ตอนที่ 2

3786 Words
ณ.คฤหาสน์หลังใหญ่ทรงสเปนสุดหรูหราย่านสาธร ตอนนี้ในห้องนอนใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหราสมกับฐานะทายาทนักธุรกิจหมื่นล้านที่กำลังขับเคี่ยวกรำศึกรักกับภรรยาสาวไฟแรงสูงจนห้องลุกเป็นไฟ “กายขา นภาไม่ไหวแล้ว อ้ะะ อ่าา อ้าา..” เสียงครวญครางกระเส่าดังลั่นห้องเจ้าของเสียงขย่มสะโพกเข้าใส่ร่างแกร่งที่นอนใต้ร่างของเธออย่างรุนแรง “ปั้บๆๆ ปั้บๆๆ ปั้บๆๆ..” “หื้มม นภา อ่าส์..” ร่างแกร่งกระทุ้งท่อนเอ็นลำยาวขึ้นใส่อย่างแรงไม่ยั้งสอดประสานกันอย่างหนักหน่วงดุดันจนในห้องอบอวลไปด้วยไฟพิศวาสเผาไหม้สองสามีภรรยาแทบละลาย “ปั้บๆๆ ปั้บๆๆ ปั้บๆๆ...” “อ้าา มะ ไม่ไหวแล้ว อ้ะะ อ้ายยยส์..” ฝ่ายหญิงรัวสะโพกกระหน่ำเข้าใส่ไม่ยั้งก่อนร่างกายของเธอแตกกระจายหวีดร้องออกมาเสียงดังปลดปล่อยความสุขออกมาล้นหลาม “ปั้บๆๆ ปั้บๆๆ ปั้บบ..” ร่างแกร่งจับเอวคอดแล้วกระทุ้งท่อนเอ็นลำยาวขึ้นใส่อย่างกระแทกกระทั้งหนักหน่วงติดกันแล้วเขาก็พ่นสายธารร้อนเข้าใส่เธออย่างทะลักทะลาย “อ่า โอ้วววส์...” เสียงห้าวคำรามเสียงดังเมื่อร่างกายของเขาปลดปล่อยความอัดอั้นเข้าใส่ร่างบางเต็มที่อย่างเหนื่อยอ่อน “หืมม..” “กายขา..” โสภิตนภายังไม่อิ่มในรสรักจากสามีจึงลูบไล้แผงอกแกร่งของกายด้วยความรักใคร่และหวงแหน “พรุ่งนี้ผมจะไปชลบุรีแต่เช้าครับนภา” อชิระบอกภรรยาอย่างเป็นนัยๆว่าเขาไม่ไปต่อกับเธอเพราะเขาส่งเธอสุขสมไปสามรอบแล้ว “กายอ่ะ พักนี้คุณไม่มีเวลาให้นภาเลยนะคะ นภาอยากไปญี่ปุ่นค่ะ” “ช่วงนี้ผมงานยุ่งนะนภา เอาไว้มีเวลาเราค่อยไปเที่ยวกันนะ” อชิระตอบภรรยาเพราะช่วงนี้งานเยอะและมีแผนร่วมหุ้นหลายบริษัทและขยายฐานการผลิตไปที่ประเทศลาวและเวียดนามอีกทำให้เขามีเวลาเจอภรรยาและลูกชายก่อนไปทำงานและกลับบ้านเท่านั้น “งั้นกายต้องทำให้นภามีความสุขอีกนะคะ” คนเป็นภรรยาออดอ้อนสามีที่ตอนนี้ห่างเหินเรื่องเซ็กส์บางทีอาทิตย์หนึ่งแค่ครั้งเดียวหรืองสองครั้งเท่านั้น “ผมไม่ไหวแล้วนภาเอาไว้กลับมาผมจะชดเชยให้นะ " ชายหนุ่มยกร่างภรรยาออกจากายแกร่งแล้วลุกขึ้นไปห้องน้ำ “กาย กรี้ดดด..” โสภิตนภาเรียกตามหลังสามีกรีดร้องด้วยความโกรธที่เขาไม่ตามใจเธอก่อนจะทิ้งตัวลงนอน อชิระได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาแล้วส่ายหน้าไปมาโสภิตนภาที่เขารู้จักไม่ใช่แบบนี้ เธอจะเรียบร้อยเอียงอายไม่ประสาเรื่องเซ็กส์จนแต่งงานกันทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเธอเรียกร้องเรื่องเซ็กส์อย่างไม่อายและเขาก็พอใจจะตอบสนองเธอเต็มที่เพราะเป็นสามีภรรยากันแต่หลังจากคลอดลูกชายเธอก็เปลี่ยนไปมาก เรียกร้องหนักขึ้นซึ่งเขาก็ตอบสนองเธอได้ไม่เต็มที่เพราะงานเยอะทั้งเหนื่อยและเครียดอารมณ์ต้องการก็หดหายไปบ้างบางทีเธอสะกิดเขาก็ไม่ไหวจริงๆแต่เธอไม่เข้าใจหาว่าเขาแอบมีผู้หญิงอื่นทำให้ทะเลาะกันบ่อยขึ้นเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะมันเป็นความรับผิดชอบของเขา เมื่ออาบน้ำเสร็จจึงเดินไปที่ห้องของลูกชายปล่อยให้ภรรยาสงบสติอารมณ์ส่วนตัวเขาไปนอนกับลูกชายเพราะไม่อยากทะเลาะด้วยพรุ่งนี้ต้องไปดูงานที่ชลบุรีสองวัน บนทางด่วนบูรพาวิถีมีรถเก๋งหรูจากค่ายตราดาวแล่นมาด้วยความเร็วสูงเพื่อไปจังหวัดชลบุรีด้วยฝีมือของหญิงเจ้าของรถหลังจากได้รับโทรศัพท์จากผู้หวังดีแจ้งว่าสามีของเธอควงพอลลีน ลี ไฮโซสาวอดีตเพี่อนร่วมมหาลัยนั่งคุยกันทำตัวยังกับคู่รักและยังพาไปพักที่บ้านพักที่บ้านพักรับรองลูกค้าที่อยู่ใกล้บ้านพักของครอบครัวและดินเนอร์ด้วยกันสุดสวีทมีภาพส่งมาให้ดูด้วย “ไม่จริง กายต้องไม่ทำแบบนั้น กายไม่ทำแบบนั้น” โสภิตนภาพึมพำไปด้วยขับรถไปด้วยน้ำตาก็ไหลอาบแก้มเธอรู้ว่าสามีของเธอเนื้อหอมเพราะเป็นนักธุรกิจหนุ่มหล่อทายาทของเจ้าสัวอนันท์เจ้าของอนาจักรหมื่นล้านและเป็นหลานชายคนโตอำนาจจึงอยู่ในมือของเขาทั้งหมดจึงมีสาวแก่แม่หม้ายเข้าหาเยอะแยะมากมายแม้จะรู้ว่าสามีเลิกเจ้าชู้ตั้งแต่คบกันมาแต่เธอไม่ไว้ใจผู้หญิงพวกนั้น พอเห็นภาพเธอก็ฝากลูกชายวัยหนึ่งขวบให้พี่เลี้ยงดูเพราะโทรหาสามีติดแล้วไม่รับและยังปิดเครื่องใส่เธออีกจึงขับรถออกมาโสภิตนภารู้จักกับอชิระตอนที่เธอไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ อชิระ ธนวัชรกุล หรือกาย หนุ่มหล่อหน้าตาคมเข้มเนียนใสรูปร่างสูงใหญ่เตะตาเตะใจสาวไทยสาวเทศที่สนใจเขาและเป็นหนุ่มอัธยาศัยดีทั่วถึงทุกคนแต่เขาก็เลือกคบทีละคนบางคนก็อาทิตย์สองอาทิตย์บางคนก็สองสามเดือนก็แล้วแต่ว่าใครจะเบื่อใครก่อนพอมาเจอโสภิตนภาและเผลอมีความสัมพันธ์กันเขาก็คบกับเธอเรื่อยมาจนเธอจบปริญญาตรีแล้ว กลับเมืองไทยก่อนส่วนเขาเรียนต่อปริญญาโทพอจบก็กลับเมืองไทยก็คบกันมาเรื่อยๆจนอายุยี่สิบเก้าเขาถึงแต่งงานกับเธอเพราะต่างไม่มีใครเขาจึงเลือกเธอเป็นแม่ของลูกเพราะเหมาะสมกันทั้งฐานะและชาติตระกูล “ติ้งๆ” เสียงไลน์ดังขึ้นโสภิตนภาก็หยิบโทรศัพท์มาดูก็เห็นภาพสามีของเธอนอนถอดเสื้อหันหลังให้กล้องแต่เธอจำได้แม่นเมื่อเห็นรอยสักมังกรเต็มแผ่นหลังของเขามีมือของผู้หญิงโอบกอดเขาไว้ และที่เธอไม่ไว้ใจเพราะพอลลีน ลี อดีตเพื่อนร่วมมหาลัยที่คอยชิงดีชิงเด่นกับเธอมาตลอดนั่นเอง “มะ ไม่จริง ไม่ใช่กาย ไม่ใช่ มะ ไม่กรี้ดดดด..” โสภิตนภามัวแต่มองโทรศัพท์น้ำตาไหลอาบแก้มพอเงยหน้าขึ้นอีกทีรถของเธอก็ชนเข้ากับแผงกันตรงทางแยกลงบางบ่อจากนั้นเธอก็ไม่ได้สติ “โครมมม...” รถเก๋งคันหรูพลิกคว่ำหลายตลบก่อนจหยุดกลางถนนทำให้รถติดยาวเหยียดมีพลเมืองดีขับตามมาเห็นเหตุการณ์จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากนั้นก็ลงจากรถเข้าไปช่วยเหลือแต่หน้ารถยุบเข้าไปและรถอยู่ในสภาพงายท้องล้อชี้ฟ้าจึงต้องรอเจ้าหน้าที่มาเท่านั้นแต่ก็พยายามเรียกและบางคนก็ลงมาช่วยบางคนก็ลงมาดูไม่ถึงยี่สิบนาทีรถกู้ภัยก็มาถึงก็เข้าช่วยเหลือแล้วพาไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและคนเจ็บอาการหนัก “ตู้ดดๆ ตู้ดดๆๆ..” เสียงโทรศัพท์ของอชิระดังขึ้นขณะที่เขากำลังพา พอลลีน ลี นักธุรกิจสาวไฮโซที่กำลังจะร่วมหุ้นกันเปิดบริษัทผลิตเครื่องสำอางค์ที่จริงชายหนุ่มให้น้องชายเป็นคนทำงานนี้แต่อธิคุณติดงานที่สิงค์โปรเขาก็เลยเป็นคนพามาดูโรงงานเองและมีเลขาของเธอกับผู้ช่วยมาด้วยเขาจึงเบาใจเพราะไม่อยากมีปัญหากับภรรยาที่พักหลังมานี้หึงหวงเขาทั้งที่เขาไม่เคยคิดนอกใจเธอทำให้ทะเลาะกัน “คุณกายคะ คุณกาย” พอลลีนเรียกหนุ่มหล่อที่เธอชอบและหาทางใกล้ชิดโดยไม่สนใจว่าเขาจะมีภรรยาและลูกเพราะประวัติของอชิระนั้นใช่ย่อย หลังจากแต่งงานก็ไม่มีข่าวของเขากับผู้หญิงคนอื่นนอกจากภรรยาแต่ตอนนี้เขามีข่าวกับเธอเพราะเธอให้เลขากับผู้ช่วยกระพือข่าวทำตัวเป็นผู้หวังดีส่งข้อความไปบอกโสภิตนภาอดีตคู่แข่งสมัยเรียนมหาลัยที่แย่งผู้ชายกัน “เฮ้ย!!” “ว้ายย!!” "ตุ๊บบ.." อชิระสะดุ้งแล้วสะบัดตัวออกห่างจากพอลลีนที่เบียดเขาทำให้แขนไปฟาดกับผนังห้องจนโทรศัพท์หลุดมือตกแตกหน้าจอดับวูบ “พอลลีนขอโทษนะคะคุณกาย พอลลีนไม่ได้ตั้งใจพอดีเรียกคุณกายหลายครั้งแล้วแต่คุณกายไม่ได้ยินค่ะ” ไฮโซสาวทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเมื่อเห็นชายหนุ่มทำท่ารังเกียจผงะหนีเธอ “ไม่เป็นไรครับ มนัสพาคุณพอลลีกับเลขาเดินชมโรงงานต่อนะ ฉันจะไปเปลี่ยนโทรศัพท์ก่อน” อชิระบอกเลขาส่วนตัวที่ติดตามเขาเป็นเงา “ครับคุณกาย” มนัสรับคำสั่งเจ้านายแล้วหันมามองพอลลีน “เชิญครับคุณพอลลีน” มนัสผายมือให้ทุกคนเดินเข้าไปชมโรงงานผลิตเครื่องสำอางค์ของบริษัท “ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันรอคุณกายก็ได้ นายจะไปไหนก็ไปเถอะ” พอลลีนบอกเลขาส่วนตัวของอชิระที่เดินลิ่วออกไปที่รถ “ผมเกรงว่าจะไม่ได้นะครับคุณพอลลีน นี่มันเป็นงานสำคัญหากคุณไม่คิดจะลงทุนจริงผมว่าอย่าเสียเวลาเลยเจ้านายของผมมีลูกมีเมียแล้วครับ” มนัสพูดกับพอลลีนตรงๆเพราะเขาไม่ชอบท่าทางของผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่มาติดต่องานแล้วทั้งที่ต้องเป็นน้องชายของเจ้านายแต่ไฮโซสาวคนนี้มักจะเลือกตอนที่อธิคุณไม่อยู่ทุกครั้งและนี่ก็ครั้งที่สามแล้วทำให้เขาหมดความอดทน “นี่แกเป็นแค่เบ้เดินตามเจ้านายอย่าสะเออะมายุ่งเรื่องของฉันนะ” พอลลีนแหวใส่มนัสอย่างไม่พอใจ "งั้นผมคงต้องบอกเจ้านายว่าคุณพอลลีนไม่อยากทำธุระกิจ.." เลขาหนุ่มพูดจบก็ยืนนิ่งมองไฮโซสาวอย่างสมเพชเป็นลูกผู้ดีมีเงินความรู้สูงแต่ไร้ศีลธรรมรวมถึงเลขากับผู้ช่วยที่เออออห่อหมกกับเจ้านายทุกเรื่องแม้แต่เรื่องผิดศีลธรรมก็ไม่เว้น “ก็ได้ แกนำไปสิแล้วเธอทั้งสองก็จดรายละเอียดไว้ให้หมดนะ” พอลลีนมองเลขาตัวดีของอชิระตาขวางด้วยความไม่พอใจ ฝ่ายอชิระก็พอรู้ว่าพอลลีนคิดกับเขายังไง สำหรับเขาธุรกิจต้องมาก่อนส่วนเรื่องผู้หญิงเขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับพวกเธอไปนานแล้วยิ่งมีลูกเขาก็รักครอบครัวมาก ที่กรุงเทพมหานคร คฤหาสน์หลังใหญ่ทรงสเปนหลังใหญ่สามชั้นย่านสาธรบริเวนสิบไร่เป็นบ้านต้นตระกูล ธนวัชรกุล ซึ่งเป็นนักธุรกิจบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยมีบริษัทในเครือกว่าสามร้อยบริษัททั้งก่อตั้งเองและร่วมหุ้นกับพันธมิตรนานาประเทศที่ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทในเครืออนันท์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ก่อตั้งโดยนายอนันท์ ธนวัชรกุล วัย76ปี จากเด็กส่งของเก็บเงินเปิดร้านโชห่วยขายทุกอย่างก่อนจะไปดูโรงงานผลิตและมาชวนเพื่อนร่วมหุ้นแต่ไม่มีใครกล้าเพราะต้องใช้ทุนเยอะแต่นายอนันท์ไม่ถอยเขาศึกษามาอย่างดีจนสามารถเปิดโรงงานผลิตขนมได้เพราะเงินกู้จากธนาคารเขาเอาที่ดินที่มีอยู่ไปค้ำประกันเงินกู้หากล้มก็หมดตัวซึ่งนางรวิวรรณภรรยาของเขาก็เห็นด้วยเพราะทำธุรกิจมันต้องลงทุนหากเจ้งก็กลับไปเริ่มศูนย์ใหม่เท่านั้นเองเพราะพวกเขาก็มาจากศูนย์เหมือนกันพ่อแม่ไม่ได้มีเงินพออายุ18ปีก็แต่งงานกับรวิวรรณผูกข้อไม้ข้อมือกันเท่านั้น เวลาผ่านไปสี่สิบปีห้างหุ้นส่วนอนันท์ก็กลายเป็นบริษัทในเครือ อนันท์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีทรัพย์สินนับหมื่นล้าน และภรรยาชิงจากไปเมื่อสิบปีก่อนใกล้กับคฤหาสน์หังใหญ่ก็มีบ้านหลังใหญ่สามหลังอยู่ในบริเวนเดียวกัน เจ้าสัวอนันท์นั่งหยอกเย้าคุยกับน้องอีตั้นหลานชายวันหนึ่งขวบที่ห้องนั่งเล่นวันนี้หลานสะใภ้รีบร้อนไปไหนก็ไม่รู้พี่เลี้ยงของหลานชายบอกท่านว่าโสภิตนภาดูโทรศัพท์เสร็จก็ผลุนผลันขับรถออกไปจากบ้าน “คะ คุณท่านคะ คะ คือ คือ..” นางกิ่งแม่บ้านวิ่งถลาหน้าตาตื่นมานั่งตรงหน้าเจ้าสัวอนันท์ “มีอะไรแม่กิ่งหน้าตาตื่นพูดอย่างกับคนติดอ่างแล้วเมื่อไรฉันจะรู้เรื่องกันล่ะ” เจ้าสัวถามแม่บ้านที่ปากคอสั่นน้ำตาปริออกมา “ทางโรงพยาบาลเขาโทรมาบอว่าคุณนภารถคว่ำค่ะ” นางกิ่งบอกเจ้านายปากคอสั่น “อะไรนะแม่กิ่ง” เจ้าสัวอึ้งแล้วได้สติก็ถามแม่บ้าน “คุณนภาเธอรถคว่ำตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลบางนาค่ะคุณท่าน” นางกิ่งบอกเจ้าสัวอีกครั้ง “เจ้ากายล่ะ แม่กิ่งโทรหาเจ้ากายเร็ว แม่แววเธอโทรไปเช็คสิว่าตอนนี้แม่เจ้าอีตั้นเป็นยังไงบ้าง” เจ้าสัวบอกแม่บ้านกับพี่เลี้ยงของเหลนน้อยที่หัวเราะเอิ้กอ้ากเพราะคิดว่าคุณทวดเล่นกับแก “ค่ะคุณท่าน” นางกิ่งก็วิ่งกลับไปโทรหาอชิระตามคำสั่งของท่านเจ้าสัว ส่วนแววดาวอดีตพยาบาลวิชาชีพที่ลาออกมาเป็นพี่เลี้ยงให้น้องอีตั้นเหลนน้อยของเจ้าสัวอนันท์ก็โทรไปเช็คที่โรงพยาบาล “ว่าไงแวว” เจ้าสัวถามพี่เลี้ยงของเหลนน้อย “คือว่าตอนนี้ยังไม่ทราบอาการของคุณนภาค่ะ ทางโรงพยาบาลบอกว่าอยู่ในห้องฉุกเฉินคุณหมอกำลังดูอาการอยู่แต่บอกว่าหนักพอสมควรค่ะ” แววดาวมองคุณหนูของเธอด้วยความสงสารที่ยังเล่นของเล่นหัวเราะไม่รู้ว่าแม่กำลังบาดเจ็บสาหัส “รบกวนเธอโทรบอกนายวินกับแม่โยที ฉันจะไปดูหนูนภาก่อน” เจ้าสัวบอกพี่เลี้ยงของเหลนน้อยแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นก็เจอนางกิ่ง “ว่าไงแม่กิ่งบอกเจ้ากายหรือยัง” “โทรไม่ติดค่าคุณท่าน สงสัยโทรศัพท์ของคุณกายแบตน่าจะหมดค่ะ” กิ่งแก้วตอบเจ้านาย “ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจะโทรหาเลขาของเจ้ากายเอง” เจ้าสัวพูดจบก็เรียกคนขับรถให้เอารถออก “จะไปไหนครับคุณท่าน” นายขาวถามเจ้านาย “ไปโรงพยาบาลบางนา” เจ้าสัวตอบคนสนิทแล้วยกโทรศัพท์มากดเบอร์ของมนัสแล้วโทรออกทันที “ครับคุณท่าน” มนัสเห็นสายปู่ของเจ้านายก็กดรับสาย “เจ้ากายไปไหนทำไมไม่รับโทรศัพท์” เสียงห้าวถามเลขาของหลานชาย “โทรศัพท์ของเจ้านายตกพื้นใช้งานไม่ได้ครับ แต่กำลังไปเปลี่ยนเครื่องสำรองครับ” มนัสรายงานเจ้าสัวเจ้านายใหญ่สุดถึงแม้จะเกษียณไปแล้วยังมีอำนาจอยู่ “ไปบอกเจ้ากายให้โทรหาฉันด่วนแล้วเข้ากรุงเทพกันเดี๋ยวนี้” เจ้าสัวบอกเลขาของหลานชาย “ครับคุณท่าน” มนัสพูดจบเจ้าสัวก็ตัดสาย เขาจึงเดินไปหาพอลลีนกับเลขาและผู้ช่วย คุณพอลลีครับ วันนี้คงต้องให้ผู้จัดการพาเดินดูโรงงานคะครับพอดีเจ้านายของผมมีธุระต้องกลับกรุงเทพด่วน ขอตัวนะครับ” มนัสพูดจบก็หันไปบอกผู้จัดการให้ต้อนรับพอลลีนแทนหากมีอะไรก็ให้โทรบอกเขา “เดี๋ยวสิแก แก..” พอลลีนเรียกเลขาปากดีของอชิระที่เดินลิ่วไปอย่างรวดเร็ว “เชิญครับคุณพอลลีน” สมิตผู้จัดการโรงงานหนุ่มใหญ่เชิญแขกของเจ้านายไปดูในโรงงานฝ่ายผลิต พอลลีนจำใจต้องเดินตามไปอชิระโยนเธอกับลูกน้องให้มนัสดูแล แล้วตอนนี้มนัสโยนเธอให้ผู้จัดการดูแลอีกทำให้พอลลีนหัวเสีย มนัสก้าวขายาวไปที่ออฟฟิศอย่างรวดเร็วหากเรื่องไม่สำคัญจริงเจ้าสัวไม่โทรมาหาเขาแน่จึงเดินไปหาเจ้านายอย่างรวดเร็ว “คุณกายครับท่านเจ้าสัวให้โทรกลับหาท่านด่วนครับ” มนัสพูดจบก็ยื่นโทรศัพท์ของเขาให้เจ้านาย “ท่านบอกนายหรือเปล่ามนัส” อชิระถามเลขาส่วนตัวที่ส่ายหน้าแล้วเขาก็กดโทรศัพท์โทรออกหาปู่ทันที “ตู้ดดๆ ตู้ดดๆๆ..” "ว่าไงมนัส" "ผมเองครับปู่." “เจ้ากายแกอยู่ไหนมาที่โรงพยาบาลบางนาด่วนเลย หนูนภาเกิดอุบัติเหตุ” เจ้าสัวรับสายหลายชายและพูดอย่างรวดเร็ว “อะไรนะครับปู่” อชิระถามปู่ด้วยความตกใจแล้วนิ่งไป “ปู่รู้แต่ว่าหนูนภารถคว่ำที่บางบ่อตอนนี้อยู่โรงพยาบาลบางนาแกรีบมาด่วนเลยปู่กำลังจะไปดูเมียแกเหมือนกัน” เจ้าสัวบอกหลานชาย “ครับปู่ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ มนัสไปโรงพยาบาลบางนาเร็วเข้า” อชิระพูดจบก็เดินลิ่วไปที่รถจนมนัสวิ่งตามไปที่รถอย่างรวดเร็วเพราะเขาฟังอยู่คนขับรถก็ขับออกไปอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของเจ้านาย อชิระก็โทรติดต่อโรงพยาบาลถามอาการของภรรยาที่ตอนนี้หมอกำลังช่วยชีวิตกันเต็มความสามารถแต่ร่างกายของโสภิตนภาบอบช้ำจากแรงกระแทกเพราะรถพลิกคว่ำหลายตลบจนทนพิษบาดแผลไม่ไหวแม้หมอจะยื้อชีวิตไว้ตามที่อชิระขอก็ไม่สามารถทำได้สุดท้ายโสภิตนภาก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ อชิระมาถึงโรพยาบาลก็สายเกินไปเมื่อเขาเจอแต่ร่างไร้วิญญาณของภรรยาร่างสูงเดินตามเจ้าหน้าที่ไปด้วยความเสียใจตาแดงก่ำเมื่อเห็นสภาพของภรรยาน้ำตาของลูกผู้ชายก็ไหลออกมามีคุณหมอพยาบาลและมนัสยืนมองห่างๆด้วยความเศร้าสลด “นภาทำแบบนี้ได้ยังไงทิ้งผมกับลูกได้ยังไง” เสียงห้าวสั่นครือยกมือขึ้นช็ดน้ำตาแล้วก้มจูบหน้าผากเธอเบาๆ “นภาไม่ต้องห่วงลูกของเราผมจะรักและดูแลอีตั้นด้วยชีวิตของผมครับ” อชิระพูดจบตัดใจดึงผ้าสีขาวมาคลุมหน้าภรรยาก่อนจะพยักหน้าให้คุณหมอและพยาบาลให้ทำตามขั้นตอนของโรงพยาบาลแล้วเขาก็เดินออกไปรอหน้าห้องฉุกเฉิน “เจ้ากาย หนูนภาเป็นยังไงบ้าง” เจ้าสัวเดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินก็ถามหลานชายที่นั่งอยู่ด้วยความเป็นห่วงหลานสะใภ้ “เธอไปแล้วครับปู่ นภาไม่อยู่กับผมแล้วเธอทิ้งผมกับลูกไปแล้วครับปู่” อชิระบอกปู่ด้วยหัวใจสลายเมื่อภรรยาจากไปไม่มีวันกลับ “จริงเหรอเจ้ากาย” เจ้าสัวถามหลานชายเสียงสั่นเมื่อได้ยินว่าหลานสะใภ้จากไปแล้ว “ครับปู่ เธอไปไม่บอกผมสักคำเป็นแบบนี้ได้ยังไง” อชิระขบกรามแน่นแล้วเสียงโทรศัพท์ของเจ้าสัวก็ดังขึ้น “พ่อครับหนูนภาเป็นยังไงบ้างครับ” กวินถามพ่อของเขาหลังจากที่ท่านโทรบอกเขาและเขากับภรรยาก็รีบออกมาจากบริษัทและโทรบอกพ่อแม่ของลูกสะใภ้ “หนูนภาเธอไปดีแล้ว” เจ้าสัวพูดเบาๆตามองหลานชายที่ก้มหน้าไหล่สะท้านจึงตบไหล่เบาๆ “หนูนภาเสียแล้วเหรอครับ” “ใช่,พ่อเพิ่งมาถึงยังไม่ได้คุยกับหมอเลยตอนนี้ก็ให้ทนายไปจัดการเรื่องอุบัติเหตุว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมหนูนภาถึงเกิดอุบัติเหตุได้ แกมาถึงเดี๋ยวค่อยคุยกันนะตาวิน” “ครับพ่อ อีกยี่สิบนาทีผมก็ถึงแล้วครับ” กวินวางสายจากพ่อแล้วมองภรรยาที่น้ำตาไหลเพราะทุกคนต่างก็รักโสภิตนภา “หนูนภาไม่อยู่กับเราจริงเหรอคะคุณพี่”โยสิตาถามสามีเสียงสั่น “พ่อบอกว่าอย่างนั้นนะ ทำใจดีๆไว้นะคุณโย” กวินโอบกอดภรรยาไว้ “หนอมขับระวังหน่อยนะ” “ครับนาย” ถนอมคนขับรถของกวินก็ขับรถอย่างระมัดระวังจนไปถึงโรงพยาบาล ถนอมจอดรถแล้วลงไปเปิดประตูให้เจ้านายทั้งสอง กวินกับโยษิกาลงจากรถทันทีแล้วรถพ่อแม่ของโสภิตนภาก็มาจอดต่อท้ายพอดี “คุณวินคุณโย ยัยนภาเป็นยังไงบ้างคะ” จรินยาถามพ่อแม่ของลูกเขยเสียงสั่นหลังจากได้ทราบข่าวร้ายพวกเขาก็ทิ้งงานมาทันที “คือ..ผมว่าเราเข้าไปดูพร้อมกันดีกว่าครับ” กวินพูดไม่ออกไม่กล้าบอกพ่อแม่ของลูกสะใภ้ “คุณคะฉันใจไม่ดีเลยค่ะ” จรินยาพูดกับสามีเกาะแขนเขาไว้แน่น “ผมว่ายัยนภาไม่เป็นไรมากหรอกคุณริน” ธาริตปลอบภรรยาทั้งที่เขาก็ใจไม่ดีและไม่รู้ว่าลูกสาวเกิดอุบัติเหตุได้ยังไง ทั้งสี่เดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินก็เจอกับเจ้าสัวอนันท์และอชิระนั่งอยู่ “ตากายหนูนภาอยู่ไหนล่ะลูก” จรินยาถามลูกเขยที่เงยหน้ามองเธอตาแดงก่ำทำเอาหัวใจของคนเป็นแม่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม “ตากายอย่าเงียบสิลูก บอกพ่อหน่อยว่ายัยนภาไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย” ธาริตถามลูกเขยเขาไม่ได้คิดไปเองเมื่อเห็นท่าทางของลูกเขยกับเจ้าสัวอนันท์ “เธอไปแล้วครับคุณพ่อ นภาไปแล้วเธอทิ้งพวกเราไปแล้วครับ” อชิระพูดจบแม่ยายของเขาก็เป็นลมล้มพับลงไปดีที่พ่อตาโอบเอวไว้หน้าห้องฉุกเฉินก็วุ่นวายอีกครั้งพยาบาลก็มาดูแลจรินยาที่เป็นลมฝ่ายพ่อของโสภิตนภาก็นิ่งไปตาแดงก่ำไม่ต่างจากทุกคน จากนั้นทุกคนก็กลับบ้านและปรึกษากันว่าจะทำพิธีบำเพ็ญกุศลโสภิตนภาที่วัดไหนเก็บไว้กี่วันจะต้องทำอะไรบ้างแต่ทุกคนยังโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของโสภิตนภา กวินจึงให้เลขาของเขากับเลขาส่วนตัวของลูกชายช่วยเป็นธุระจัดการให้และต้องดีที่สุดสำหรับส่งลูกสะใภ้ของเขาไปสู่สวรรค์ครั้งสุดท้าย เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนหลังจากโสภิตนภาจากไปอชิระก็กลายเป็นคนเงียบขรึมเย็นชาและเขาอยากรู้สาเหตุการเสียชีวิตของภรรยาจึงให้มนัสจัดการเรื่องนี้เพราะตำรวจยังไม่เจอโทรศัพท์ของโศภิตนภา ยิ่งเห็นลูกชายเขาก็ยิ่งทำใจไม่ได้ที่ลูกชายกำพร้าแม่ “ก๊อกๆ ก๊อกๆ” “เชิญ” “คุณกายครับ เจ้าหน้าที่โทรมาบอกว่าได้เบาะแสเรื่องคุณนภาแล้วครับ” มนัสบอกเจ้านายเพราะทางตำรวจเพิ่งจะเจอโทรศัพท์ของโสภิตนภาที่แตกเละถูกโครงเหล็กใต้ท้องรถหักทับไว้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD