คนตัวเล็กรีบเอาผ้าขนหนูมารัดไว้ที่อกอิ่มเช่นเดิม สายตาสำรวจไปรอบๆ ห้องตกแต่งโทนสีเทา ดำดูดาร์กๆ
“แล้วทำไมฉันอยู่ที่นี่ กับนายในสภาพนี้” แยมโรลตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“หรือเธออยากอยู่สภาพนี้กับคนอื่นหละ ฉันรับรองเลยว่ามันไม่ได้จบแค่จูบจืดชืดแบบเมื่อกี้แน่ๆ”
คนตัวเล็กเริ่มขุ่นเคืองมากขึ้น กับคำพูดด่าทอเธอต่างๆนานา
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ฉันจำได้ว่าไปอาบน้ำที่ห้องของมายด์ แล้ววว.....ฉะ ฉันเห็น....พี่ท็อป แล้วฉันก็จำอะไรไม่ได้เลย” หญิงสาวพยายามค่อยๆ นึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
“ช่ายแล้ว...ฉันสลบไปหรือพี่ท็อปโป๊ะยาสลบฉัน!! แล้วฉัน ฉัน ฉัน.....ม่าย นะ ๆๆ” หญิงสาวเริ่มโวยวายอีกครั้ง มือเล็กวางไปที่หน้าอกอิ่ม อีกข้างยกขึ้นปิดหน้าเตรียมตัวจะร้องไห้ จนติณณภพต้องเอามืออุดหู เริ่มที่จะรำคาญสาวน้อย หน้าคมคนนี้มากแล้ว
“หยุดๆ สักที จะร้องทำไม เธอไม่รู้เหรอว่าโดนเอาหรือไม่โดนมันเป็นยังไง” ติณณภพตะคอกใส่อย่างหงุดหงิด พอสาวน้อยได้ฟัง หน้าก็เริ่มแดง แล้วรู้สึกอายที่ได้ยินคำพูดที่มันชัดเจนขนาดนี้
“ละ แล้วฉันจะไปรู้ได้ไงหล่ะ!!” พูดพร้อมจับปมผ้าเช็ดตัวไว้แน่นแล้วเอียงตัวหนีไปทางอื่น เลี่ยงการประชันหน้ากับชายหนุ่ม
เมื่อติณณภพได้ยินดังนั้นก็รู้แล้วว่าเธอยังเป็นเพียงดอกไม้บาง ที่ยังไม่เคยมีใครได้จับต้อง เพียงแค่สัมผัสเบาๆ กลีบดอกก็พร้อมจะฉีกขาด
ติณณภพจึงค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปแล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับหญิงสาวฟังว่า....ในงานเขาได้มาถึงก่อนเธอสักพัก เลยได้ยินโต๊ะของหมอกพูดกันว่าจะมอมเหล้าเธอ แต่เธอดันไม่ยอมดื่มแอลกอฮอล์ พวกมันเลยไปวางแผนกันต่อที่ห้องน้ำ
เขาก็ไปยืนแอบฟังว่าท็อปจะโป๊ะยาสลบเธอ เขาเลยสะกดรอยตามไอ้ท็อปมันขึ้นไปมายด์ที่ห้อง แล้วรอจังหวะ พอมันเริ่มจะลงมือ ฉันเลยเคาะประตูจะเข้ามาในห้อง มันคงกลัวมีคนจะเข้ามา มันเลยรีบหนีไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า จังหวะนั้นฉันเลยพาเธอหนีออกมาทางประตูหลัง เรื่องก็มีเท่านี้
หญิงสาวรู้สึกเขินอายที่ได้โวยวายไปก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่เขาช่วยเธอหนีออกมาจากคนเลวที่ชื่อท็อป ถ้าเขาไม่ช่วยเธอออกมา ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง
“เออ..แล้วเสื้อผ้านายไปไหน ทำไมนายใส่แค่ผ้าขนหนูแบบนี้หล่ะ” หญิงสาวยังคงคาใจกับชายหนุ่มที่ไม่ใส่เสื้อผ้า
“ปกติฉันนอนแก้ผ้าอยู่แล้ว นี้เห็นว่าเธออยู่ด้วยเลยยังใส่ผ้าขนหนูไง หรือจะให้ฉันถอดก็ได้นะ อึดอัดเหมือนกัน” แล้วชายหนุ่มก็ทำท่าจะแกะผ้าขนหนูออกจากเอว
“มะ ไม่ต้อง ใส่ไว้เหมือนเดิมเถอะ” มือเล็กทั้งตบทั้งตีบนอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอีกครั้ง รอบนี้ชายหนุ่มสุดจะทน จับข้อมือของเธอไว้แน่น จนข้อมือเธอเริ่มแดง
“ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ” หญิงสาวร้องด้วยความเจ็บ
“เจ็บก็ดี จะได้เลิกโวยวาย” พูดจบ ผ้าขนหนูที่พันเกี่ยวไว้ที่อกอิ่ม ก็ค่อยๆ ร่นลงมากองที่เอวคอดครั้งที่สอง โดยที่สาวน้อยก็ช็อกอีกรอบ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะชายหนุ่มจับมือเธอไว้แน่น ปากบางกำลังจะร้องขึ้นมาอีกครั้ง
"ปะ ปล่อยฉัน"
ด้วยความที่ชายหนุ่มเริ่มรำคาญเสียงโวยวายของเธอ ปากหนารีบประกบปากบางทันที จูบที่เงอะงะเมื่อครู่เริ่มที่จะเป็นงานมากขึ้น รสจูบที่เร้าร้อนทำให้คนตัวเล็กที่พยายามที่จะร้องห้าม กลับกลายเป็นเสียงครางออกมาแทน
“อืม อื้มมม....”
ในขณะที่ปากหนากำลังตั้งใจสอนการจูบที่เร้าร้อน มือข้างหนึ่งก็ ค่อยๆประคองร่างเล็ก วางลงที่เตียง ปล่อยมือจากข้อมือเล็กแล้วเลื่อนไปที่ท้ายทอยเนียน ลิ้นใหญ่รุกล้ำเข้าไปในโพรงน้ำหวาน ดูดดุนลิ้นเล็กเรียวจนน้ำลายผสมปนเปไม่รู้น้ำลายใครเป็นใคร
ทำไมถึงได้หวานปานน้ำผึ้งขนาดนี้ เป็นความรู้สึกที่อยากจะดูดกินไปเรื่อยๆ ส่วนสาวน้อยเริ่มจะหายใจไม่ออก เธอเอามือทุบไปที่หลังแกร่งของชายหนุ่มอย่างคนจะหมดแรง ติณณภพค่อยคลายจูบออกจากปากบางอย่างอ้อยอิ่ง แล้วสบตากับสาวน้อยที่นอนหายใจอย่างแผ่วเบา
เพียงไม่กี่วินาที ติณณภพก็โน้มตัวลงคร่อมร่างคนตัวเล็กที่นอนอยู่ด้านล่าง แล้วค่อยเริ่มใช้จมูกไซร้ตั้งแต่ซอกหูลงมาที่คอ หน้าอกจนมาถึงยอดปทุมถัน คนตัวเล็กที่นอนอยู่ด้านล่างก็รู้สึกวาบหวิว เหมือนร่างกายกำลังจะหลุดลอย เป็นสัมผัสที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ติณณภพใช้ปากและลิ้นดูดดึงปทุมถันอย่างหิวกระหายเหมือนเด็กทารกดูดนมแม่ เนื้อกายสาวที่ไม่เคยผ่านการบีบเคล้นมาก่อน มันแน่น เต็มมือ และด้วยหน้าอกไซส์ใหญ่ เวลาบีบแล้วเนื้อนูนออกมาตามง่ามนิ้วมือ ทำให้คนที่บีบเคล้นยิ่งเกิดความกระสันมากยิ่งขึ้น มือหนาลูบไล้ไปตามเอวคอด สะโพกโค้งมนได้รูป มันยากเกินที่เขาจะอดใจไหว
ติณณภพดูดดุดยอดปทุมถันทั้งสองข้างสลับกันไปมาจนพอใจก็ค่อยๆ เลื่อนตัวลงมา จนถึงหน้าท้องที่แบนราบ เขาใช้ลิ้นร้อนลากไล้ไปมาวนรอบสะดือเล็กน่ารัก เลื่อนลงมาจนเกือบจะถึงใจกลางสาว เขาหยุดชะงักนิดนึง เพราะเขาไม่เคยใช้ปากกับใคร การที่เขาหยุดชะงักไป ทำให้คนตัวเล็กเริ่มมีสติขึ้นมา แล้วพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากการพันธนาการนี้
เมื่อติณณภพเห็นคนใต้ร่างเริ่มจะต่อต้าน “ฉันขอนะ!!” ชายหนุ่มรีบบอกกับหญิงสาวทันที เมื่อคนตัวเล็กได้ยินดังนั้น เธอก็ไม่ยอม เพราะจิตสำนึกที่ตั้งใจจะเก็บไปให้รักแรกของเธอก็ผุดขึ้นมา เธอพยายามดิ้นรน ขอความเห็นใจจากเขา
แต่เวลานี้เขาไม่สามารถที่ปล่อยเธอไปได้ มือหนากดมือเธอไว้ที่ข้างตัว ชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่ระหว่างขาของคนตัวเล็กก็เงยหน้าขึ้นมา ยกยิ้มที่มุมปาก
“ครั้งแรกของเธอให้ฉันเถอะนะ” พูดจบ ติณณภพก็ค่อยๆ ก้มหน้าลงไปชิมดอกไม้ที่งามอยู่เบื้องหน้า ที่มีเกสรปกคลุมอยู่บางๆ แค่มองก็สามารถเห็นสิ่งที่เกสรปกคลุมอยู่ มันช่างเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ นี้คือสิ่งที่ติณณภพเกิดมาเพิ่งจะเคยเห็น มันเป็นสัญชาตณานบอกให้รู้ว่า เขาต้องได้ครอบครองดอกไม้ดอกนี้ให้ได้
เขาโน้มตัวลงต่ำ ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับดอกไม้งามที่หว่างขา นิ้วหนาค่อยๆ กรีดตามร่องสีชมพูที่เริ่มมีน้ำหวานใสไหลออกมาเล็กน้อย ทำเอาร่างของคนตัวเล็กสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านอย่างห้ามไม่ได้
ติณณภพใช้ลิ้นลงไปแตะสัมผัสปุ่มเสียว วนขึ้นลงซ้ายขวาไม่หยุด
“แผล็บ! แผล็บ! แผล็บ!”
รัวลิ้นเร็ว จนทำให้ร่างบางต้องแอ่นอก เด้งสะโพกขึ้นรับ มือเล็กย้ายมาขย้ำเส้นผมที่อยู่ด้านล่าง
“อะ อ่ะ อ๊าส์!.......”
ความเสียวที่เขามอบให้มันยากที่จะปฏิเสธ ในใจก็คิดถึงชายอันเป็นที่รัก แต่ร่างกายกลับตอบสนองต่อสิ่งที่อยู่ตรงใจกลางสาว ที่ผู้ชายคนนี้มอบให้ คนตัวเล็กเด้งรับลิ้นที่คนตัวใหญ่มอบมาให้อย่างที่ไม่อาจหักห้ามใจได้เลย
“อ๊า.....!!”
เสียงครางหนักขึ้นเมื่อคนตัวใหญ่ปาดลิ้นเลียไปหนักๆ พร้อมกับดูดกินน้ำหวานตรงรูเล็ก แล้วใช้นิ้วบดขยี้เม็ดเสียวจนแข็งเป็นไตกระตุ้นให้ผลิตน้ำเสียวใสออกมามากขึ้น
“อืมมมม...หวาน แผล๊บ! แผล็บ!..” ชายหนุ่มยังคงละเลงลิ้นหนาใส่ไม่หยุด คนตัวเล็กได้แต่บิดเร่าร่างบางไปคนละทิศละทาง ยากเกินที่จะควบคุมตัวเองได้
“อืม อื้ออ....” เสียงครางเล็ดลอดออกมาแผล่วเบา หญิงสาวพยายามเก็บอารมณ์เสียวไว้ภายใน มันทรมานร่างกาย และทรมานจิตใจจริงๆ เธอพยายามฝืนไม่ให้รู้สึกอะไร แต่ร่างกายมันกลับยินยอมให้ชายตรงหน้าได้มาลิ้มรสเกสรดอกไม้ของเธออย่างง่ายดาย