แม้ช่วงชีวิตที่ล่วงเลยมาจะผ่านความยากลำบาก หากแต่ภริตาก็ไม่ยอมแพ้ เธอทนสู้รับจ้างทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงดูลูกน้อยจนเลือดตาแทบกระเด็น
เดิมทีวาธินทร์ก็ใส่ใจเธอดี แต่หลังจากเธอที่ปฏิเสธเรื่องการหลับนอนกับเขาหลังจากที่คลอดลูกได้เพียงหนึ่งเดือน ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป จากที่ใส่ใจก็แปรเปลี่ยนเป็นโมโหร้ายบางครั้งก็ลงมือลงเท้ากับเธอราวกับเป็นคนละคน
ภริตาพยายามไม่เข้าใกล้วาธินทร์ เขาจะทำอะไรเธอไม่สนใจ เพราะตอนนี้เธอต้องทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูลูกชายตัวน้อย
ภริตายิ้มกริ่มกับเม็ดเงินที่หลั่งไหลเข้ามา ตอนนี้เธอกำลังดวงขึ้นหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด ใช้เวลาไม่กี่เดือนภริตาทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำเพื่อแลกกับเงินก้อนโตและในที่สุดเธอก็ได้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจเสริมความงามที่ผู้คนรู้จักกันแพร่หลายในสังคมออนไลน์
ความขยันอดทนและหัวไว ธุรกิจขายครีมออนไลน์ก็เติบโตจนทำเงินเป็นกอบเป็นกำแต่กว่าจะไปถึงวันนั้นภริตาก็เผชิญความยากลำบากมานับไม่ถ้วน
“คุณวาดสินค้าล็อตใหม่ มาแล้วครับ” ลูกจ้างหนุ่มในร้านของภริตารายงาน
“งั้นขนไปใส่เข้าในโกดังเลย ส่วนออเดอร์ที่รับมาแล้วก็กระจายส่งได้เลย”
“ครับคุณวาด”
นิ้วเรียวปัดแอฟพิเคชั่นธนาคารในมือถือ พอเห็นยอดเงินแล้วพลอยตาโต เธอชอบทำงานมาตั้งแต่เด็ก ความที่เห็นพ่อกับแม่ลุยเข้าสวนเข้าไร่ ภริตาจึงมักตามพวกท่านไปเก็บพืชผักด้วยทุกครั้งก่อนที่พ่อกับแม่ของเธอจะแยกทางกัน ทำให้เธอต้องอยู่กับพ่อสองคน ไม่เคยคิดว่าเมื่อโตขึ้นความยากลำบากที่พบเจอตอนเด็กจะกลายเป็นภูมิคุ้มกันได้ในวันนี้
ภริตาทำงานเพลิน หยิบโน่นจับนี่ไม่ได้หยุดมือ หารู้ไม่ว่าตอนนี้วาธินทร์กำลังลอบมองเธออยู่ไกลๆ แววตาเหล่เหลี่ยมแพรวพราวมีแต่ความไม่พอใจ เพราะยิ่งภริตาหาเงินเข้าบ้านได้มากเท่าไหร่ คนที่ต้องการจะกดหัวให้หญิงสาวอย่างภริตาเป็นช้างเท้าหลังก็พร้อมที่จะวางหมากทำลายเธอไม่รู้ตัว
“สินค้าล็อตใหม่เหรอ วาด” วาธินทร์ออกจากมุมเสาได้ก็ทำทีเป็นเดินเข้ามาทัก
“อืม รอบนี้ได้มาเยอะพอสมควร ว่าแต่ทำไมวันนี้ธินทร์ถึงกลับมาบ้านได้” ภริตาพยักหน้ารับแล้วก็ถามถึงเรื่องที่ชายหนุ่มชอบหายไปบ่อยๆ เขาดูมีท่าทีอึกอักที่จะตอบ แต่หญิงสาวรู้ว่าที่เขาหายไปนั้น ไม่ได้ไปทำงานทำการอันใดหรอกนอกจากจะซุ่มอยู่ในบ่อนพนัน
“ผมก็ต้องกลับมาดูวาดกับลูกบ้างซิ”
“ดูทำไมคะ วาดกับลูกก็สบายดี ธินทร์ไม่ต้องห่วงหรอก”
“อ้อ เดี๋ยวนี้ตั้งแต่มีเงิน เราก็ไม่จำเป็นกับวาดแล้วใช่ไหม เราจะได้รู้” น้ำเสียงที่ตอบกลับมีแต่ความประชดประชัน พร้อมที่จะหาเรื่องเธอได้ทุกเวลา
“วาดไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ชักสีหน้าเหมือนเบื่อหน่ายเรา แบบนี้มันใช่เหรอวาด”
“โอเค วาดไม่เถียงกับธินทร์แล้ว วาดเหนื่อย” ภริตาถอนหายใจยาว เพราะเธอเบื่อที่จะต่อปากต่อคำ ไม่อยากทะเลาะอะไรกับวาธินทร์อีก ลำพังแค่ทำงานก็เหนื่อยมากพอแล้ว นี่ยังจะต้องมาสู้รบกับคนในครอบครัวอีก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมจบง่ายๆ
“เดี๋ยวนี้เราพูดอะไรไป วาดไม่เคยฟังเลยนะ” วาธินทร์ค่อนขอด แต่ภริตาเลือกที่จะไม่ตอบโต้ ลุกขึ้นเดินหนีไปสั่งคนงานแทน ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนกำหมัดแน่น
ทำอวดดีไปเถอะ วาด!
วาธินทร์ด่าในใจ ดวงตาเปล่งแสงน่ากลัว โดยที่ภริตาไม่มีโอกาสรู้เลยว่าภัยร้ายกำลังจะคืบคลานเข้ามาหาเธอในเวลาอันใกล้
หลังจากลับฝีปากกับภริตาไปหนึ่งยก วาธินทร์ก็ถอยทัพออกมาด้วยความขุ่นเคืองใจ นับวันภริตายิ่งหัวแข็ง ตอนนี้เขาแทบจะสอนสั่งอะไรเธอไม่ได้เลย
“เป็นไงบ้างคะ” มินตราสาวสวยคนหนึ่งที่วาธินทร์แอบคบลับๆ เข้ามาคลอเคลียไม่ห่าง
“ไม่สำเร็จ”
“ใจเย็นค่ะ คุณอย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลยค่ะ รอให้เธอตายใจมากกว่านี้อีกหน่อยค่อยลงมือก็ได้”
“คุณคิดว่าอย่างนั้นเหรอ” วาธินทร์วางแก้วเหล้าลงกับโต๊ะ เห็นรอยยิ้มร้ายของหญิงสาวข้างกายก็เข้าใจความหมาย
“คุณก็สั่งให้ลูกน้องแอบดูความเคลื่อนไหวซิคะ สั่งให้คนตัดสายเบรกก็พอ จากนั้นก็รอให้นังนั่นตายด้วยอุบัติเหตุ แค่นี้สมบัติทุกอย่างก็เป็นของคุณแล้วค่ะ” มินตราเสี้ยม
วาธินทร์ถึงกับยิ้มกริ่ม เห็นด้วย ก่อนจะยกแก้วเหล้ากรอกปากอย่างอารมณ์ดี
ทุกๆ วันภริตาทำงานหนักเหมือนคนแบกหนี้ร้อยล้านไว้บนหลัง แต่ทั้งหมดที่เธอทำหาใช่ทำเพราะโดนบีบบังคับ เธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานด้วยเป้าหมายเดียวในตอนนี้คือเด็กน้อยนามว่าอินดี้ ที่นับวันจะกินเก่งจนอ้วนกลมดิ๊ก
“หม่ามี้” เสียงเล็กร้องเรียกเธออยู่ในคอกกั้น
“คร้าบ” ภริตาขานตอบก่อนลุกเดินมาหา “ว่าไงครับคนเก่งของมี้”
“หม่ำๆ”
“อ่อ หิวแล้วเหรอครับ” สองมือของมารดาอุ้มเด็กน้อยไว้แนบอก เด็กน้อยอินดี้ยิ้มแก้มปริ
“คิกคิก ม่ำๆ”
“ครับ งั้นเราไปหม่ำข้าวกันนะ” ภริตาเดินไปป้อนข้าวให้กับเด็กจอมอ้วน อาหารเสริมที่ถูกบดกับกล้วยน้ำหว้าถูกกลืนหายในปากเล็ก คำแล้วคำเล่า
ภริตามองลูกชายแล้วอดนึกถึง พ่อของเขาไม่ได้ ใบหน้าจิ้มลิ้ม จมูกโด่งเล็ก ดวงตาสีเปลือกสนวับวาวกระจ่าง ผิวขาวเหลืองราวกับตอนนี้เธอกำลังเลี้ยงเอเมอร์ในวัยเด็ก
ป่านนี้ไม่รู้เขาจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างหลังจากที่เธอวางยาเขา เธอคอยดูมาตลอดว่าจะมีข่าวการตายของเขาหรือไปแต่ก็ไม่เคยเห็นเลย คืนนั้นเขาอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ เธอคิดในแง่ดี
ความที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าชายคนที่เธอขายเรือนร่างในคืนนั้นเป็นใคร และทุกอย่างก็เงียบกริบ ราวกับไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอจึงใช้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ ขอแค่มีลูกชายอยู่เคียงข้างก็พอแล้ว
“หม่ำๆ”
“พอแล้วนะลูก หมดไปหนึ่งชามใหญ่แล้วน้า” ภริตาคุยกับเด็กน้อย ตอนนี้ในบ้านมีเพียงเธอและลูก ส่วนวาธินทร์ นับตั้งแต่มีเรื่องเมื่อครั้งที่แล้ว เขาก็ไม่โผล่มาให้เธอเห็นหน้าอีกเลย
‘ตามประกบ อย่าให้พลาดล่ะ ถ้ารู้ว่าเธอไปที่ไหน รีบมารายงานฉัน’
‘ครับนาย’
วาธินทร์สั่งให้คนของตัวเองคอยประกบดูความเคลื่อนไหวของภริตาอยู่ห่างๆ แต่ทุกอย่างกลับเงียบนิ่งสนิท วาธินทร์จึงไม่มีโอกาสลอบทำบางอย่างได้สำเร็จตามที่คิด เพราะช่วงนี้หญิงสาวทำงานอยู่แต่ในบ้านและโกดัง คนที่อยากจะทำร้ายเธออย่างเขาก็ต้องอดทนรอจังหวะที่เหมาะสม แล้ววันนั้นก็มาถึง
“วันนี้คุณวาดต้องไปคุยกับเสี่ยเฮ้งตอนบ่ายสามค่ะ”
“ฉันทราบแล้ว ว่าแต่เตรียมเอกสารไว้หรือยัง” ภริตาเอ่ยถามฟ้าผู้ช่วยสาว
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“งั้นรอฉันอาบน้ำให้อินดี้เสร็จเราก็ออกไปกันเลย” ภริตาวางแผนการเดินทางเสร็จก็เดินอุ้มลูกชายตัวอวบขึ้นห้อง กระทั่งก่อนเวลานัดเล็กน้อย เธอก็ลงมาข้างล่างอีกครั้งในชุดที่เตรียมพร้อมไปเจรจาธุรกิจ ทว่าด้วยความเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวจึงคิดว่าจะพาลูกไปด้วย
“น้องอินไปกับพี่ฟ้าก่อนนะคับ” ภริตาหันไปบอกลูกชายพร้อมกับยื่นไปให้ผู้ช่วย
“มาค่า มากับพี่ฟ้านะคะ เดี๋ยวคุณแม่จะปิดบ้านก่อน” ฟ้าลูกน้องคนสนิทที่เปรียบเสมือนน้องสาวรีบอ้าแขนรอรับเด็กน้อยที่ตอนนี้กำลังมองเธอตาใสแจ๋ว
ภริตาปิดบ้านเสร็จก็ขึ้นไปนั่งบนรถตู้คันใหญ่ที่ติดเครื่องเรียบร้อย เด็กน้อยพอโดนแอร์เย็นๆ เป่าก็หลับปุ๋ย นักธุรกิจสาวอย่างภริตาจึงเปิดแผนธุรกิจมาศึกษาคร่าวๆ
“เสี่ยเฮ้งชอบของกำนัลที่เราส่งไปให้มั้ยฟ้า”
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปสักพัก ภริตาจึงชวนฟ้าพูดคุยขึ้นระหว่างเดินทาง
“ชอบค่ะ ท่านโทรมาขอบคุณใหญ่เลยค่ะ นี่เร่งให้คุณวาดสร้างโรงงานเร็วๆ ด้วยนะคะ เพราะท่านเองก็อยากร่วมทุนกับคุณวาดมาก ฟ้ายังอดตื่นเต้นด้วยไม่ได้เลยค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ แบบนี้ฉันต้องจัดโปรให้ท่านแบบพิเศษดีเลยกว่า” ภริตาทำหน้าครุ่นคิด แล้วได้ยินเสียงตะโกนมาจากหน้ารถ
“แย่แล้ว! แย่แล้ว! เบรกแตก!!” สิ้นเสียงคนขับรถทุกคนส่งเสียงร้องกันลั่น
“กรี๊ดดดด!!!”
คนในรถร้องตกใจได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที รถตู้คันหรูก็เหวี่ยงชนเข้ากับรถพ่วงที่กำลังจะเลี้ยวมาพอดี เสียงรถชนกันดังสนั่นไปไกลหลายกิโลก่อนที่ทุกอย่างจะนิ่งสนิทพร้อมกับดวงวิญญาณของหญิงสาวนามว่าภริตาได้จากไป