ตอนที่ 1 งานเข้า
ตอนที่ 1
งานเข้า
“ฮึ้ย! หายไปไหนวะ เมื่อกี๊ก็เพิ่งเก็บใส่กระเป๋าไปนี่”
เพิ่งย้ายมาอยู่เมืองกรุงได้แค่ไม่กี่วันก็งานเข้าซะแล้ว โธ่เอ๊ย!!
ฉันชื่อ นวลนาง ค่ะ สาวเหนือวัย 19 ปี ฉันกำลังก้มหน้าค้นหาสมาร์ทโฟที่เพิ่งไปจะเก็บเข้ากระเป๋าไปเมื่อครู่นี้ แต่ทว่าเมื่อ 15 นาทีก่อนหน้านี้ ในตอนที่ฉันกำลังยืนรอรถไฟฟ้าอยู่นั้น ด้วยความชุลมุนที่ทุกคนต่างก็แย่งกันจะขึ้นไปนั่งยังที่ว่าง ทำให้มิจฉาชีพที่คงมองจ้องฉันตั้งแต่เดินออกมาจากห้างใช้โอกาสนั้น กรีดกระเป๋าแล้วขโมยมือถือของฉันไปจนได้
“เฮ้ย...นี่มันรอยกรีดกระเป๋านี่ เวรเอ๊ย เพิ่งถอยมือถือออกมาใหม่ยังไม่ถึงสามเดือนเลยนะ T^T”
ฉันนั่งบ่นพึมพำกับตัวเอง อยากจะร้องไห้ออกมาเสียตรงนั้นเลยจริง ๆ แต่ติดที่ว่ากลัวจะตกเป็นเป้าสายตา เพราะตอนนี้บนรถไฟฟ้ามีทั้งคนยืนทั้งคนนั่งเต็มไปหมด ฉันก็เลยได้แต่ย่นจมูกไล่น้ำหมูกน้ำตาที่กำลังรื้นออกมาอยู่รอมร่อ
ทันทีที่ลงมาจากสถานีรถไฟฟ้า ฉันก็ได้แต่คิดหาคำพูดที่จะพูดกับเจ๊เจ้าของคอนโด เพราะก่อนหน้านี้ฉันก็จ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าไปสามเดือนแล้ว แต่เจ๊เจ้าของคอนโดแกเป็นพวกขี้งกเข้าขั้นตระหนี่ถี่เหนียวเลยก็ว่าได้ แกเคยบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ขอให้จ่ายค่าเช่ารายเดือนให้ตรงเวลา แต่มือถือก็ดันมาโดนขโมย แถมเงินเดือนค่าตัวที่ไปเป็นพริตตี้สินค้าที่เพิ่งจะได้มานั้น ถ้าหักค่าเช่าคอนโด ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอม ก็คงไม่พอใช้ถึงสิ้นเดือนนี้เป็นแน่
“เอ่อ...เจ๊ปูคะ คือว่า” ฉันเดินตัวลีบเข้าไปหาเจ๊ปู ท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ
“เอ้า...หนูนวลคนสวยมีอะไรรึเปล่า สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยนะวันนี้”
“คือว่า...ค่าห้องเดือนนี้ นวลขอเลื่อนไปก่อนได้มั้ยคะ คือนวลโดนกรีดกระเป๋าแล้วโดนขโมยมือถือไป มันสำคัญมากด้วยถ้าเกิดมีคนติดต่องานมานวลไม่รู้จะรับงานได้ยังไง นวลคงต้องขอเอาเงินไปซื้อมือถือใหม่ก่อน ลำพังเงินเดือนเดือนนี้ ถ้าหักค่าใช้จ่ายทุกอย่าง นวลต้องไม่เหลือเงินใช้ถึงสิ้นเดือนแน่เลยอ่ะเจ๊” ฉันเอ่ยบอกหน้าเศร้า พลางโชว์ร่องรอยของกระเป๋าที่โดนกรีดเป็นแนวยาวให้เจ๊ปูดู
“โธ่...แม่หนู ทำไมไม่ระวังตัวหน่อยล่ะ ยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ โจรขโมยมันก็แอบแฝงคอยจ้องจะปล้นจะจี้อยู่ตลอดน่ะแหละ แล้วนี่จะทำยังไงล่ะเนี่ย”
“อึก...ฮือออ T..T ไม่รู้เหมือนกันค่ะเจ๊ ลำพังค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเทอมแบ่งจ่ายงวดแรก หักจากเงินค่าตัวที่เพิ่งได้มานวลก็แทบจะไม่เหลือสักบาทแล้วล่ะค่ะ”
“เฮ้อ...เออ ๆ อย่าร้อง ๆ เจ๊เห็นใจหนูนะ เห็นแก่ที่เป็นคนบ้านเดียวกัน ครั้งนี้เจ๊จะยอมปล่อยผ่านไปให้ก่อนก็ได้ แต่อย่าไปบอกใครนะว่าเจ๊ยอมให้หนูผลัดค่าเช่าน่ะ เดี๋ยวจะเสียระบบหมด” ด้วยความเอ็นดูที่เห็นว่านวลนางเป็นเด็กขยันบวกกับว่าเป็นเด็กเหนือพลัดถิ่นมาเหมือนกันเจ๊ปูจึงยอมอะลุ้มอล่วยให้สักครั้ง
“ฮือออ...ขอบคุณมากนะคะเจ๊ปู หนูสัญญาว่าถ้าหนูได้เงินค่าตัวงวดหน้ามา หนูจะรีบเอาเงินมาจ่ายค่าเช่าให้เลยค่ะ”
เจ๊ปูเดินเข้ามาลูบไหล่บางของฉันเบา ๆ ฉันยิ้มพลางไหว้ขอบคุณเจ๊ปูทั้งน้ำตา เฮ้อ...อย่างน้อย ๆ เดือนนี้ก็ยังรอดไปได้อีกอีกหนึ่งเดือนก็ยังดียังมีที่ให้ซุกหัวนอน แต่ว่าเรื่องค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน ค่าอยู่เนี่ยซิปัญหา ถ้าฉันเอาเงินไปซื้อมือถือเครื่องใหม่ แล้วค่าใช้จ่ายที่เหลือ ฉันจะไปเอาจากไหนมาจ่ายล่ะทีนี้ แค่คิดก็ปวดหัวแล้วอีนวลเอ๊ย T..T
ครั้นจะบากหน้าโทรไปขอยืมเงิน ‘พี่หนุ่ย’ พี่ชายคนเดียวซึ่งเป็นญาติทางสายเลือดที่ฉันเหลืออยู่ ไม่ซิ...ต้องบอกว่าพี่สาวมากกว่าเพราะนางเป็นเกย์ออกสาว รายนั้นนอกจากความเป็นพี่แล้วก็ไม่มีอะไรที่พึ่งพาได้เลย แถมยังมายืมเงินฉันไปลงทุนหุ้นเปิดร้านขายยำกับเพื่อนแล้วยังไปไม่รอด ติดหนี้หนีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ฉันเดินหน้าเศร้าขึ้นมาบนห้อง มือบางเปิดประตูตู้เย็นดูก็พบว่าในนั้นเหลือไข่ไก่อยู่ สองใบ นมสดรสจืดอีกครึ่งขวด หันไปเห็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเหลืออีกสองซองกับข้าวสารที่เหลือไม่ถึงครึ่งถัง ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า มีแค่นี้จะประทังชีวิตอยู่ได้กี่วันเชียว
“ทำไงดีวะทีนี้” ในขณะที่ฉันกำลังคิดหาทางออกอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีกระดาษใบเล็ก คล้ายนามบัตรถูกสอดเข้ามาใต้ประตูห้อง พอฉันเดินไปหยิบขึ้นมาอ่านก็พบว่าเป็นกระดาษที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้
“แหม...ช่างมาได้ตรงจังหวะจริง ๆ เลยนะ ว่าแต่ใครมันเอามาสอดไว้วะ” ฉันเปิดประตูออกไปหันซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นใครแล้ว สงสัยจะเป็นใครสักคนในคอนโดนี่แหละ แต่คงไม่อยากเปิดเผยตัวตน
“ถ้าจะยืมเงินสักหมื่นนึง ดอกเบี้ยร้อยละ 20 โห...ดอกเบี้ยแอบโหดอยู่นะเนี่ย รับงาน พริตตี้บวกงานเอ็นสักงานสองสามงานก็น่าจะปิดหนี้ได้หมดแล้วมั้ง เออ...โทรไปยืมเงินกู้ก่อนก็ได้วะ เอ้า! ลืมไป มือถือโดนขโมยนี่หว่า แล้วจะโทรยังไงล่ะทีนี้” ด้วยความที่อับจนหนทางแล้ว ฉันจึงยอมบากหน้าไปเคาะประตูคนข้างห้องที่ไม่เคยจะพูดคุยกันเลยสักครั้ง เพื่อที่จะขอยืมมือถือ จะได้รีบโทรไปตามเบอร์ที่ระบุไว้โดยไม่ได้คิดถึงสิ่งที่จะตามมาต่อจากนี้เลย
ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!! “พี่คะ ๆ มีใครอยู่ห้องรึเปล่า คือมือถือหนูหาย หนูขอยืมมือถือพี่โทรหาที่บ้านหน่อยได้มั้ยคะ” ขอโกหกไปก่อนแล้วกัน ใครจะไปกล้าบอกว่าจะขอยืมมือถือโทรไปหาพวกปล่อยเงินกู้กันล่ะ คงดูแปลกพิลึก ยิ่งเป็นคนไม่รู้จักกันเสียด้วย
แอ๊ดดดด... ไม่กี่วินาทีต่อมา ประตูห้องนั้นก็เปิดออก แต่ทว่า...ภายในห้องที่ทั้งมืดทึบ บวกกับเจ้าของห้องที่โผล่ออกมาแค่ส่วนมือพร้อมกับมือถือที่ปลดล็อกหน้าจอไว้ให้แล้วนั้น ฉันจึงไม่ได้เห็นส่วนอื่นของร่างกายเขาเลย รู้แต่เพียงว่ามือใหญ่เรียวสวย ผิวขาวสะอาดตา เห็นเส้นเลือดขึ้นชัดชวนให้คิดไปไกลแบบนั้น ก็พอเดาได้ว่าเขาก็คงเป็นชายหนุ่มวัยใกล้เคียงกันที่คงจะเรียนอยู่หรือไม่ก็ทำงานอยู่แถว ๆ นี้ก็เป็นได้
“เอ่อ...ขอโทษนะคะที่มารบกวน คุณคงนอนอยู่ ขอยืมมือถือแป๊บเดียวนะคะ เดี๋ยวเอามาคืน” ตอนนี้เรื่องร้อนเงินนั้นสำคัญกว่าเรื่องที่จะมา ค.ว.ย. (คิด/วิเคราะห์/แยกแยะ) ว่าผู้ชายยคนนี้เป็นใคร ทำอะไร ที่ไหน ฉันจึงรีบคว้ามือถือออกจากมือเขามาแล้ววิ่งเข้าห้องรีบโทรหาคนปล่อยเงินกู้ทันที
“ฮัลโหลค่า~ นี่เบอร์พี่ที่ปล่อยเงินกู้ใช่มั้ยคะ”
(ครับผม ดอกเบี้ยร้อยละ 20 สนใจจะกู้เงินเท่าไหร่ดีครับ)
‘อุ๊ย...เสียงหล่อจังวุ้ย’ เสียงทุ้มฟังดูนุ่มสบายหูนั้นเล่นเอาฉันเคลิ้มไปกับเสียงของหนุ่มปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คนปลายสายจะถามย้ำอีกครั้ง ทำเอาฉันหลุดออกจากห้วงภวังค์มาได้
(ว่าไงครับ ดอกเบี้ยแพงไปเหรอ เงียบเชียว)
“อ๋อ...เอ่อ ค่ะก็แพงอยู่ แต่ว่าหนูร้อนเงินมากกว่าค่ะตอนนี้ ขอกู้สักหมื่นนึงก็พอค่ะ ไม่น่าเกินเดือนสองเดือนนี้ หนูน่าจะคืนได้ทั้งต้นทั้งดอกครบทุกบาทเลย”
(ดีครับ กำหนดค*****นชัดเจน น้ำเสียงมั่นใจแบบนี้ ค่อยน่าให้กู้หน่อย ยังไงรบกวนแอดไลน์ที่ระบุไว้ แล้วส่งเลขที่บัญชีมาพร้อมกับแนบรูปบัตรประชาชนมาด้วยนะครับ)
“เอ่อ..พี่คะ แต่นี่มันไม่ใช่มือถือหนูนะคะ ถ้าแอดไลน์ไปคงไม่ใช่ไลน์หนู พี่จะว่าอะไรมั้ย”
(ไม่ว่าครับ ขอแค่ส่งข้อมูลตามที่ขอมาจะไลน์ใครผมก็ไม่สนหรอก ข้อมูลมาครบ เงินก็โอนไปเร็ว แค่นี้นะครับ)
หลังจากวางสายไป ฉันก็แอบลังเลอยู่นะที่จะส่งข้อมูลส่วนตัวไปให้คนแปลกหน้าที่เพิ่งคุยกันผ่านปลายสายแบบนี้ แต่ทำไงได้ล่ะในเมื่อเรื่องเงินมันสำคัญกว่า ขอโทษนะคะคุณเจ้าของมือถือ ขอถือวิสาสะเปิดไลน์คุณขึ้นมาส่งข้อมูลไปให้คนปล่อยเงินกู้หน่อยละกันนะ แต่ก่อนจะส่งข้อมูลไป สายตาฉันก็มาสะดุดกับรูปโปรไฟล์บนหน้าแอปพลิเคชั่นไลน์ของเขาเข้าเสียก่อน มันอดไม่ได้จนต้องกดซูมดูด้วยความสนใจ
“โห...กล้ามหน้าท้องเป็นมัด ๆ เลยวุ้ย สงสัยจะเป็นพวกคลั่งไคล้รูปร่างตัวเองถึงได้เอารูปแบบนี้ตั้งเป็นโปร์ไฟล์ คงจะตั้งไว้ล่อลวงให้พวกสาว ๆ ให้มาตกหลุมรักล่ะซิ ฮึ่ย! ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องคนอื่นป่ะวะ รีบส่งข่อมูลไปดีกว่าจะได้เอาเงินไปซื้อมือถือใหม่”
หลังจากที่ส่งข้อมูลไปแล้ว ไม่นานนักฝ่ายนั้นก็ส่งสลิปกลับมาเพื่อเป็นหลักฐานว่าได้ส่งเงินตามจำนวนที่ฉันขอมาให้เรียบร้อยแล้ว ฉันดีใจรีบเอามือถือไปคืนข้างห้องพลางกล่าวขอบคุณแบบรีบ ๆ ก่อนจะรีบไปซื้อมือถือราคาถูกสักเครื่อง พร้อมกับทำซิมใหม่เบอร์เดิมอย่างน้อยก็พอเอาไว้ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนกับรับงานได้ก็ยังดี