ฟาสต์ฟูดน่าตาเป็นอย่างนี้นี่เองผมพูดได้เต็มปากว่าผมไม่เคยมากินข้าวที่ด้านบนนี้ ส่วนใหญ่ก็ร้านอาหารญี่ปุ่น บุฟเฟต์ปิ้งย่างในตอนสมัยที่เขายังเรียนอยู่ปีหนึ่ง เพราะรุ่นพี่นัดให้มากินไม่อย่างนั้นเขาก็แทบจะไม่ได้เข้ามากินอาหารในห้าง
น้ำป่าหยุดยืนมองร้านอาหารที่มีอยู่ติดๆกันหลายๆร้าน มีให้เลือกมากมายตามใจที่เราอยากจะกิน เขาเดินตามน่านฟ้าติดๆ เพราะเขาไม่ถนัดในการสั่งอาหารแบบนี้ ถือว่าเปิดโลกใหม่ให้กับเขาเลยก็ว่าได้
"เฮียป่าอยากกินอะไรคะ" น่านฟ้าถามน้ำป่าทั้งๆที่ตนเองกำลังมองเมนูที่ติดอยู่ที่หน้าร้าน โดยที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าหล่อในตอนนี้ที่กำลังมองเธออยู่อย่างไม่ละสายตา
"น่านฟ้าล่ะ กินร้านนี้เหรอ" น้ำป่าถามออกไปพร้อมกับเลื่อนสายตามองไปที่ป้ายเมนูที่อยู่ด้านบนตรงหน้าของเขา
"เฮียป่าก็เห็นอยู่...ว่าน่านฟ้ายืนอยู่หน้าร้านนี้ จริงไหมคะพี่" ประโยคแรกเธอหันกลับมาวีนคนด้านหลัง ส่วนประโยคถัดมาเธอถามความคิดเห็นพี่เจ้าของร้านที่กำลังยืนยิ้มให้กับเธออยู่ถึงแม้สายตาจะไม่ได้อยู่ที่เธอก็เหอะ
วินาทีนี้น้ำป่าถึงกับหรี่สายตามองคนตรงหน้าไม่รู้ไปโมโหหิวที่ไหนมา
"พี่ค่ะ เอาเส้นเล็กเป็ดหนึ่ง ใส่ทุกอย่างเลยค่ะ...เฮีย! ตกลงกินอะไรคะจะสั่งเองหรือให้น่านฟ้าสั่งให้ค่ะ"
"แป๊ปได้ไหม รอก่อน..." น้ำป่ายังคงตั้งใจอ่านเมนูที่อยู่ตรงหน้าทั้งๆที่มันมีเพียงไม่กี่เมนู
"เฮียย...ป่า" เสียงเข้มที่ดังออกมาทำให้น้ำป่าถึงกับยิ้มออกมาที่มุมปาก
"อ่ะๆ เอาข้าวหน้าเป็ดก็แล้วกัน" ดูเมนูแล้วข้าวหน้าเป็ดน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
"ใส่ทุกอย่างไหม"
"อืม" น่านฟ้าเป็นเงินจ่ายเงินค่าอาหารในมื้อนี้ เพราะเธอเห็นว่าน้ำป่ากำลังหยิบแบงก์เทาออกมาจากกระเป๋าเงิน ทั้งสองยืนรออาหารไม่นานมากนัก ก็เดินมานั่งที่โต๊ะว่างอยู่
"แล้วพี่อเลสซิโอกับพี่ยากุล่ะคะ"
"ไม่ต้องห่วงหรอก คงหาอะไรกินใกล้ๆกันนี่แหละ" สายตาคมมองไปยังคนสนิททั้งสองที่ตอนนี้กำลังเลือกซื้ออาหารหนึ่งคน อีกหนึ่งคนนั่งรอที่โต๊ะไม่ห่างจากโต๊ะน้ำป่ามากนัก
น่านฟ้าพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเริ่มจับตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวร้อนๆมาเป่าก่อนจะเอาเข้าปาก ความร้อนของก๋วยเตี๋ยวทำให้มีควันร้อนออกมาจากชาม แว่นตาที่น่านฟ้าใส่จึงเกิดเป็นฝ้าที่เลนส์พลาสติกจนบังภาพตรงหน้า และตอนนี้น้ำป่าก็กำลังมองเธออยู่ทุกการกระทำ ก่อนจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ดีที่ว่าน้ำป่ายกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ได้ทัน และนั่นทำให้น่านฟ้ามองผ่านเลนส์พลาสติกที่เป็นฝ้าหนา มองหน้าคนที่กำลังหัวเราะเธออยู่จนหน้าดำหน้าแดง
"...จะขำอีกนานไหมคะ ไม่เห็นตลกตรงไหน" ถึงน่านฟ้าจะบ่นแต่มือเธอก็ไม่หยุดที่จะคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวกินต่อ
"เธอรู้ไหม ไม่ว่าผู้หญิงกี่คนที่เฮียเคยเดต ส่วนใหญ่พวกเธอจะสั่งอาหารประเภทสเต็ก สลัด แล้วก็กินแค่คำ หรือสองคำด้วยซ้ำ"
"แต่เราสองคนไม่ได้เดตกันเสียหน่อย แล้ว?...ยังไงต่อคะ" น่านฟ้าเงยหน้าขึ้นมาถามก่อนจะก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวต่อจนเกือบหมดชามในระหว่างที่น้ำป่ายังไม่ได้แตะแม้แต่ช้อน
"แล้ว...มันก็มักจะจบด้วยการกินไวน์แค่แก้วเดียวก็เมาจนไม่ได้สติ บางคนก็ถึงกับหลับเพื่อให้เฮียได้ถึงเนื้อถึงตัวพวกเธอ...รู้อะไรไหมบางทีเฮียก็คิดว่ามันน่าเบื่อ" น้ำป่าไม่ได้แค่พูดแต่มือทั้งสองยื่นไปถอดแว่นตาใหญ่ที่มันแทบจะบังหน้าเธอมิด
"...!!..." ดวงตากลมโตที่ดูโตกว่าเดิมเล็กน้อยด้วยความตกใจก่อนจะรีบก้มใบหน้าลง เพราะเธออายที่เธอไม่ได้มีใบหน้าสวยเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะต่อว่าคนตรงหน้าที่มาเสียมารยาทกับเธอ
"เฮียป่า!! ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะคะ รู้ไหมว่ามันเสียมารยาทมากๆเลยค่ะ" สายตาคมจ้องมองคนที่เอาแต่ก้มหน้า เลยทำให้เขารู้สึกอยากแกล้งเธอขึ้นมา
"...ฉันก็แค่จะเอาแว่นตามาเช็ดให้เอง เอ้าเอาไป! ไม่เช็ดให้แล้วเปลี่ยนใจ" เขาส่งแว่นตาอันใหญ่คืนให้กับน่านฟ้า แต่มีเหรอว่าคนอย่างเขาจะคืนให้เธอง่ายๆ มือแกร่งรั้งข้อมือเล็กของน่านฟ้าเอาไว้ ในขณะที่มือของเธอรับแว่นไปจากมือของเขา
"ยุ่ง!" ถึงแรงที่มีน้อยนิดแต่ด้วยที่น้ำป่าไม่ได้ออกแรงยื้ออะไรมากมาย จึงทำให้น่านฟ้าดึงข้อมือของตัวเองกลับมาได้อย่างง่ายดาย
"เธอลืมไปหรือเปล่าน่านฟ้าว่าเธอเป็นลูกหนี้ฉันนะ" น้ำป่าเอ่ยเสียงเรียบแต่คนฟังกลับหลบสายตาคมก้มมองชามก๋วยเตี๋ยวแล้วคีบเส้นกินต่อ ก่อนจะถามคำถามออกไป
"ค่าาา ค่ะทราบค่ะ เล่าต่อสิคะอยากฟัง"
"ไม่ล่ะ หมดอารมณ์" น้ำป่าเริ่มหยิบช้อนขึ้นมาแล้วเริ่มตักข้าวเข้าปาก
"แล้วทำไมต้องเป็นน่านล่ะคะเฮียป่า" เสียงสดใสถามขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสรรพนามใหม่
"น่านเหรอ...ก็ดีนะฉันชอบเรียกน่านฟ้ามันยาวไป" เขาพูดไปตามที่คิดไม่ได้มีอะไรพิเศษ
"เฮียไม่ได้ฟังที่น่านถามเลย"
"เพราะเธอไม่เหมือนใคร เหตุผลแค่นี้พอไหม" ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หลังจากที่เธอได้ยินคำว่า เธอไม่เหมือนใคร อยู่ๆหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นมา
น้ำป่าลอบมองสีหน้าของคนที่นั่งตรงกันข้ามกัน ใบหน้าที่เริ่มระเรื่อทำให้ชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เดาได้ไม่ยากว่าตอนนี้เธอกำลังเป็นอะไร
"เฮียอิ่มแล้ว ไปเถอะ" ไม่พูดเปล่า เขาดันเก้าอี้ออกเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วหยุดรอเธอเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงนั่งกินอยู่
"อีกคำค่ะเฮีย"
"เดินตามมาให้ทันก็แล้วกัน"
เมื่อน่านฟ้าเห็นว่าน้ำป่าเดินออกไปโดยที่ไม่รอ เธอจึงเริ่มลุกขึ้นแล้วเดินตามไป ระหว่างทางเธอแวะร้านค้าเพื่อซื้อน้ำเปล่าหนึ่งขวดแต่เป็นจังหวะที่ใครบางคนเรียกชื่อเธอดังมาจากด้านหลัง
"น่านฟ้าเหรอ?"
"อ้าวปราย" น่านฟ้าหันไปตามเสียงก็เห็นว่าเป็นเพื่อนเธอที่มีบ้านอยู่ซอยเดียวกัน บ้านห่างกันเพียงหลังเดียวแต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมาย
"เธอมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ"
"อ๋ออ...คือเราไปคุยงานที่บ้านลูกค้าน่ะ หิวก็เลยแวะมากินก๋วยเตี๋ยว" ดวงตากลมรีบมองหาคนที่เดินนำหน้ามา ก่อนจะหายใจโล่งอกเมื่อไม่เห็นเขาอยู่แถวนี้
"นี่!! ฉันถามหน่อยสิ ในซอยเขาลือกันให้แซ่ด พูดกันสนุกปากเลยว่าพ่อเธอหนีหนี้การพนันกาสิโน กาสิโนอะไรน้า..ช่างมันเถอะ แล้วฉันก็ได้ยินมาอีกว่าพ่อเธอยังเอาตัวเธอไปขายเพื่อใช้หนี้แทนอีก...ไม่จริงใช่ไหมน่าน"
"..." น่านฟ้าอดคิดไม่ได้ว่า ทุกอย่างมันเป็นเพราะกาสิโนบ้านั่น หรือจะโทษพ่อเธอดีที่พ่อไม่สามารถเลิกเล่นการพนันได้
"ฉันก็ได้แต่ฟังๆพวกผู้ใหญ่คุยกัน แต่ฉันก็แก้ตัวให้น่านนะ บอกว่าคนอย่างน่านไม่ขายตัวเพื่อใช้หนี้พนันหรอก เสียศักดิ์ศรีแย่"
ปรายพูดเสียงเรียบๆพลางปรายตามองน่านฟ้าที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดโต้ตอบอะไร จังหวะที่ปรายกำลังจะอ้าปากพ่นคำพูดแย่ๆออกมาอีก เสียงเข้มอันทรงพลังก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของปรายฟ้า ก่อนจะเดินมาหยุดยืนเคียงข้างกับน่านฟ้าพร้อมกับจ้องมองไปที่ปรายที่ยังไงทำหน้าตาไม่รู้ร้อนอะไร
"น่านฟ้า! คุณมายืนทำอะไรตรงนี้ครับ"
"ใครเหรอน่าน" ปรายถามพร้อมกับมองน้ำป่าตาไม่กะพริบ
"เอ่อ คือ...ลูกค้าที่เราบอกไง คุณน้ำป่ามาเดินห้างเหมือนกันเหรอคะ" '...ได้โปรด ขอร้องล่ะ อย่าพูดอะไรนะ ขอร้อง...' น่านฟ้าได้แต่ภาวนาในใจอย่าให้น้ำป่าพูดอะไรที่เกี่ยวกับตนเองออกไปให้เพื่อนเธอได้ยิน หรือได้รู้เลยไม่อย่างนั้นเรื่องของเธอคงจะดังว่อนในบอร์ดมหาลัยอย่างแน่นอน
"คุณน้ำป่าเหรอคะ ดิฉันปรายนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"
"เช่นกันครับ"
ปรายแนะนำตัวทันทีโดยที่ไม่รอให้น่านฟ้าแนะนำ พลางส่งสายตาอย่างไม่ปิดบังว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่