3. บังเอิญหรือตั้งใจ

2089 Words
หลังจากฉันและพ่อแฟนเก่าตัวดีของฉันกินอาหารค่ำด้วยกันเสร็จแล้ว พวกเราจึงเดินออกมาที่หน้าร้าน และเขาจึงอาสาไปส่งฉันที่คอนโด "แก้มพักที่ไหนอะ เดี๋ยวป๊อบไปส่ง" ป๊อบเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว "อ๋อ...แก้มกลับเองได้ ไม่เป็นไร" "เราแยกกันตรงนี้ดีกว่าเนอะ" ฉันยิ้มแห้ง ๆ ออกไปก่อนจะกดมือถือเข้าแอปเรียกรถ "แก้ม...ให้ป๊อบชดเชยสิ่งที่ป๊อบทำผิดพลาดไปนะ" สายตาของเขาดูอ้อนวอนจนฉันที่กำลังกดเข้าแอปเรียกรถชะงักไป ฉันจึงเผลอตอบตกลงไปทันที "ก็ได้ ๆ แก้มอยู่คอนโด Skyline Enclave น่ะ" ฉันบอกที่อยู่กับเขาไปจนเขาเริ่มยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง "งั้น...เราไปกันเถอะ" เขาพูดขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูข้างคนขับให้ฉันและปิดลงเมื่อฉันเข้าไปนั่งแล้ว ก่อนจะเดินอ้อมขึ้นไปนั่งที่คนขับ ฉันนั่งมองวิวข้างทางอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่เขาจะถามอะไรบางอย่างขึ้น "ทามะยังสบายดีอยู่ไหม..." ทามะ แมวที่เราทั้งคู่เลี้ยงมาด้วยกัน ฉันคิดว่าเขาจะลืมมันไปซะแล้ว "อ...อ๋อ มันก็นอนอ้วน ๆ อยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ ป๊อบไม่ต้องห่วงหรอก แก้มเลี้ยงมันอย่างดีตลอดนั่นแหละ" ฉันพูดออกไปแบบตะกุกตะกักและหันหน้ากลับไปมองวิวข้างทางอีกครั้งอย่างทำตัวไม่ถูก เขาเลี้ยวรถเข้าไปที่คอนโด Skyline Enclave เมื่อถึงที่หมาย ก่อนฉันจะปลดเข็มขัดนิรภัยและบอกลาเขา "ป๊อบส่งแก้มตรงนี้ก็ได้...ขอบคุณนะที่มาส่ง" ฉันรีบตัดบททันทีและมองเขาพลางยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปยังในอาคาร "คอนโด Skyline Enclave เหรอ..." ป๊อบพึมพำออกมาเบา ๆ หลังจากที่แก้มลงจากรถไปแล้ว ก่อนจะกดเบอร์โทรที่ติดอยู่ตรงกระจกหน้าคอนโด และกรอกเสียงลงไป "ฮัลโหลครับ...คอนโด Skyline Enclave ใช่ไหมครับ คือผมสนใจซื้อห้องน่ะครับ พอจะมีห้องว่างหรือเปล่า" ทันทีที่ผมเหลือบไปเห็นเบอร์โทรของคอนโดที่เธออาศัยอยู่ติดอยู่ตรงกระจกประตูหน้าล็อบบี้ของคอนโด ผมก็ไม่รู้สึกลังเลที่จะโทรไปจองห้องอีกต่อไป...มันเป็นความรู้สึกที่ใจเต้นตุบ ๆ คราวนี้ผมจะต้องอยู่ใกล้ ๆ เธอให้ได้มากที่สุด หลังจากที่ห่างจากเธอไปนาน เพื่อที่จะทลายกำแพงในใจของเธอจนผมสามารถเดินเข้าไปง่าย ๆ อีกครั้ง "มีค่ะ...ตอนนี้พอมีห้องว่างอยู่หนึ่งห้องพอดี ลูกค้าสนใจเป็นห้อง 652 ไหมคะ..." เสียงพนักงานต้อนรับของคอนโดนี้ดังออกมาจากโทรศัพท์ "ห้อง 652 เหรอ..." ผมพึมพำออกมาก่อนจะมองขึ้นไปที่ด้านบนของคอนโด พบว่าเธอกำลังเดินออกมาล้างจานอยู่บนชั้น 5 ที่ดูเหมือนจะเป็นเฟส 3 ที่อยู่ตรงข้ามเฟส 6 ที่ผมกำลังจะย้ายเข้าไปอยู่พอดี ผมจึงตอบตกลงไปทันทีอย่างไม่ลังเล “โอเคครับ ย้ายเข้าได้วันไหนเหรอครับ” ผมถามออกไปทันที “พรุ่งนี้ย้ายเข้าได้เลยค่ะ” เสียงจากปลายสายดังขึ้น ผมจึงยิ้มออกมาอย่างมีความหมายพลางมองร่างเล็กที่กำลังล้างจานอยู่ที่ระเบียงหลังห้องด้วยรอยยิ้ม “ได้ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปเซ็นสัญญาเช่า-ซื้อและย้ายเข้าช่วงเช้านะครับ” ผมตอบออกไปและปลายสายก็ตอบตกลงก่อนที่จะวางสายไป “แก้ม...เราจะได้เจอกันทุกวันแล้วนะ” ผมพึมพำออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะปลดเกียร์ว่างและหักพวงมาลัยกลับรถออกไปยังที่พักทันที การจราจรตอนเย็นหลังเลิกงานที่ติดขัด ทำให้ผมต้องติดอยู่ในรถเป็นระยะเวลานาน ผมไม่รู้ว่าผมยิ้มกว้างโดยที่ไม่หุบยิ้มอยู่แบบนี้ไปนานเท่าไหร่แล้ว วันนี้...ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะเป็นใจไปหมด ทั้งผมได้กลับมาเจอเธออีกครั้ง และที่คอนโดที่เธออยู่มีห้องว่างเหลืออยู่พอดิบพอดี ผมกลับมาถึงคอนโดที่ผมมาอาศัยอยู่ชั่วคราวและทิ้งตัวลงบนเตียง นอนมองเพดานด้วยรอยยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องย้ายข้าวของไปอยู่ที่คอนโดเดียวกันกับเธอ “ไม่ได้แล้ว ต้องรีบ” ผมพูดขึ้นเพื่อดึงสติให้ผมดีดตัวลุกขึ้นไปเก็บของให้เรียบร้อย จังหวะนี้ผมไม่สนใจแล้วว่าจะไม่ได้ค่ามัดจำที่คอนโดที่ผมอยู่คืน ผมสนใจแค่...ผมต้องย้ายไปอยู่ใกล้ ๆ เธอให้เร็วที่สุด “ทักแชตบอก HR ดีกว่า...” ผมพึมพำออกมาและยกโทรศัพท์กดเข้าไปที่ห้องแชตของ HR “พรุ่งนี้ผมขอเริ่มงานช่วงบ่ายนะครับ...พอดีว่ามีธุระที่ต้องจัดการน่ะครับ” ผมกดส่งข้อความและส่งสติ๊กเกอร์หมีสีน้ำตาลยืนโค้งคำนับไป จึงรีบไปเก็บกวาดข้าวของให้รวมอยู่ที่มุมห้องเรียบร้อยและลงไปแจ้งย้ายออกกับนิติคอนโดทันที...และนิติคอนโดเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ผมจะไม่ได้ส่วนของเงินมัดจำที่ผมจ่ายไปแค่นั้นเอง...ซึ่งผมก็ยินดี คืนนี้ผมนอนหลับไปด้วยรอยยิ้มและหลับสนิทตลอดทั้งคืน ก่อนที่แสงแรกขอวันจะสอดส่องเข้ามายังช่องว่างของผ้าม่าน ตามด้วยเสียงนาฬิกาปลุก “ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด...” เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัวและจัดการธุระของผมในเช้านี้ ก่อนที่จะถึงตอนบ่ายที่ผมต้องเข้าออฟฟิศ และเวลาก็ดำเนินมาถึงช่วงบ่าย...หลังจากที่ผมได้จัดการธุระอันแสนยุ่งเหยิงในตอนเช้า ผมก็ย้ายตัวเองมานั่งในออฟฟิศที่ผมต้องมาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแผนกไอทีเป็นวันแรกอย่างเป็นทางการ ผมรีบเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาทำงานของตัวเองทันที และก็ได้ยินเสียงจากทางด้านหลังดังขึ้น “สวัสดีคร้าบลูกพี่...” นี่คงเป็นเสียงของไผ่...พนักงานที่นี่ ผมจึงหันไปมองเขาด้วยสีหน้างง ๆ “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมตอบแบบยิ้ม ๆ และหันไปมองเขาทางด้านหลัง “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่แวะมาทักทายหัวหน้าแผนกคนใหม่...ผมขอตีสนิทพี่ได้ป่ะ เราจะได้สนิทกันเร็ว ๆ ไง” ไผ่พูดขึ้นด้วยท่าทีที่ดูกวน ๆ แต่ผมก็ไม่ได้ถือสาอะไร “เฮ้ย ได้ดิ” ผมตอบไผ่ออกไปด้วยน้ำเสียงทึ่ดูเป็นมิตรและสนิทสนม ก่อนที่ไผ่จะยื่นมือมาตรงหน้าและผมก็จับมือเขากลับทันทีพลางเขย่าไปมา ด้วยความรู้สึกถูกชะตา “จริงดิพี่ ผมดีใจว่ะ” “ผมไปทำงานก่อนนะพี่ เดี๋ยวเลิกงานผมมาคุยเล่นด้วย” ไผ่ทิ้งคำพูดไว้กลางอากาศก่อนที่จะก้าวไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเขา และผมไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพียงแต่หัวเราะหึในลำคอเบา ๆ พลางส่ายหัวอย่างรู้สึกตลกในพฤติกรรมของไผ่ และหันกลับไปสนใจกับงานที่อยู่ตรงหน้าผมต่อ ในห้องแผนกการตลาด... “เจ๊ ๆ ” เสียงกระซิบของแก้มใสดังขึ้นที่ข้างหูของเจ๊กุ๊ก “อะไรอีกละยัยแก้ม” เจ๊กุ๊กตอบออกมาด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ที่ถูกขัดจังหวะตอนทำงาน “ก็หัวหน้าแผนกไอทีคนใหม่อะ วันนี้เขาลาเหรอเจ๊...เพิ่งมาวันแรกก็ลาซะแล้ว” ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดเหน็บป๊อบออกไป “ทำไมอะ เขาก็คงมีธุระของเขาแหละมั้ง” เจ๊กุ๊กตอบออกมาด้วยแววตาที่เป็นประกาย “หรือว่าแกจะ...” เจ๊กุ๊กหันมาแซวฉันกลับทันที “โอ้ยเจ๊ วันนี้ใครสิงเจ๊เนี่ย เมาท์ไม่สนุกเลยอะ” ฉันพูดเปลี่ยนเรื่องออกมาด้วยน้ำเสียงเอื่อย ๆ “ก็...เขาหล่ออะ ฉันเมาท์ไม่ลงหรอก” “เดี๋ยวมันจะขัดกับอุดมการณ์ของฉัน...ไม่เมาท์คนหล่อหรอกค่า” แหม สองมาตรฐานจังนะเจ๊ (ฉันคิดในใจ) ฉันและเจ๊กุ๊กนั่งทำงานต่อจนหลังขดหลังแข็ง...และเวลาที่รอคอยก็มาถึง ตอนนี้อยู่ในช่วงเลิกงานแล้ว "ยัยแก้ม ๆ เลิกงานแล้ว" เจ๊กุ๊กเรียกฉันเบา ๆ พร้อมกับสะกิดที่แขนฉัน เมื่อเห็นฉันนั่งทำงานที่ยังเหลืออยู่ "เจ๊...หนูยังทำงานไม่เสร็จเลยอะ พรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้วด้วย หนูไม่อยากมาทำงานวันหยุดนี่นา" ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงงอแงและท่าทางที่อิดออด ก่อนจะจำใจหันไปจ้องที่หน้าจอคอมฯ อีกครั้ง "เออ ๆ ตามใจแกแล้วกัน ฉันกลับก่อนนะ" เจ๊กุ๊กพูดและโบกมือลาฉัน และฉันไม่ได้ตอบอะไรเจ๊แกออกไปเพียงแต่พยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับ ฉันนั่งทำงานอยู่ในห้องแผนกการตลาดจนแล้วจนเล่า และคนในออฟฟิศก็เริ่มลดน้อยลง มีเพียงแค่ฉันที่นั่งอยู่หน้าจอคอมฯ เพียงคนเดียว และแล้ว...เสียงคุ้น ๆ ของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น... "แก้ม...แก้มยังไม่กลับเหรอ" ใช่แล้วล่ะ...เสียงของป๊อบจริง ๆ ด้วย ฉันได้ยินดังนั้นจึงหลับตาลงและเอามือกุมหัวพลางผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ "นี่แก้มไม่สบายเหรอ...ให้เราไปหาหมอไหม" เขารีบเสนอตัวขึ้นมาทันทีด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วง "ไม่ต้อง ๆ แก้มไม่เป็นไรแล้ว" "ว่าแต่...นี่ก็เย็นมากแล้ว ทำไมป๊อบยังไม่กลับอีกเหรอ" ฉันถามเขาขึ้นมาอย่างสงสัย เพราะตอนนี้ทั้งออฟฟิศมีแค่เราเพียงสองคน "อ๋อ...ก็เมื่อเช้าป๊อบลาไปทำธุระนิดหน่อย เพิ่งได้มาทำงานอีกทีก็ตอนบ่ายเลย งานเลยเสร็จช้าน่ะ" ป๊อบอธิบายออกมาให้ฉันฟัง "แต่ตอนนี้ ป๊อบทำงานเสร็จแล้วนะ" "ให้ป๊อบนั่งเป็นเพื่อนก่อนไหม..." เขารีบเสนอตัวทันที และลากเก้าอี้จากโต๊ะเจ๊กุ๊กมานั่งที่ข้าง ๆ ฉันโดยไม่รอคำตอบ ฉันเห็นดังนั้นจึงปล่อยให้เขานั่งไป แต่ก็ไม่วายจะสัมผัสได้ถึงแววตาของเขาที่นั่งมองฉันอย่างไม่รู้สึกเบื่อจนฉันทำงานเสร็จ "เฮ้อ..." ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะบิดตัวซ้ายขวาเพราะรู้สึกเมื่อยจากการนั่งนาน ๆ แต่ทันใดนั้นเอง...ใบหน้าของฉันที่หันไปข้าง ๆ ก็กลับไปชนกับแก้มของเขาอย่างจัง และใบหน้าของป๊อบดูเหมือนจะมีรอยยิ้มประดับอยู่นิด ๆ ฉันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปมองที่จอคอมฯ เพื่อซ่อนใบหน้าที่กำลังจะขึ้นสีระเรื่อ "อืม...แก้มรีบปิดคอมฯ ดีกว่า จะได้รีบกลับ" ฉันเลื่อนเมาส์ไปคลิกปุ่มปิดเครื่องที่ตรงซ้ายล่างของหน้าจออย่างลุกลี้ลุกลน ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น "แก้มกลับยังไงอะ ให้ป๊อบไปส่งไหม" ประโยคนี้เหมือนจะเป็นประโยคคำถาม แต่เขากลับไม่รีรอคำตอบจากฉัน เขายื่นมือมาจับมือฉันทันทีและพาฉันลุกขึ้นเดินไปยังลิฟต์ลงไปที่ชั้นลานจอดรถ และฉันที่อยู่ในอาการเขินเมื่อครู่ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จะปฏิเสธก็พูดไม่ทันแล้ว...แต่ถ้าจะตอบตกลงก็ดูจะใจง่ายเกินไป แม้ฉันจะไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่ฉันก็ยอมทำตามเขาแต่โดยดี ตอนนี้เราอยู่ในรถด้วยกัน มีเพียงเสียงเพลงเบา ๆ และลมหายใจของเราทั้งคู่ดังอยู่ในรถตลอดทางจนถึงที่หน้าคอนโดของฉัน ฉันจึงปลดเข็มขัดนิรภัยและเปิดประตูเดินลงรถไป "ขอบคุณนะป๊อบที่มาส่งแก้ม" ฉันโบกมือให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์ตรงชั้นล็อบบี้ โดยไม่ทันสังเกตว่าเขาเลี้ยวรถเข้าไปยังลานจอดรถที่อีกฝั่งของอาคารที่ฉันอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD