ตอนที่ 4

2426 Words
หน่วยสวาทชุดแรกมาถึงที่เกิดเหตุแล้วหลังจากเตรียมพร้อมพวกเขาก็เข้าไปทันที รอบนอกโรงพยาบาล ณ ตอนนี้มีนักข่าวมาล้อมเต็มไปหมดพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จะเหนื่อยหนักกว่าเดิมซะแล้ว “เราพยายามกันนักข่าวไม่ให้เข้ามา แต่เดี๋ยวก็ต้องเข้ามาได้แน่” “ผมสั่งหน่วยอื่นให้มาช่วยแล้วพวกเขาบอกว่าถนนทุกสายติดขัดหมด ผู้คนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็เข้ามาดู” “วินาทสันตะโลอะไรกันเนี่ย” ประตูเปิดผางรถพยาบาลเข็นออกมา “มีคนเจ็บ” เจ้าหน้าที่กู้ภัยวิ่งมาตรวจคนที่นอนอยู่บนรถเข็น เดวิดกับผู้กำกับดีนวิ่งตามไปดู “ชานส์” “เขาเป็นยังไงบ้าง” เจ้าหน้าที่กู้ภัยตรวจวัดฟังการเต้นของหัวใจ หยิบกระบอกไปฉายขึ้นมาส่องที่ตาของชานส์ “เขาแค่หมดสติไปแต่ภายนอกมีบาดแผลจากการถูกยิง ต้องรีบพาเขาไปโรงพยาบาล” ชานส์ที่นอนอยู่บนเตียงมีอาการบาดเจ็บจากลูกกระสุนที่โดนยิงที่สวนสาธารณะรูปินนั้นไม่ใช่ประเด็น จิตใจเขาต่างหากที่บอบช้ำ พวกเจ้าหน้าที่ยกรถเข็นขึ้นรถกู้ภัย เดวิดเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนเมื่อกี้ “เขาจะปลอดภัยใช่ไหม” “มีบาดแผลแค่ที่แขนขวา ส่วนบาดแผลตรงอื่น ๆ ต้องตรวจเช็คก่อนเราถึงจะบอกได้” ว่าจบเขาก็ขึ้นไปนั่งข้างรถเข็น ประตูข้างหลังปิดลงรถขับออกไปแต่ไม่ง่ายเลยฝูงชนไม่เท่าไหร่พวกนักข่าวนี่สิ ทันทีที่จะออกไปนักข่าวทั้งหลายต่างพากันมาล้อมรอบรถไม่ยอมให้ออกไป แน่สิยิ่งฆาตกรล่องหนผู้เลื่องชื่อสนใจในตัวชานส์แบบนี้ด้วยแล้วพวกนักข่าวมีหรือจะยอมให้ข่าวใหญ่อย่างนี้หลุดรอดเงื้อมมือไปได้ เจ้าหน้าที่และหน่วยสวาทช่วยกันกันพวกนักข่าวให้ออกห่างจากรถ จนรถสามารถออกไปได้ “เข้าไปตรวจดูข้างในว่ามีผู้รอดชีวิตไหม เร็ว!” รถกู้ภัยทะยานไปตามถนนหนทางเสียงหวอดังกระหึ่มไปทั่ว “เอาหน้ากากออกซิเจนมา” เจ้าหน้าที่สวมหน้ากากออกซิเจนให้ชานส์แล้วพวกเขาก็เห็น ชานส์ที่ช็อคอยู่กำลังร้องไห้ เหมือนจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ “เกิดอะไรขึ้นในโรงพยาบาลนั่นกันแน่” “ผู้ตายคือพ่อของชานส์สินะ” “ครับมิสเตอร์ โดโนเดล โฮวินสันต์ อายุ 57 ปี อาการป่วยเป็นอาการทั่ว ๆ ไปของผู้สูงอายุ” ผู้กำกับดีนพินิตมองกระสุนที่เจาะกะโหลก เพียงนัดเดียวเท่านั้น “นัดเดียวกะไม่ให้ทรมานเลย” “เข้าที่หัวไม่แปลกใจเลย ยิงในระยะประชิดนี่” “ปืนที่เขาถือเป็นไรเฟิลนะแถมเป็นปืนที่ทำขึ้นมาเอง จากท่าทางการถือของเขาที่สวนสาธารณะปืนน่าจะหนักอยู่บ้าง” “แสดงว่าเป็นคนที่แรงเยอะพอควร” ผู้กำกับดีนถอนหายใจมองศพอีกครั้ง “จะมีอะไรให้เซอร์ไพร์อีกไหมเนี่ย” ในหัวของชานส์มีแต่ความทรงจำเก่าที่เขากับพ่อมักทำร่วมกัน เล่นกีฬา เที่ยวสวนสาธารณะ ไปตั้งแคมป์กัน อะไรอีกหลายอย่างที่ชวนให้นึก และมันก็พังครืนเมื่อกระสุนนัดนั้นจบชีวิตของโดโนเดล ชานส์ฟื้นแล้วเขาเอาแต่นั่งซึมอยู่ในห้องพักผู้ป่วยเขาไม่ยอมพูดหรือกินมาสองวันที่สำคัญเขาไม่ยอมนอนตั้งแต่มาถึงที่โรงพยาบาล เสียงเคาะประตูดังก่อนที่มันจะเปิดออก เดวิดเดินเข้ามา “ขอเข้าไปนะ” ชานส์ไม่หันไปมองด้วยซ้ำ เดวิดปิดประตูเงียบ ๆ เดินไปที่เตียงลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ “ชานส์” ชานส์เอาแต่มองนอกหน้าต่าง “ผมรู้ว่าคุณเจ็บปวดที่ต้องเสียพ่อคุณไปแต่มันจะได้อะไรขึ้นมาถ้าคุณจมปลักอยู่กับความคิดความทรงจำเก่า ๆ ผมรู้มันกลับไปเป็นแบบนั้นไม่ได้แต่ไม่คิดจะใช้ชีวิตต่อไปเหรอ คุณคิดว่าถ้าคุณตายไปได้ไปเจอกับเขา เขาจะภูมิใจเหรอจะมีความสุขงั้นเหรอ” เดวิดลุกขึ้นพร้อมสายหน้า “ลองคิดเอา” เขาวางดอกไม้ที่โต๊ะแล้วออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ชานส์...กำลังร้องไห้ เขารู้ในสิ่งที่เดวิดพูด...เพียงแต่เขาทำใจไม่ได้ที่คนนั้นเป็นคนฆ่า คนที่ไม่มีใครจะแทนที่ได้อีกแล้วในชีวิตชานส์มีเพียงคนเดียว คือเขาคนนั้น...ฆาตรกรล่องหน ล่วงเวลาเข้าสู่ช่วงเย็นชานส์หลับก่อนเวลาที่เขาจะนอนทุกวัน ตั้งแต่ตื้นจากฝันร้ายเขาก็ไม่ยอมคุยกับใครเลย พวกคุณหมอเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ถ้าเขาไม่ยอมพูดเอาแต่เงียบฟังเสียงจากภายนอกหน้าต่างที่เปิดทิ้งอ้าเอาไว้ คุณหมอเดินเข้ามาดู มองดูชานส์ที่กำลังนอนลืมตาอยู่บนเตียงเขาเปิดไฟแล้วเดินไปปิดหน้าต่างที่...ชานส์เปิดทิ้งไว้ ชานส์กระพริบตาปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่สว่างจ้าขึ้นมาหมอเดินมานั่งช้าง ๆ “พยาบาลบอกว่าคุณไม่ยอมกินอะไรเลยเลิกทรมานตัวเองซักทีเถอะ มันไม่ดีต่อสุขภาพของคุณนะ” “ผม...” “ผมอาจไม่เข้าใจความรู้สึกคุณแต่ เพื่ออะไรชานส์” ชานส์มองหน้าหมอ “เพื่ออะไรที่คุณต้องทรมานตัวเองแบบนี้” หมอถอนหายใจ “ผมจะเล่าอะไรให้คุณฟัง เมื่อตอนผมยังเด็กประมาณ...เอ่อ...หก-เจ็ดขวบล่ะมั้งผมเล่นอยู่กับเพื่อนที่รินถนนในซอยบ้านวันนั้นอากาศดี ค่อนข้างดี ไม่ค่อยมีรถราวิ่งเข้ามาซักเท่าไหร่ ผมเล่นเตะฟุตบอลอยู่กับเพื่อนผมหันหลังกลับไปเก็บลูกฟุตบอล จู่ ๆ ก็มีเสียงดังโครมพอหันกลับไปมอง” หมอเสยผม “ผมจำยี่ห้อรถไม่ได้แล้วล่ะ แต่ไม่ผิดรถวิ่งมาด้วยความเร็วไม่มีคำว่า เบรก รถคันนั้นชนเด็กสองคนที่ยืนอยู่ กระเด็นสองคนนั้นตายคาที่ร่างกายบางส่วนปลิวกระจัดกระจายเพราะแรงกระแทกของรถที่พุงชนแล้วหนึ่งในนั้นเป็นน้องชายผม” ชานส์ฟังอย่างตั้งใจ “หลายวันต่อมาเจ้าหน้าที่ก็จับคนขับคนนั้นได้ศาลพิพากษาจำคุกเจ้าของรถคันนั้น แต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนแรกผมก็เป็นคุณนี่แหละ ไม่กิน ไม่นอน ไม่ทำอะไรซักอย่าง ในที่สุดผมก็รู้สึกตัวว่าถึงจะเศร้าเสียใจแค่ไหน” เขามองชานส์ “น้องชายผมก็ไม่กลับมา” เขาหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาดู “นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมาเป็นหมอเพื่อที่จะรักษาชีวิตคนถึงบางครั้งมันจะไร้ความหมายที่จะช่วยก็ตาม แต่ผมอยากช่วยเพราะผมเป็นหมอ เพราะฉะนั้นอดีตบางอย่างคุณก็ไม่ควรเก็บมันมาคิดให้มันทรมานตัวเองเล่น ทำใจยอมรับซะ” เขาตบไหล่ชานส์เบา ๆ มองนาฬิกาข้อมือ “โอ้ ได้เวลาทานอาหารเย็นแล้ว” เขากลับมามองชานส์ “คุณหิวรึเปล่า” ชานส์เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ หมอยิ้มอย่างพอใจ “เดี๋ยวผมจะไปบอกนางพยาบาลนะ” เช้าวันใหม่อากาศค่อนข้างสดใสถ้าไม่ติดที่ว่ามีฝนตั้งเค้ามาแต่ไกลชานส์เปลี่ยนไปใส่ชุดลำลองแทนชุดคนไข้ เขาต้องลงทุนพูดให้หมอมั่นใจว่าเขาไม่เป็นไรและอยู่คนเดียวได้ กว่าหมอจะใจอ่อนยอมให้ชานส์กลับบ้านเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันเขาเก็บของสำคัญใส่กระเป๋า พอเสร็จเรียบร้อยก็รีบตรงกลับบ้าน แต่ยังไม่ใช่วันดีของเขาเมื่อกลับถึงบ้านเขาเห็นว่า เดวิดกับแฮรี่ เพื่อนตำรวจสองคนของเขารออยู่ตรงบันไดทางเขาบ้าน ชานส์โฟกัสไปที่ แฮรี่ โรสลาเวนเดอร์ นามสกุลนี้ถ้าใครไม่รู้จักถือว่าเป็นคนแปลกหน้าก็ว่าได้ ครอบครัวนี้เป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองนี้ แฮรี่ได้ชื่อว่าลูกคุณหนูจริง ๆ เขามีผมสีทองเมื่อแสงแดดส่องมองแล้วยิ่งทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสุกสกวาวเหมือนกับภาพวาดที่เดินได้ ภาพวาดที่ทำเอาผู้หญิงบางคนพยายามส่งสายตาหรือแม้แต่เรือนรางอันเซ็กซี่เพื่อจะพาเขาขึ้นเตียงที่สำคัญ แฮรี่เป็นคนที่ไม่เคยทิ้งเพื่อนถึงเขาจะเป็นลูกคนรวยก็ตาม "เฮ้ เป็นไงบ้าง" เดวิดเข้ามาช่วยพยุงชานส์ขึ้นบันได "ดีขึ้น มีอะไรเหรอ" “เราอยากมาคุยด้วย” แฮร์รี่ชูซองสีน้ำตาลที่เขาถือมาด้วย “เรื่องครอบครัวของคุณ” ชานส์พยักหน้าเชิญทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน พวกเขานั่งอยู่ในห้องรับแขกกลางห้องโถง ชานส์นั่งโซฟาตัวประจำที่เขานั่งทุกครั้ง เดวิดกับแฮร์รี่นั่งฝั่งตรงข้าม “ว่ามาสิ” แฮร์รี่เปิดซองสีน้ำตาลหยิบเอกสารขึ้นมา “ถึงมันมีไม่กี่แผ่น แต่มันมีรายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวคุณทั้งหมดเลย” ว่าจบส่งเอกสารนั่นให้ชานส์ ชานส์รับมาอ่านดู ถอนหายใจเขาวางเอกสารลงบนโต๊ะ ไม่มีความหมายหรือเหตุผลที่ต้องปกปิดความลับนี่อีกแล้ว “เราไม่ได้อยากที่จะยุ่งกับครอบครัวคุณหรอกนะเพราะคุณพึ่งเจอเรื่องร้าย ๆ มาแต่ มันทำให้ผมสะกิดใจ คุณบอกว่าคุณมีครอบครัวที่เหลือเพียงคนเดียวคือพ่อของคุณแต่เอกสารนี้บอกอีกอย่างหนึ่ง...มันบอกเป็นนัย ๆ ว่าคุณมี...” “พี่ชาย” ชานส์ชิงตอบก่อน เขาละสายตาจากเอกสารมองหน้าเดวิดกับแฮร์รี่ที่ยังนั่งเงียบเป็นรูปปั้น “พี่ชาย...และ ใช่ ผมมีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง...และก็เป็นฆาตกรล่องหน” เดวิดกับแฮร์รี่มองหน้ากันแล้วกลับมามองชานส์ “ฆาตกรล่องหนเป็นพี่ชายคุณ” ชานส์พยักหน้า เขาเหนื่อยกับการหนีการปิดซ่อนความลับที่หลอกหลอนเขามาทั้งชีวิต “ทำไม่ถึงต้องเก็บเป็นความลับ” “เพราะเราเหมือนกัน พ่อไม่เคยรักรอยเลยคุณพ่อตัดลายชื่อเขาออกจากครอบครัวทำให้เขาไม่มีตัวตน มันทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิม” “อะไรที่พวกคุณเหมือนกัน” “ลักษณะทั่วไปของฝาแฝด ประเด็นคือเราไม่ได้เกิดพร้อมกัน ไม่ได้เกิดจากไข่ใบเดียวกันหรือแม่คนเดียวกัน” “คนละแม่รึ” “ใช่” ชานส์พูดพร้อมพยักหน้า “ตอนที่ผมเกิดก็เหมือนกับคนปกติทั่วไป พอผมโตขึ้นเรื่อย ๆ กลับกลายเป็นว่าเราเหมือนกัน” สายตาเขาเหม่อลอย “เหมือนกัน” “เป็นไปได้ยังไง เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับลูกที่ไม่ได้เกิดจากไข่ใบเดียวกันหรือแม่คนเดียวกันนี่” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่...” ชานส์ไม่พูดต่อ ณ ตอนนี้เขายังไม่อยากนึกถึงอดีตนัก “คุณพ่อถามหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางก็ยังตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ผมเกลียดรอย คงเพราะผมเห็นเพื่อนคนอื่น ๆ มีพี่ชายผมเลยอยากที่จะมีบ้าง” แฮร์รี่ขยับตัวบนโซฟา “คุณคงรักเขามากสินะ” “เขาเป็นคนในครอบครัวคนเดียวที่คอยดูแลผมตลอดเวลา แม้แต่คุณแม่กับคุณพ่อก็ยังไม่ทำแบบเขาเลย” “หลังจากนั้นล่ะ เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้กลายเป็นอย่างทุกวันนี้” “คุณพ่อไม่เคยรักรอยเลยเพราะเขาเกิดจากผู้หญิงที่คุณพ่อไม่ได้รักแถมถูกบังคับให้แต่งงานอีก และก็ยัง...ทำให้แม่ของรอยตายด้วย” เดวิดขมวดคิ้ว “ทุบตีเธอเรอะ” “เปล่า” ชานส์ส่ายหน้า “หลังจากพ่อขอหย่ากับแม่ของรอยแล้วมาอาศัยอยู่กับแม่และผม เธอป่วยหนักไม่มีญาติคนไหนมาดูแลเธอตระกูลผู้ดีการที่ผู้หญิงแต่งงานแล้วหย่าไม่ต่างจากขยะเน่า ๆ กองหนึ่ง รอยต้องดูแลแม่ของเขาตลอดเวลา รอยเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากแม่ของเขาตาย แรก ๆ ก็ขโมยของถูกส่งเข้าสถานพินิจเป็นว่าเล่นพอออกมาเขาก็ยังทำอีกจนสุดท้ายเขาก็ฆ่าคน” เดวิดกับแฮร์รี่เงียบฟังทุกคำพูดของเพื่อนที่ออกจากงานไปกว่าแปดปี ชานส์ดูไม่เปลี่ยนไปเลยสิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับเขาคือความกลัวเข้าแทนที่ความกล้า “มีอะไรที่ทำให้พวกคุณเหมือนกันอีกไหม” ชานส์ยิ้ม “รอยนิ้วมือ แม้กระทั้งรอยนิ้วมือของเรา...เหมือนกัน” ตำรวจทั้งสองที่เข้ามาในบ้านของเพื่อนอดีตตำรวจนั่งเงียบ สิ่งที่ชานส์เล่าให้ฟังนั้นเกินคำบรรยายแต่เขาจะโกหกไปเพื่ออะไร ในตอนนั้นที่เดวิดกำลังจะยิงฆาตกรล่องหนที่สวนสาธารณะสิ่งเดียวที่เขาสังเกตเห็นคือชานส์หน้าซีดเผือก กลัวบางอย่างในตัวฆาตกรล่องหนแต่เขาฉุดคิดไม่ออกว่ามันคืออะไร ตอนนี้เขารู้แล้ว “เพราะเหตุนี้ใช่คุณถึงไม่ยิงเขาในตอนนั้นเมื่อแปดปีก่อน ตอนที่คุณต้อนเขาจนมุมไปถึงโกดังที่ถนนเมล่อนสตรีด...” “โกดังที่อยู่ใกล้กับท่าเรือมากที่สุดน่ะเหรอ” แฮร์รี่พูดขึ้นบ้าง เดวิดพยักหน้า ถนนเมล่อนสตรีดเป็นหนึ่งในถนนที่ตรงไปทางท่าเรือซึ่งมีถนนไปถึงทั้งสิบสายแต่สายนี้ไปง่ายกว่าเพราะเป็นถนนที่ให้ใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่หรือพนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับการขนส่งเท่านั้น มันเลยเป็นสถานที่ดีที่จะฆ่าใครสักคน “ทำไมคุณถึงไม่ยิงเขาล่ะชานส์ เขาทำคุณบาดเจ็บนะ” “ถ้าคุณเป็นผมแล้วคุณจะทำลงไหมล่ะถ้าคนที่คุณตามล่าเป็นคนที่คุณรักที่สุดน่ะ ผมทำไม่ได้ผมไม่กล้าพอที่จะทำถึงจะเกิดคนล่ะแม่แต่ก็เป็นพี่ชายที่ผมอยากมี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD