บทที่ 4.1 ติณณภพ : ย้อนอดีต 1

1464 Words
หลังจากที่พ่อแม่พาผมออกจากบ้านกลางดึกคืนนั้น “พ่อครับ ผมขอไปลาตัวเล็กก่อนได้มั้ยครับ” “อย่าเลยลูก มันดึกแล้ว ป่านนี้น้องนอนแล้วล่ะลูก เดี๋ยววันหลังเราค่อยกลับมาเยี่ยมน้องก็ได้” แม่ตอบซันทันที เพราะกลัวลูกจะเสียงดัง กลัวเพื่อนบ้านจะตื่นมาเห็นก่อนที่พวกเขาจะแอบหนีออกไป “แล้วทำไมเราต้องไปกลางคืนแบบนี้ด้วยครับแม่ ผมง่วง แล้วผมก็ไม่ได้เจอตัวเล็กด้วย เราค่อยไปกันตอนเช้าได้มั้ยครับ” ผมพยายามขอร้องพ่อกับแม่ เพราะปกติแล้วพ่อกับแม่ไม่เคยพาผมออกนอกบ้านกลางดึกแบบนี้ ท่านจะบอกว่าข้างนอกเวลากลางคืนมันอันตราย อาจจะเจอคนไม่ดีได้ “ง่วงก็ไปนอนบนรถนะลูก ถึงแล้วเดี๋ยวแม่ปลุก รีบขึ้นรถเร็วๆ” แม่รีบดันซันให้ขึ้นรถเก๋งคันหรูสีขาวราคาแพงโดนเร็ว เด็กน้อยขึ้นนั่งเบาะหลังรถ สายตาเล็กๆ มองผ่านกระจกไปทางบ้านตรงข้าม หวังว่าจะได้เห็นหน้าคนตัวเล็กของเขาอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงา จนพ่อสตาร์ทรถออกจากบ้านไป ตัวซันเองก็พล่อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย มารู้สึกอีกทีคือแสงแดดที่รอดผ่านกระจกเข้ามาในรถ ถึงทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบข้างรถ ตอนนี้รถกำลังแล่นด้วยความเร็ว สองข้างทางมีแต่ต้นไม้ ทุ่งนา วัว ควายที่เริ่มออกมากินหญ้าในตอนเช้า ถนนลูกรัง ขรุขระ บ้านเรือนมีบ้างประปราย ส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียวสร้างด้วยไม้ หรือถ้าบ้านสองชั้น ชั้นล่างจะเป็นปูนชั้นบนเป็นไม้ ซึ่งเด็กน้อยที่ยังผ่านโลกไม่มาก สิ่งเหล่านี้เพิ่งเคยเจอของจริงครั้งแรก ส่วนใหญ่จะเจอในละครที่ป้าแม่บ้านชอบเปิดตอนเย็นหลังเคารพธงชาติ “แม่ครับ ที่นี่ที่ไหน” ซันถามแม่ด้วยความงุนงง เพราะตั้งแต่เกิดมาเจอแต่ถนนคอนกรีต ตึกสูงระฟ้า “บ้านใหม่ของเราลูก” แม่หันมามองหน้าลูกชายอันเป็นที่รัก ด้วยสีหน้าที่อิดโรย ขอบตาแดง ไม่รู้ว่าเพราะแม่อดนอนหรือเพิ่งผ่านการร้องไห้มา “พ่อครับ เราจะกลับไปเยี่ยมตัวเล็กอีกเมื่อไรครับ ผมคิดถึงตัวเล็กจัง” ซํนหันหน้าไปถามพ่อที่ตั้วใจขับรถ โดยพ่อไม่ยอมตอบอะไร “เดี๋ยวพออะไรๆ เข้าที่ เราจะไปเยี่ยมตัวเล็กกันนะลูก” แม่หันมาตอบซันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความอิดโรย มือนุ่มของแม่เอื้อมมาลูบหัวผมเบาๆ คล้ายกับการปลอบโยน “ได้ครับแม่” ปั้ง!! ปั้ง!! นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมได้คุยกับแม่ เพราะมีรถมอเตอร์ไซค์มาจากไหนไม่รู้ ขับมาด้านข้างรถฝั่งที่แม่นั่ง แล้วยกปืนขึ้นยิงมาที่แม่ทันที เลือดกระจายไปทั่วทั้งรถ เลือดของแม่สาดมาที่หน้า แล้วตามตัวของผม ผมช็อกไปเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “แม่ แม่ครับ ๆๆแม่ตอบผมหน่อยซิครับ แม่ ฮือออ....” มือเล็กพยายามเขย่าตัวแม่ให้หันมาตอบ มาคุยกับตนเองบ้าง น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง เมื่อเห็นแม่คอพับเอียงมาทางพ่อ แล้วเลือดไหลอาบตั้งแต่หัวลงมา พ่อผมก็ช็อกไม่ต่างกัน แต่ก็ต้องเหยียบคันเร่งขับหนีมอเตอร์ไซค์ที่ตามมา คราวนี้มันย้ายฝั่งมาอยู่ข้างพ่อ กำลังที่จะเล็งปืนมา พ่อตัดสินใจขับชนรถมอเตอร์ไซค์ให้มันเสียหลักลงข้างทาง แต่ไอ้นี่มันร้าย ถึงมันจะล้มลงบนถนนแล้ว มันก็เล็งปืนมายิงล้อรถจนยางรถแตกจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว รถเก๋งเสียหลักพุ่งชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางทันที ผมนั่งอยู่เบาะหลัง ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ในจังหวะที่รถเสียหลัก ตัวผมถูกอัด กระแทกเข้ากับเบาะหน้าอย่างแรงจนหมดสติไป ผมมารู้สึกตัวอีกทีคือผมอยู่ในห้อง ICU ของโรงพยาบาลชนบทแห่งหนึ่ง เพราะสภาพภายในห้องมันดูเก่ากว่าที่จะเป็นในเมือง ผมเลยคิดเองว่าน่าจะอยู่ในจังหวัดไหนสักที่แล้วคงมีคนมาช่วยเรา ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นพยาบาลกำลังเช็ดตัวให้ผมอยู่ พอพยาบาลเห็นผมฟื้น เขาก็รีบกดออดเรียกคุณหมอมาดูทันที “น้องเป็นยังไงบ้างจ๊ะ พี่เรียกคุณหมอแล้วนะ เดี๋ยวคุณหมอก็มา” พยาบาลบอกอย่างใจเย็น รอไม่นานประตูห้องก็เปิดออก เป็นผู้ชายสูงวัยอายุน่าจะประมาณพ่อผม ใส่เสื้อกาวน์ยาวสีขาวรีบเข้ามาด้วยลักษณะร้อนรน ถามอาการว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง จำอะไรได้บ้างมั้ย มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายตัวรึเปล่า ท่านดูเป็นห่วงผมมากๆ แต่ผมก็ไม่ตอบคำถามที่ท่านถามผมหรอกนะ “เออ....พ่อผมอยู่ไหนครับ” เป็นคำแรกที่ผมพูดออกมา หมอท่านนี้หลบตาผมทันที กลับบอกให้ผมนอนพักผ่อนต่อ ผมยังคงถามต่อ “แล้วแม่ผมอยู่ไหนครับ หมอรักษาแม่ผมรึยัง แม่ผมเลือดออกเยอะมากเลย ช่วยแม่ผมด้วยนะครับ” ผมพูดไป มือสองข้างก็เขย่าแขนหมอไปด้วย ถึงแม้ว่ามือข้างหนึ่งจะถูกเจาะเข้าสายน้ำเกลือ ผมก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไร พยาบาลที่กดออดตามหมอ ก็รีบเข้ามาห้าม ให้ผมสงบสติลง “หมอ .....ผมอยากเจอพ่อกับแม่ พาผมไปหาพ่อกับแม่หน่อยนะครับ หมอ....หมอครับ ฮืออออ.....หมอ ผมอยากเจอพ่อกับแม่ ฮือออ....” ผมร้องไห้โวยวาย ไม่มีความอายอะไรหลงเหลืออยู่เลย ผมปวดใจมากๆ กับความเงียบที่หมอมอบมาให้แทนคำพูด แล้วผมก็ค่อยๆ พูดเสียงเบาลงๆๆ เพราะพยาบาลฉีดยานอนหลับให้ผมหลับต่อ เวลาล่วงเลยผ่านในแต่ละวันที่ผมฟื้นขึ้นมาก็จะร้องโวยวายหาพ่อกับแม่ตลอด จนทางโรงพยาบาลต้องส่งหมอจิตเวชมาพูดคุยกับผมที่ห้องบ่อยๆ แต่ผมก็ไม่พูดอะไร ผมร้องหาแต่พ่อกับแม่อย่างเดียว แล้วถ้าหมอหรือใครเอาผมไม่อยู่เขาก็จะฉีดยานอนหลับให้ทุกครั้ง จนวันหนึ่งผมรู้สึกตัวขึ้นมาขณะที่คุณหมอคนแรกที่ผมเจอตอนที่ฟื้นขึ้นมาครั้งแรก (ผมขอเรียกว่าอาจารย์หมอนะครับ เพราะเขาอายุพอๆ กับพ่อผม) ท่านเข้ามาติดตามอาการของผม “ผมอยู่ที่นี้มากี่วันแล้วครับ” “หนึ่งเดือนแล้ว” อาจารย์หมอเงยหน้าขึ้นมามองผม ด้วยท่าทางที่ใจดี สายตาดูอบอุ่น ปรากฏรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า ผมเข้าใจคำตอบนั้นทันที ผมบอกอาจารย์หมอว่า “ผมขออยู่คนเดียวสักพักได้มั้ยครับ ขอร้องอย่าเพิ่งให้ใครเข้ามา” อาจารย์หมอท่านพยักหน้าตอบรับอย่างโดยดี แล้วเดินออกไปพร้อมกับพยาบาลที่เข้ามาด้วยกัน พอผมได้อยู่คนเดียว น้ำตาผมก็ไหลอาบลงมาสองแก้ม ผมรู้แล้วว่าตอนนี้พ่อกับแม่ทิ้งผมไปหมดแล้ว ท่านได้จากผมไปตลอดกาล ผมร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนเตียงจนเผลอหลับไป คราบน้ำตาแห้งกรังยังอาบที่แก้มทั้งสองข้าง พอตื่นมาผมก็ร้องไห้ต่อ เป็นแบบนี้วนไปเป็นอาทิตย์ จนร่างกายผมผอมซูบลงไปเรื่อยๆ เมื่อเริ่มทำใจได้ ผมก็ต้องคิดแล้วว่าผมจะเอายังไงต่อกับชีวิตที่เหลืออยู่โดยที่ไม่มีพ่อกับแม่ ผมจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่ารักษาที่ผมอยู่มาเป็นเดือนๆ แล้วศพพ่อกับแม่ผมอีก ผมจะทำยังไง เบอร์ติดต่อญาติก็ไม่มี ผมเลยลองถามพยาบาลว่า โทรศัพท์พ่อแม่ผมอยู่ไหน เผื่อผมจะหาเบอร์ญาติจากโทรศัพท์พ่อแม่มาจ่ายค่ารักษาและพาผมไปอยู่กับท่านได้ พยาบาลแจ้งแค่ว่าเรื่องรายละเอียดรอคุยกับอาจารย์หมอจะดีกว่า พยาบาลใจดีจึงทำเรื่องนัดหมายเวลาให้ผมไปพบอาจารย์ที่ห้องทำงาน คือตอนนี้ร่างกายผมแทบจะหายเป็นปกติแล้ว สามารถเดินเหินเองได้ กินข้าวเองได้ แต่สภาพจิตใจผมก็ยังแย่อยู่ ยังกินข้าวไม่ลงเหมือนเดิม แต่ก็ยังพอมีแรงที่จะเดินเองได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD