ตอนที่ 1

2049 Words
เมื่อแปดปีก่อนฆาตกรล่องหนได้ก่อคดีฆาตกรรมนับครั้งไม่ถ้วน เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจำนวนมากต้องถูกสังเวยชีวิต ความหวาดกลัวแผ่คลุมไปทั่วเมืองซีบีช ชานส์ โฮวินสันต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ที่รับผิดชอบคดีนี้จึงต้องจับตัวฆาตกรคนนี้ให้ได้ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาโดยทำร้ายซะเองไม่เพียงเท่านั้นเขายังได้รู้ความลับบางอย่าง บางอย่างที่ทำให้เขาไม่อาจลืมได้อีกตลอดชีวิต คำพูดของฆาตกรล่องหน คำพูดของเขา เสียงโทรศัพท์ปลุกชานส์ตื่น เขาเปิดไฟแล้วรับโทรศัพท์ “ชานส์ โฮวินสันต์พูดครับ” “ไง ชานส์ฟังเสียงแล้วผมคงโทรมาปลุกคุณใช่ไหม” ปลายสายตอบขี้เล่นเหมือนเดิม ‘ก็ใช่น่ะสิ’ ชานส์คิดในใจแต่ก็ดีใจเหมือนกันที่ได้ยินเสียงของเดวิด ชานส์ตอบกลับ “ไง เดวิด มีอะไรถึงโทรมาตอนนี้ เวรนี้มันตีสามอยู่เลยนะ” “ผมรู้ขอโทษทีที่โทรปลุก พรุ่งนี้คุณว่างหรือเปล่าผมจะไปคุยด้วยหน่อย” “ว่าง” เขาขยี้ตา “มีธุระอะไรล่ะ” “มีเรื่องบางอย่างที่อยากจะคุยด้วยหน่อย” “โอเคพรุ่งนี้เจอกัน” เขากดปิดการสนทนาปิดไฟแล้วนอนต่อ ‘ชักผวาขึ้นมาซะแล้วซิ’ เขาคิด วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่น่าเบื่อที่สุดในชีวิต เขาตื่นตั้งแต่เช้ามืดยังรู้สึกงัวเงียเหมือนไม่ได้หลับทั้งคืนเขามองดูนาฬิกา “หกโมงเหรอ” เขาฝ่ามือถูใบหน้ารินกาแฟใส่แก้วเขาวางมันไว้บนเคาน์เตอร์ใช่มือเท้าเคาน์เตอร์พลางถอนหายใจเบื่อหน่ายเบือนหน้าไปดูปฏิทิน วันนี้เขาต้องไปเยี่ยมพ่อที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลคิดแล้วก็นึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรไป ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมพ่อของเขามันบอกว่า ‘แกไม่ต้องซื้ออะไรมาให้ฉันหรอกฉันสบายดีไม่ต้องห่วง’ เขาคอตก “บอกว่าสบายดี แต่ตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ยนะ” เขาส่ายหน้าถือแก้วกาแฟเดินไปที่ห้องนั่งเล่นพลางบ่น “เชื่อเขาเลย” ชานส์วางแก้วกาแฟบนโต๊ะกาแฟไม้โอ๊กเขายืดเส้นยืดสาย เขาเดินไปที่ประตูเพื่อจะไปหยิบนั่งสือพิมพ์มาอ่านพอเปิดประตูออกไปก็...ชานส์สะดุ้งเพราะคนที่ยืนอยู่ “เดวิด” เขาเห็นเพื่อนผู้ร่วมอาชีพเก่ายกมือที่กำเตรียมเคาะประตู “อรุณสวัสดิ์เดาว่าคุณต้องการนี่” เดวิดชูหนังสือพิมพ์ในมือแล้วส่งให้ชานส์ เดวิด เมอริซ่า อดีตเป็นรองหัวหน้าแผนกคดีฆาตกรรมเขากับชานส์เคยเป็นคู่หูกันมาก่อนแต่เพราะด้วยนิสัยที่ไม่เหมือนกันทำให้ในสายตาคนอื่นมองว่าพวกเขาไม่น่าจะเป็นคู่หูกันได้ เขาสูงร้อยแปดสิบเจ็ดรูปร่างสมส่วนกำลังดี โครงหน้าได้รูปจมูกล่ำสัน หล่อสไตล์แบบหุ่นนายแบบถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นได้จ้องกันทั้งวันทั้งคืนแน่แต่ติที่ว่านิสัยเขาอารมณ์ร้ายนิดหน่อย ชานส์รับมา “อรุสวัสดิ์ เข้ามาสิ” เขาเดินเข้าไปเดวิดเดินตามเข้าไปปิดประตูตามหลังพอเดินมาถึงห้องนั่งเล่นเดวิดก็พูดขึ้น “บ้านยังหรูไม่เปลี่ยนเลยนะ” ชานส์แค่ยักไหล่วางหนังสือพิมพ์ “เอากาแฟไหม” “ผมดื่มมาแล้วขอบคุณ” “นั่งสิ” ชานส์นั่งฝั่งที่นั่งประจำเดวิดนั่งฝั่งตรงข้ามเขาเปิดกระเป๋าหยิบแฟ้มเล่มหนึ่งออกมาส่งให้ชานส์ “ผมอยากให้คุณอ่านนี้” ชานส์รับมาอย่างไม่เต็มใจ หลังจากที่เขาออกจากสำนักงานตำรวจเขาก็ไม่เคยยุ่งกับเรื่องพวกนี้อีกเลย เขาเปิดแฟ้มไปทีละหน้า ๆ “นี่คือ...” “ผลสรุปจาก...เอ่อ...เหยื่อที่เราเจอ” “เจอเมื่อไหร่” “เมื่อคืนวาน คาดว่าน่าจะถูกฆ่ามากกว่าสองวันเราพบร่องรอยว่าเหยื่อถูกขนมาจากที่อื่น มีบาดแผลเต็มไปหมด” ชานส์พลิกไปเรื่อย ๆ “ไม่มีร่องรอยเลยเหรอ” เดวิดส่ายหน้า “ทุกคนต่างคิดว่านี่เป็นฝีมือของฆาตกรล่องหน” คำพูดนั้นทำให้ชานส์ชะงักเขาถือแฟ้มค้างอยู่อย่างนั้น ‘ในการก่อคดีแต่ละครั้งของฆาตกรล่องหน เจ้านั้นไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เลย’ ชานส์ปิดแฟ้มวางบนโต๊ะ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม” เดวิดไม่ตอบ “อยากให้ช่วยว่างั้น” เดวิดหลบสายตาที่ชานส์มองเขา ชานส์พยักหน้าก่อนแหนงหน้ามองเพดานห้อง “เมื่อคืน...เราเสียตำรวจมือดีไปสองนายและผลก็เหมือนกันไม่เจอร่องรอยอะไรเลย” ชานส์ยังเงียบมองปฏิทินสลับกับนาฬิกา “ชานส์....” “ผมขอคิดก่อน วันนี้ผมต้องไปเยี่ยมคุณพ่อที่โรงพยาบาลไว้เวลาว่างผมจะคิด...อีกที” เดวิดเพียงพยักหน้าก่อนลุกเดินออกไป “ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจก็ติดต่อมาได้นะ” เขาเปิดประตูแล้วเดินออกไป ภายในห้องเข้าสู่ความเงียบชานส์ยังนั่งนิ่ง ๆ ไม่ยอมขยับ เขาใช่มือแตะแผลที่หน้าอกแผลที่ได้มาพร้อมกับความผิดหวังเขาตัดสินใจลุกขึ้นหยิบเสื้อโค้ทเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขากดรับ “ชานส์ โฮวินสันต์พูดครับ” แล้วสายก็ตัดไปเขามองดูเบอร์มันไม่คุ้นเอาซะเลย “คงมีใครโทรผิดล่ะมั้ง” เขาเก็บมันเข้ากระเป๋าตามเดิมแล้วก็เดินออกไปพร้อมพึมพำ “วันเฮ็งซวยจริง ๆ” ภายนอกทุกสิ่งทุกอย่างดูตะกาลไปหมด อย่างว่านี้ก็เป็นสองพันเก้าสิบแล้วนี่นะ ความสะดวกสบายมีอยู่ทุก ๆ ที่เมื่อไม่นานนี่ท่านประธานาธิบดีได้หยุดโครงการสร้างหุ่นยนต์ โครงการนี้ได้รับเสียงเข้าข้างน้อยมากถึงเมืองนี้จะมีเทคโนโลยีล้ำสมัย ความต้องการของมนุษย์เองก็มีไม่ที่สิ้นสุด แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการหุ่นยนต์มาช่วยสนองความต้องการ เพราะเมื่อปี 2084 เมื่อโครงการสร้างหุ่นยนต์สำเร็จความยินดียิ่งที่พวกเขาสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาได้แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ผ่านมาได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาไม่ทำตามคำสั่งซะดื้อ ๆ กลายเป็นโศกนาตกรรมที่ไม่มีวันลืมเมื่อประธานาธิบดีคนใหม่ขึ้นมาแทนรีบมีคำสั่งให้หยุดโครงการที่ว่านี้เพื่อไม่ให้เกิดการนองเลือดขึ้นอีก ทุกวันนี้เลยสงบสุขไม่มีการนองเลือดใดเกิดขึ้นอีกยกเว้นเพียงอย่างเดียวที่ยังมีและยังจะมีไปเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด ชานส์ขับตรงไปที่โรงพยาบาลเขามองนาฬิกาข้อมือมีเวลาอีกตั้งชั่วโมงกว่า “ไม่มีเพื่อนคุยหรือไงน่า ให้รีบมาซะเช้าแบบเนี่ย” เขาขับถนนสายเวลเนอเรียของเมืองซีบีชที่ได้ชื่อนี้เพราะมันอยู่ใกล้กับชาดหาดและทะเลที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เมืองนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกค่อนไปทางใต้และที่ขึ้นชื่อว่าการจราจรติดขัดเสมอเสียงไซเรนของรถตำรวจดังขึ้นทุกทีเขาเปิดสัญญาไฟก่อนจอดข้างทางเขาเอี้ยวตัวไปมองข้างหลังรถตำรวจสี่ห้าคันขับเข้าไปในซอยหนึ่ง เขาหันกลับมาข้างหน้าชั่งใจว่าจะไปดีไหมแต่ไม่ดีกว่าเขาปิดสัญญาแล้วขับไปโรงพยาบาล การจราจรติดขัดพอสมควรเขาเลี้ยวรถเข้าจอดลานจอดรถก่อนมานี่เขาแวะข้างทางซื้อดอกไม้ไปเยี่ยมพ่อเขาหยิบมาด้วยเดินเข้าไปข้างใน บรรยากาศข้างในเหมือนเดิมทุกครั้งที่เขามาเพียงแต่วันนี้มีคนไข้เยอะกว่าวันอื่น ๆ เขาตรงไปที่ประชาสัมพันธ์ “ผมมาเยี่ยม โดโนเดล โฮวินสันต์ ครับ” นางพยาบาลไม่จำต้องดูชื่อคนไข้ในระบบเธอก็รู้ทันทีว่าผมมาเยี่ยมเขา “โอคุณ โฮวินสันต์ เชิญทางนี้เลยค่ะ” เธอผายมือให้เขาเดินตามไป “คุณพ่อไม่อยู่ลานกว้างหรือครับ” “ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้องแล้วค่ะ เมื่อตอนเช้ามืดคุณหมอเข้าไปตรวจอาการเห็นว่าความดันของเขาเพิ่มขึ้นเลยให้นอนพักอยู่แต่ในห้องน่ะค่ะ” ชานส์พยักหน้าเหตุผลที่พ่อของเขาต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะพ่อเขาเป็นโรคความดันสูงตัวเขาเองก็ไม่สามารถดูแลพ่อของเขาได้ตลอดเวลาแถมยังมีอาการของโรคเบาหวานอ่อน ๆ เขาเลยต้องให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลแทน “ถึงแล้วค่ะ” เธอพามาที่ห้อง ‘หนึ่งหนึ่งห้า’ ชั้นนี้เป็นของผู้ป่วยสูงอายุที่พักรักษาประจำเธอเปิดประตู “เชิญค่ะ” “ขอบคุณครับ” เขากล่าวขอบคุณเดินเข้าไปปิดประตูตามหลังมันเป็นห้องที่ใหญ่พอควรการจัดตกแต่งก็สวยไม่มีที่ติที่จริงโรงพยาบาลนี้ควรเป็นโรงแรมมากกว่าที่นี่ห้องผู้ป่วยทุกห้องดูหรูหมดทุกห้อง เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นทันที “แกมาแล้วเหรอ” เขาเดินไปเตียงผู้ป่วยตั้งอยู่ตรงกลางพอดีกับห้อง และ...ดูเหมือนคนที่นอนอยู่จะสบายมากไปแล้ว “สวัสดีครับพ่อ” “อืม” โดโนเดลยันตัวลุกนั่ง “รถติดหรือไงวันนี้” “ก็พอควร” ชานส์ถอดเสื้อโค้ทออก “อ้อ ผมซื้อนี่มาให้พ่อด้วย” เขาส่งแซนวิชทูน่าแฮมให้โดโนเดล เขารับพร้อมหัวเราะ “ฮา ๆ แกไม่เคยลืมว่าฉันชอบกินมันมากแค่ไหน” เขาเปิดกล่องกลิ่นแซนวิชลอยเข้าจมูก “แกก็กินด้วยสิ” “พ่อกินเถอะผมยังไม่หิวน่ะ” “เฮอะนึกว่าฉันไม่รู้เรอะว่าแกกินข้าวหรือยัง” ชานส์มองพ่อไม่สบอารมณ์ ‘รู้หมดทุกอย่างน่ะแหละ’ “ผมขอดูข่าวหน่อยนะ” โดโนเดลตอบทั้งยังกินแซมวิชอยู่เต็มปาก “ตามสบาย” ชานส์เปิดหารายการข่าวตอนเช้าที่เขาดูประจำ แต่วันนี้มันไม่มีซะงั้นเขาเปิดดูไปเรื่อย ๆ จน... “ตอนนี้เป็นรายงานข่าวมีการก่อคดีเกิดขึ้นที่ถนนแมกนอฟ ซอยบิลเวส เหยื่อผู้เคราะห์ คนแรก มิสเตอร์มาร์วิล เจฟโม อายุยี่สิบเก้าปี กับ มิสเตอร์เจมส์ วิกเตอร์ อายุ สามสิบสองปี ดูจากสภาพทั้งคู่อาจจะถูกปล้นชิงทรัพย์แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเชื่อมโยงคนร้ายได้เลย ทางตำรวจกล่าวว่าถ้ามีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ต่อไปเป็นรายการข่าวบันเท...” ชานส์กดปิดหลังพิงโซฟาเขาซุกหน้ากับฝ่ามือ โดโนเดลมองชานส์ที่นั่งเงียบไป “แกกลับบ้านไปก่อนก็ได้ ค่อยมาเยี่ยมพ่อไหมแล้วกัน” “แต่...” “กลับบ้านซะ กลับไปพักผ่อน” เขาทิ้งกล่องเปล่าของแซนวิชลงถังรีไซเคิล “ไว้ค่อยมาเยี่ยมใหม่ก็ได้ยังมีเวลาอีกเยอะน่าพ่อเองก็ยังไม่ตายซะหน่อย” “พ่อ” “เออ ๆ พ่อรู้ขอโทษที” โดโนเดลยกมือยอม “แต่ยังไงแกก็ยังมีเวลามาเยี่ยมพ่อได้อยู่แล้วหนิ หืม” ชานส์เพียงแค่พยักหน้าเขาลุกหยิบเสื้อโค้ท “อ้อเดี๋ยวก่อนเดี๋ยว ๆ ๆ ๆ” โดโนเดลหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากใต้ผ้าห่ม เขาส่งให้ชานส์ ชานส์รับมา “นี่...” “ของขวัญวันเกิดรู้ไหมว่าฉันลงทุนไปซื้อให้แกเชียวน่า สุขสันต์วันเกิดไอลูกชาย” ชานส์พูดไม่ออกได้แต่ยิ้มและขอบคุณ ฉันยืนอยู่บนตึกสูงซักที่ในแถวเขตเมืองซีบีชฉันใช้กล้องส่องทางไกลเห็นอะไรบางอย่างมันทำให้ฉันยิ้มออกมาได้ “เจอแล้ว” ฉันวางกล้องส่องทางไกลมองด้านข้างตัวฉันมีปืนไรเฟิลอยู่พอมานึกอีกที “เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันแล้ว” ฉันลูบปืนไรเฟิล “ฉันลงทุนซื้อมาเลยนะมันแพงมากเลย แต่เพื่อนายเฉพาะชานส์แม้มัน...จะทำให้นายต้องเจ็บก็ตาม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD