรับเขาไปเลี้ยงดูต่อ...ชีวิตในวัยเยาว์ของเขาจึงได้รับทั้งความรักและการดูแลเอาใจใส่ จากฮูหยินเอกและจากคนตรงหน้า ในยามนั้นจินเฟยหลงจึงได้ให้สัญญากับตัวเองไว้ว่า...เขาจะต้องเก่งให้มากกว่านี้ และจะต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ เพื่อที่วันข้างหน้า...เขาจะได้สามารถปกป้องคนสำคัญทั้งสองของเขาได้ แต่แล้ว...ในวันที่จินเฟยหลงเริ่มแข็งแกร่ง คนสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาทั้งสองคนกลับต้องจากเขาไป ด้วยแผนลวงสังหารของฮูหยินรองกับบ่าวที่ทะเยอทะยาน อยากขึ้นเป็นอนุคนที่สามของบิดาเขา ในยามนั้นเขาทั้งรู้สึกเคว้งคว้าง หมดกำลังใจที่จะก้าวเดินหรือใช้ชีวิตต่อ... แต่ก็ยังดีที่ในยามนั้นเขามีเหรินเหยียนชิงคอยอยู่เคียงข้าง คอยช่วยประคอง คอยช่วยผลักดัน และคอยเตือนสติเขา ให้เขา...ทำตามในสิ่งที่ตัวเองเคยคิดและเคยวาดฝันเอาไว้ แล้วเขาก็ยังมีสหายแฝดอีกคู่หนึ่ง ที่คอยช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นและหายเหงา จนเขาไม่รู้สึกเคว้งคว้างยามที่ต้องอยู่ในสำนักศึกษาอีกต่อไป แล้วหลังจากผ่านเหตุการณ์ในคราวนั้นมาได้ เขาก็เริ่มกลายเป็นคนที่พูดน้อยลง และก็เพราะเหตุการณ์ในคราวนั้น จินเฟยหลงก็แทบจะไม่กลับไปพักที่จวนแม่ทัพอีกเลย และถ้าหากไม่มีเรื่องงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้เป็นบิดา เขาก็จะเลี่ยง...ไม่เข้าไปพบและไม่เข้าไปพูดคุยกับอีกฝ่าย จนมาถึงวันที่พวกกลุ่มนักฆ่ากับบ่าวที่ทะเยอทะยานคนนั้น ตามกลับมาล้างแค้นฮูหยินรองของบิดาเขา จึงทำให้เขาได้รู้ว่าพี่ชายคนสำคัญของเขายังไม่ได้จากเขาไป และก็ด้วยเพราะแผนการณ์ของกลุ่มนักฆ่ากลุ่มนั้นเช่นกัน ที่ทำให้เขาได้รู้ว่าที่ผ่านมาฮูหยินรองของบิดาเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเขา แต่...ในเมื่อยามนี้สตรีชั่วช้าคนนั้นก็ได้จบชีวิตลงไปแล้ว และในตอนนี้เขาก็ได้พี่ชายคนสำคัญกับครอบครัวของเขากลับคืนมาแล้ว ดังนั้นจากนี้ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็จะไม่ยอมให้ใคร มาทำร้ายคนสำคัญผู้นี้ของเขาได้อีก และเขาก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนในครอบครัวของเขาได้อีกเช่นกัน “เฟยเกอ เฟยเกอขอรับ ข้ากลับมาแล้วขอรับ ข้าซื้อซาลาเปามาฝากท่านด้วยนะขอรับ” หยางหมิงเซียนกลับมาถึงเรือนก็รีบตรงมาหาจินเฟยเทียนทันที แต่เมื่อเขาเปิดประตูห้องพักเขาก็เห็นจินเฟยหลงกำลังนั่งจับมือคนของเขาอยู่ หยางหมิงเซียนจึงเดินเข้าไปนั่งข้างจินเฟยเทียน ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงมือของคนของเขากลับมา แล้วนำซาลาเปาที่อยู่ในมือเขาไปวางไว้ที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายแทน ‘หมิงเซียนเจ้านี่ช่าง...’ จินเฟยเทียนแอบบ่นในใจเมื่อเห็นสิ่งที่หยางหมิงเซียนทำ ก่อนจะหันกลับไปพูดกับจินเฟยหลง “เฟยหลงอยู่กินซาลาเปาด้วยกันก่อนกลับนะ” จินเฟยหลงทำเพียงพยักหน้ารับคำของจินเฟยเทียน พร้อมกับมองหยางหมิงเซียนด้วยความรู้สึกระอากับอาการหวงของอีกฝ่าย และเมื่อเขาได้เห็นแหวนหยก...ที่ห้อยอยู่ข้างจี้บนสร้อยคอของผู้เป็นพี่ชาย กับแหวนหยกอีกวง...ที่ห้อยอยู่บนสร้อยคอของหยางหมิงเซียนแล้ว ก็ให้รู้สึกเอือมระอาคนรักพี่ชายเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเป็นเท่าตัว เพราะในวันที่จินเฟยหลงนำสร้อยคอที่ท่านแม่ใหญ่ ทำขึ้นมาเป็นสร้อยคู่ให้กับเขาและผู้เป็นพี่ชายคนละหนึ่งเส้นไปคืนให้กับจินเฟยเทียน สายตาที่หยางหมิงเซียนใช้มองมาที่สร้อยคอของพวกเขาในวันนั้น มันได้ทำให้เขารู้สึกระแวงสร้อยที่คอของตัวเองขึ้นมา และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน เขาก็เห็นแหวนหยกคู่บนสร้อยคอของคนทั้งสองแบบนี้แล้ว แต่เอาเข้าจริง...การที่จินเฟยหลงได้เห็นความเป็นอยู่ และคนรักของพี่ชายที่เป็นแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้เขารู้สึกวางใจที่ได้เห็นว่ามีคนรักและดูแลพี่ชายคนสำคัญของเขาได้เป็นอย่างดี จินเฟยหลงเดินเข้าไปคำนับผู้เป็นบิดาเมื่อกลับมาถึงจวนแม่ทัพ หลังจากที่เขาเข้าไปรายงานตัวกับฮ่องเต้มาเรียบร้อยแล้ว “กลับมาแล้วหรือ...แล้วครั้งนี้เจ้าจะได้พักอยู่ที่เมืองหลวงกี่วัน?” จินเฟยหมิงกล่าวทักพร้อมกับเอ่ยถามบุตรชายคนรอง เนื่องจากเขาพอจะรู้เรื่องที่ฮ่องเต้ส่งจดหมายไปเรียกตัวบุตรชายเขากลับมา “น่าจะสามวันขอรับ ฝ่าบาทอยากให้ข้าไปดูความผิดปกติในค่ายทหารที่เมืองหลิ่งจูขอรับ” “อืม...อย่างนั้นสามวันนี้เจ้าก็พักผ่อนให้มากสักหน่อยเถอะ” จินเฟยหมิงเห็นสภาพของบุตรชาย แล้วก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ยิ่งหลังจากที่จินเฟยหลงได้ขึ้นมารับตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่แทนเขา อีกฝ่ายก็ยิ่งไม่ยอมดูแลตัวเอง “ขอรับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD