ตอนที่ 3

2076 Words
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในรถสปอร์ตหรูสีเงินมันเป็นรถที่ฉันลงทุนซื้อมันด้วยเงินของตัวเองที่ไม่ได้ขอเจ้าฆาตกรนั้นฉันขับไปตามถนนสายเลเวลนัสจริง ๆ อยากไปถนนเส้นหลักเหมือนกันมันตรงไปทุก ๆ ที่ของเมืองเป็นถนนหลักของเมืองซีบีชติดตรงที่การจราจรติดคัดนี่แหละน่าปวดหัวชะมัดฉันจำต้องไปถนนอีกสายมันไปถึงเหมือนกันแต่ช้ากว่าหน่อย สถานที่ที่ฉันจะไปเป็นอะไรที่น่าจดจำสำหรับฉันเพราะฉันมองหาของขวัญชิ้นใหม่ให้ชานส์ได้แล้ว และมันจะเป็นของขวัญที่เขาต้องจดจำไปตลอดกาลว่า...สีของเลือดมียังสดแค่ไหนสำหรับเขาแต่มันช่างสวยงามสำหรับฉัน ชานส์ปฏิเสธที่จะไปโรงพยาบาลและให้เดวิดพอไปที่โรงพยาบาลมิสเชอร์รี่เขารู้ว่าฆาตกรนั้นจะไปที่ไหน "แขนคุณไม่เป็นไรแน่นะ" เดวิดถามด้วยความเป็นห่วง "ไม่เป็นไร" เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นชานส์เสียบหูฟังแล้วกดรับ “ชานส์นี้ผมเอง” ผู้กำกับดีน “คุณต้องไปที่ถนนสายเลเวลนัสถนนเส้นนี้ไปง่ายกว่าถนนสายหลักเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนใช้ถนนสายนี้เท่าไหร่ ฆาตกรนั้นใช้ถนนสายนี้เหมือนกัน เราขับตามมันอยู่” “ครับผม” ชานส์บอกเดวิดตาที่ผู้กำกับดีนบอกมา เดวิดมองซ้ายหาทางลัดไปถนนสายที่ว่าแล้วรีบหักเลี้ยวเข้าไปในซอยก่อนถะลุออกไปเจอถนนเลเวลนัส พวกเขาเจอรถตำรวจสองสามคันเขามองขวา รถตำรวจคันนึงเปิดกระจกรถผู้กำกับดีนส่งสัญญามือ ชานส์หันมองตามมันทำให้เขาตระหนัก รถสปอร์ตสีเงินขับอยู่ด้านหน้าพวกเขา "มิน่าเจ้านั้นคงรีบเหมือนกัน" เดวิดเหยียบคันเร่งตาม พวกตำรวจไล่ล่ารถสปอร์ตนั้นตั้งแต่ออกจากที่สวนสาธารณะ เจ้าหน้าที่บางคนพยายามยิงปืนให้โดนล้อรถดูไม่เป็นใจเพราะรถนั้นมันเร็วกว่ามาก รถสปอร์ตของฆาตกรขับมาอยู่ด้านหน้าเขาลดกระจกรถลงหยิบปืนไรเฟิลออกมานอกรถเขายิงรถตำรวจโดยการมองกระจกตรงประตูรถ เขายิงใส่ไม่ยังรถตำรวจหลบกระสุนที่ถูกยิงออกมา ชานส์มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาสั่งให้เดวิดเร่งไปเทียบกับรถสปอร์ตสีเงินนั้นเขาลดกระจกรถลงแล้วเล็งปืนที่ได้จากเดวิดไปที่ฆาตกรแต่มันก็เร็วกว่า ฆาตกรเลิกยิงรถตำรวจเขาอาศัยจังหวะและเวลาที่น้อยนิดเหยียบเบรกทำให้ชานส์ยิงพลาด “โธ่เว้ย!” ชานส์เก็บปืนเขาคอยมองรถนั้น...มันหายไปและความรู้สึกก็แวบเข้ามาในหัวเขาเงยหน้ามองกระจกรถนั้นมันมาอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ "ได้ไงอ่ะ" ขณะเดียวกันรถตำรวจที่ผู้กำกับดีนนั่งมาตามอยู่ข้างหลังเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง “สัญชาตญาณ ความสามารถเป็นเลิศจริง ๆ ใช้จังหวะและเวลาเพียงไม่กี่วิทำได้ขนาดนี้ ในจังหวะที่รถของเดวิดขับอยู่ข้างหน้าเพราะชานส์ยิงทำให้เขาต้องหลบแต่ในขณะเดียวกันเขาก็เบี่ยงรถด้วยความเร็วที่ช้ากว่าตอนขับเมื่อกี้ยังไงก็เร็วอยู่ดีขับโดยเหยียบเบรกพร้อมกับเดินหน้าชะลอเพื่อที่จะไปอยู่ด้านหลัง” “โอไม่นะ” เจ้าหน้าที่ที่นั่งมาด้วยเอ่ยขึ้น ฆาตกรนั้นมือที่ถือปืนไรเฟิลเล็งไปที่รถของเดวิดกับชานส์ แต่ก็ไม่ระแคะระคาย ชานส์เปิดกระจกฝั่งตัวเองถือปืนข้างซ้ายที่เขาไม่ถนัดใช้วิธีเดียวกันกับฆาตกรมองกระจกรถแล้วยิง...มันไม่โดนเลย ไรเฟิลนัดสุดท้ายที่ออกมายิงเฉียดเข้าไปที่แขนของชานส์ เขาร้องออกมาเก็บมือแนบกับท้อง รถสปอร์ตสีเงินเร่งความเร็วแซงหน้าไปก่อน พวกเขามาถึงโรงพยาบาลมิสเชอร์รี่กันแล้ว เสียงวอของรถตำรวจดังกระหึ่มไปทั่ว พวกเจ้าหน้าที่อยู่ในท่าทีเตรียมพร้อม ผู้กำกับดีนหันไปสั่งกับเจ้าหน้าที่ส่วนนึง “ประจำตำแหน่งเห็นอะไรผิดสังเกตจัดการให้หมด” “ครับ/ค่ะ” ผู้กำกับดีนหันไปสั่งเดวิด “คอยดูชานส์ไว้อย่าเพิ่งให้เขาทำอะไรเด็ดขาด” “ครับผม” เดวิดวิ่งไปตรงทางเข้า ชานส์วิ่งสวนมาพอดีเขาจับตัวชานส์ไว้ “ปล่อยผมเดวิด” “ใจเย็น ๆ ก่อนสิเรากำลังตรวจ...” ชานส์ปัดมือเดวิดออก “ใจเย็นเหรอตอนนี้เจ้านั้นมันอยู่ในโรงพยาบาลจะให้ผมใจเย็นอีกเหรอ!” “ดูตัวเองมั้งสิ คุณบาดเจ็บอยู่นะ” เสียงกรี๊ดของพวกพยาบาลดังออกมาประตูเปิดผางหมอกับพยาบาลวิ่งกรูกันออกมาพร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นทุกอย่างวุ่นวายไปหมดเจ้าหน้าที่ทุกคนเข้าที่กำบังเตรียมพร้อมเมื่อฆาตกรล่องหนออกมา ผ่านไปห้านาทีไม่มีอะไรเกิดขึ้นผู้กำกับดีนพยักหน้าส่งสัญญาณให้เดวิด เขาพยักหน้าหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่คนอื่นแล้วพวกเขาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้มากขึ้นหลบตรงกำแพง พวกเขาเข้าประจำตำแหน่งเดวิดชะโงกหน้าออกไปดูตรงประตูทางเข้าเขายกมือโบกไปมาเป็นสัญญาณว่าพื้นที่เคลียร์ ผู้กำกับดีนพยักหน้าหันไปออกคำสั่ง “ตามมา” เขาวิ่งนำออกไปเจ้าหน้าที่สี่ถึงห้านายตามเขาไปหลบอยู่ตรงกำแพงอีกฝั่ง เดวิดกำลังจะเปิดประตู “ฮัลโหลทุกท่าน” “เสียงนี่” “น่าจะดังออกมาจากห้องประชาสัมพันธ์แต่ทำไมดังออกมาข้างนอกได้ล่ะ” “ทุกท่านคงสงสัยว่าทำไมเสียงของผมถึงดังออกไปข้างนอก เข้าใจว่าทุกท่านคงจะทราบกันดีว่าโรงพยาบาลมิสเชอร์รี่เป็นโรงพยาบาลรัฐบาลที่อืม...จะพูดว่าไงดี เอาเป็นว่าเป็นโรงพยาบาลที่ดูดีที่สุดในย่าน...ไม่ ๆ ๆ ดูดีที่สุดในเมืองซีบีชถ้าทุกท่านสังเกตกันสักนิดจะเห็นว่าด้านนอกของโรงพยาบาลแห่งนี้มีลำโพงออกมาข้างนอกด้วยคงไม่ต้องบอกว่าเพราะอะไรนะ ผมจะบรรยายข้างในนี้ให้ฟังก่อนและกัน วันนี้มีคนไข้เยอะมากแถมมากกว่าวันอื่น ๆ ด้วยตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องประชาสัมพันธ์แรกที่ไว้สำหรับใช้เรียกคนไข้ที่อยู่ด้านนอกโรงพยาบาล และผมไม่มีอะไรจะพูดพล่ำทำเพลง ชานส์ โฮวินสันต์อยู่ไหน” ทุกคนหันมองชานส์ “มาเจอกันหน่อยสิ” เสียงตัดไป ชานส์เองไม่พูดพล่ำทำเพลงเขาวิ่งเข้าไปโดยไม่คิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา "ชานส์!" ฉันวางโทรศัพท์ในห้องประชาสัมพันธ์ที่เดิมฉันเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตัวยาวหยิบปืนไรเฟิลมาเช็ดตรงที่มีฝุ่นเกาะก่อนจะใส่ลูกกระสุนที่ฉันทำขึ้นมาเอง “แกคิดจะทำอะไร” “ทำในสิ่งที่คิดว่ามันถูกต้อง” “งั้นแกคิดว่าที่กำลังทำอยู่นี่มันถูกงั้นเหรอ” ฉันวางปืนไว้บนตักปืนบรรจุกระสุนเรียบร้อยเหลือเพียงแค่รอเวลา “คำตอบเดียวของผม” เขาวางมือทาบหน้าอกทำหน้าซาบซึ้งกับสิ่งที่ตัวเองทำ “ใช่” ชานส์เดินไปสำรวจไปเขาไม่เคยหวาดระแวงขนาดนี้มาก่อนพยายามตั้งสติตลอดเวลา ห้องประชาสัมพันธ์แรกอยู่ห่างจากประตูทางเข้าไม่กี่เมตรเขายกมือที่ถือปืนในท่าเตรียมแล้วโผล่ออกไป กวาดตามองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นใครมีเพียงห้องว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลยเขาเตรียมหันหลังกับ...แต่ไม่ทัน ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อตรงอก “รอย” “ไม่คิดจะทักทาย...พี่ชายคนนี้ซักนิดเลยเหรอ...หืม เดินไป” รอยใช้ปากกระบอกปืนดันชานส์ให้เดินไปตามแรง "นายมาที่นี่มากกว่าฉันซะอีกไม่รู้หรือไงว่าที่นี่มีประชาสัมพันธ์สองที่น่ะหืม ด้านหน้ากับด้านหลังให้ตายสิ" “ไม่ยึดปืนฉันเหรอ” “ยึดทำไม” “แปลว่าไม่กลัวว่าฉันจะยิง ว่างั้น” “ฮึ นายไม่ยิงฉันหรอกชานส์เพราะฉันรู้ดีว่านายไม่อยากให้เพื่อน ๆ นายที่ออกันอยู่ข้างนอกนั้น ค้นหาหรือศึกษาเรื่องของเราไปมากกว่านี้” รอยจับชานส์นั่งลงกับโซฟาตัวยาว โดโนเดลนั่งอยู่อีกฝั่ง “พ่อ” “ไว้ซึ้งกันทีหลัง เข้าเรื่องกัน” รอยยกมือขึ้น “เออน่ะ อย่าเพิ่งดราม่ากันตอนนี้ไว้ให้คนใดคนหนึ่งตายก่อนจะดราม่าก็ไม่สาย” เขาโยนแฟ้มซองสีน้ำตาลให้ชานส์ “เปิดสิ...แล้วอ่านมัน” ชานส์มีแต่ต้องทำตามคำสั่งเปิดมันแล้วอ่าน ‘ผมเสียใจที่รักที่เราไม่ได้อยูด้วยกันถ้าผมมีหัวคิดกว่านี้ซักนิดล่ะก็ เราคงอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ที่ผมแต่งงานกับวิกตอเรียเพราะผมถูกบังคับให้แต่ง แต่สำหรับคุณแล้วคุณคือดวงใจของผมเสมอมา อิสเบลผมนึกไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีคุณผมจะมีชีวิตอยู่ได้ไหม ถ้าคุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้คุณจะได้รู้ว่าผมยังรักคุณเสมอแม้ว่าสักวันผมจะไม่อยู่แล้วก็ตาม ผมรักคุณอิสเบล’ ชานส์วางจดหมายลงเขามองหน้ารอย...เพื่อขอคำตอบ “ตอนนั้นฉันมันก็แค่เด็กชานส์ เด็กที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นที่น่ารังเกียจมากแค่ไหน ฉันเกิดมาเป็นลูกตามกฏหมายแต่กลับ...เป็นแค่เด็กเศษเดนที่ไม่สม...ควร...เกิดมา” “รอย...” แล้วชานส์ก็เงียบเมื่อรอยตะโกนออกมา “ตาบอดหรือไง! ไม่แหกตาดูบางเหรอชานส์! ไอแกเจียนตายที่นั่งอยู่ตรงนี้มันก็แค่ไอคนลวงโลก มันไม่ได้รักแม่ฉันเลยปากบอกว่าเป็นเพราะพวกผู้ใหญ่ในเมื่อไม่ชอบบอกพวกผู้ใหญ่ไปก็หมดเรื่อง ต้องทำแบบนี้กันด้วยเหรอ พอฉันเกิด...ฉันเหมือนหมาหัวเน่าเลยว่ะเกิดมาเจอแต่เรื่องเอ็งซวยแม่ล้มป่วย ส่วนไอแกนี้มันก็แค่ทำตามหน้าที่ที่มันควรทำ” “รอย” โดโนเดลเรียกชื่อรอยด้วยเสียงแหบแห้ง “หุบปากไอ้แก่” เขาเล่งปืนไรเฟิลไปที่โดโนเดล “รอยได้โปรดนี้มันไม่ใช่ทางออกเลยมันยังมีวิธีอื่นอีกฉันเชื่ออย่างนั้น มันต้องมี...” รอยหันขวับชานส์เงียบ เขาลดปืนไรเฟิลลง “คิดว่าฉันอยากทำเหรอ คิดแบบนั้นเหรอ คิดบางไหมที่ฉันเป็นเพราะใคร!” รอยหันไปทางโดโนเดล "โทษไอแก่นี่แล้วกัน" พูดจบเสียงดังปัง เลือดกระเซ็นเข้าหน้าชานส์และรอย หัวของโดโนเดลกระจุยกระจายเลือดเหนี่ยวเหนอะหน่ะไหลไปทางยาวตามโซฟา ชานส์เช็ดเลือดออกจากหน้าความหวาดผวาและขยะแขยง มันครอบคลุมจิตใจอีกครั้ง อีกครั้งที่เขาแพ้ไร้หนทางที่จะหนีรอยเดินมาหาชานส์นั่งยอง ๆ ให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับชานส์มือใหญ่หนาแตะที่แก้มชานส์ น่าจะเรียกว่าประคองมากกว่าราวกับมันจะแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ หากบีบมัน เขามองใบหน้าของน้องชายที่เหมือนกันอย่างกับแกะ เขาดึงชานส์เขาไปกอด "เชื่อเถอะชานส์ เชื่อพี่ชายคนนี้" รอยกระชิบกับหูชานส์ "ถ้าไม่มีไอแก่นั้นไม่มีเรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างเราอาจได้อยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง...ใช่" เขากอดชานส์แน่นขึ้น "ครอบครัวอยู่ด้วยกันตลอดไป...แค่ฉันกับนาย เราจะไปที่ต่าง ๆ ด้วยกันทำทุกอย่างเหมือนที่ครอบครัวอื่นทำกันมันต้องเป็นอะไรที่วิเศษมากเลยว่าไหม" ชานส์เริ่มร้องไห้หนักขึ้น และหนักขึ้น รอยลูบหลังที่สั่นเทา "ชูวว์อย่าร้องพี่ชายคนนี้้จะอยู่กับนายเอง พี่ชายคนนี้จะปกป้องนายเอง เงียบซะนะ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD