07

2783 Words
งานวันเทศกาลซุนเจี๋ย เป็นงานที่ทุกคนต้องเฝ้าคืนข้ามปี ทั้งยังต้องทานอาหารในคืนข้ามปีที่เรียกว่า เหนียนเย่ฟั่น หลี่อี้เหยาในชุดสีแดง ขาว ใบหน้างดงามสะคราญโฉมมีแต่รอยยิ้มประดับ นางเดินมาถึงก็คุกเข่าลงตรงหน้าท่านพ่อท่านแม่ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน “ยาซุ่ยเฉียนของลูกเล่าเจ้าคะ” ท่าทางเช่นนี้ก็เป็นเหมือนทุกปี ในปีแรกของหลี่อี้เหยาหลังจากกลับมา นางสูญเสียตัวตนในวัยเยาว์ไปจนหมดสิ้น ก่อนจะคิดได้ว่าช่วงเวลาก่อนแต่งงาน นางจะแสร้งเป็นเด็กน้อยช่างอ้อนก็ไม่มีผู้ใดกล้าว่า หรือตำหนินาง เช่นนั้นนางก็ควรจะเป็นเด็กน้อย และท่าทางเช่นนี้ของนาง ทำให้ท่านพ่อ ท่านแม่หัวเราะ และยิ้มออกมาอย่างสบายใจ “เจ้าโตขนาดนี้แล้ว ยังขี้อ้อนมาขอยาซุ่ยเฉียนจากแม่อีกหรือ” “โตกว่านี้ถ้าขอได้ก็จะขอท่านพ่อ ท่านแม่ไปทุกปีเลยเจ้าค่ะ” หลี่อี้เหยากล่าวก่อนท่านแม่จะหยิบถุงยาซุ่ยเฉียนใบโตออกมาจากแขนเสื้อของนาง หลี่อี้เหยายิ้มกว้างก่อนจะโผเข้ากอดท่านแม่พลางส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย “เจ้าลำเอียงนัก อาเฟยยังไม่ได้มากเท่าเหยาเอ๋อร์เลย” ท่านแม่ทัพเซวียหัวเราะ ความลำเอียงของฮูหยินเขาช่างเป็นที่หนึ่งเสียจริง ถุงยาซุ่ยเฉียนของบุตรชายอันเล็กนิดเดียว แต่ของบุตรสาวกลับหนาอ้วนใหญ่ และหนักมากทีเดียว ยังไม่รวมกับรายได้ต่อเดือนของนางอีก หลี่อี้เหยาน้อยของเขาช่างร่ำรวยนัก “เฟยเกอเอ๋อร์ร่ำรวยอยู่แล้ว จะต้องพึ่งพาแม่ทำไมอีก” ฮูหยินจิ่งกล่าว หลี่อี้เหยาที่ลืมไปเสียสนิทว่าเขาก็อยู่ด้วย นางพยายามไม่สนใจ แต่พอหันไปกลับเห็นเซวียเหลียงเฟยนั่งมองนางอยู่ตาไม่กะพริบ นางไม่กล้าสบตาของเขาจึงทำเพียงหลบตาของเขาเท่านั้น “แล้วท่านพ่อเล่าเจ้าคะ” หลี่อี้เหยาหันไปทักท้วงกับท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพยิ้มหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะลูบศีรษะหลี่อี้เหยาอย่างแผ่วเบา “พ่อให้หีบผ้ากับเครื่องประดับเจ้าแล้ว อยู่ที่ท่านแม่ของเจ้า” ท่านแม่ทัพกล่าว ครั้นจะให้เงินทองบุตรสาวนางก็มีมากแล้ว แต่สินสงครามจำพวกผ้าไหม เครื่องประดับที่เขามีก็นับว่าไม่น้อย หลี่อี้เหยายิ้มอย่างยินดีก่อนจะทำการคำนับท่านพ่อท่านแม่อย่างเรียบร้อย “มาทานข้าวเถอะลูก” ค่ำคืนที่ต้องเฝ้าปีหลี่อี้เหยาไม่ได้อยู่เฝ้า เพราะยามเหมานางต้องตื่นแต่เช้า หลี่อี้เหยายืนมองพลุที่กำลังเปล่งประกายมีเสียงดัง และแสงสีอยู่บนท้องฟ้า สองมือของนางขึ้นพนมกันที่ระหว่างอกก่อนจะขอพรออกมาอย่างมีเสียง ค่ำคืนนี้อาจูได้รับอนุญาตให้ไปพักผ่อน กินเลี้ยงกับกลุ่มสาวใช้ ในสวนที่แสนเงียบสงบจึงมีแต่หลี่อี้เหยาเท่านั้น “ขอให้ท่านพ่อ ท่านแม่แข็งแรง มีสุขภาพดี ขอให้ตระกูลเซวียแห่งนี้มีแต่เรื่องดีๆ ไม่มีทุกข์ ไม่ประสบโชคร้ายอีกตลอดไป และขอให้พี่ชายมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ มีสตรีอันเป็นที่รัก และขอให้ข้าได้พบทางที่สุขสงบของตนเองด้วยเถิด” หลี่อี้เหยากล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา นางเพียงยิ้มกับท้องฟ้าที่สว่างสดใสด้วยแสงพลุ และหมู่ดาว สำหรับนางคำอธิษฐานนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่นางต้องการแล้ว ก่อนจะเดินกลับเรือนไปนอน เพราะอย่างไรพรุ่งนี้นางต้องตื่นเช้า เซวียเหลียงเฟยที่ติดตามนางมาเงียบๆ ก็พลันได้ยินคำอธิษฐานของนางทั้งหมด ตั้งแต่เข้าเมืองมาเขาก็เห็นดรุณีน้อยที่เติบโตขึ้นมา รูปโฉมของนางงดงามจับตา ไม่ว่าผู้ใดเห็นก็ต่างจ้องมองที่นางมาทั้งนั้น มีเพียงนางที่ไม่มองผู้ใด มีเพียงแต่รอท่านพ่อ และหลงลืมผู้อื่นจนหมดสิ้น นางเหมือนบุตรสาวตระกูลเซวียมากกว่าบุตรชายอย่างเขาเสียอีก ท่าทีของนางเปลี่ยนไปมาก ไม่ได้ร้ายกาจ เอาแต่ใจ และไล่ตามเขาเหมือนยังเยาว์วัย คราแรกเขาคิดว่านางเพียงเรียกร้องถามหาความสนใจ แต่ความเป็นจริงผ่านมาถึงสองปี นางก็ยังเป็นเช่นเดิม เป็นลูกที่ช่างออดอ้อนท่านพ่อ ท่านแม่ กริยาการวางตัวของนางดีนัก นางถึงขั้นมีบุรุษมาชอบพอ ทั้งยังเปิดเผยตัวเองต่อหน้าท่านพ่อ เกรงว่าต้องการให้ผู้ใหญ่รับทราบ เรื่องราวของความรัก บางทีก็ไม่ต้องถามหาความต้องการของสตรีนัก เพียงฝ่ายพ่อแม่ของสตรีอนุญาต การแต่งงาน การหมั้นหมายก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก ที่สำคัญเมื่อครู่สิ่งที่นางขอพร… นางคิดถึงท่านพ่อท่านแม่ ตระกูลเซวียเป็นหลัก และขอพรให้กับตัวเองเป็นคนสุดท้าย …จะกล่าวว่าแปลกประหลาดก็ไม่ถูกต้องนัก นางเป็นบุตรสาวบุญธรรม การแสดงออกถึงความกตัญญูไม่แปลก แต่ทว่า… นางอายุเพียงเท่านี้ ท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่ได้ใจร้ายกับนาง ทุกคนล้วนดีต่อนาง แต่เหตุใดนางถึงได้ดูโศกเศร้าเช่นนี้ ทั้งที่เป็นวันดีโดยแท้ “คุณชายจะหยุดอยู่ตรงนี้นานหรือไม่ขอรับ” ฟ่านเหอกล่าว เซวียเหลียงเฟยถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตนเอง “พรุ่งนี้นางจะไปที่ใดกัน” “ก็ต้องกลับจวนตระกูลหลี่สิขอรับ คุณหนูหลี่กลับบ้านเดิมทุกเทศกาลซุนเจี๋ยขอรับ” “เช่นนั้นพรุ่งนี้ปลุกข้าด้วย ข้าจะไปกับนาง” “อะ อ่าว ขอรับคุณชาย” หลี่อี้เหยาตื่นเช้ามืดในชุดสีขาว นางมีชุดคลุมกันลมสีแดง เพราะเป็นวันมงคลจะสวมใส่แต่ชุดสีขาวคงไม่เหมาะ นางแต่งกายสวมใส่เครื่องประดับงดงาม แต่ใบหน้ากลับแฝงไว้ด้วยความทุกข์ตรม การกลับบ้านตระกูลหลี่สำหรับนางเป็นเหมือนนรกที่ยังมีชีวิต ทุกปีนางจำเป็นจะต้องกลับไปเพื่อสักการะป้ายวิญญาณของท่านพ่อ ท่านแม่ผู้ให้กำเนิดนาง “เจ้าเตรียมเงินไว้แล้วใช่หรือไม่ อาจู” “เตรียมไว้แล้วเจ้าค่ะ คุณหนู หากท่านไม่อยากกลับ เราไม่ไปก็ได้นี่เจ้าคะ” อาจูกล่าวด้วยความเป็นห่วง การกลับไปแต่ละครั้ง คุณหนูจะต้องเจอเรื่องราวอะไรบ้าง ชั่วชีวิตนี้ก็คงมีเพียงนางที่ทราบดีเท่านั้น คุณหนูไม่ยอมให้นางเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง อดทนมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก ความทุกข์นี้มีเพียงแค่นางกับคุณหนูเท่านั้นที่เข้าใจ หลี่อี้เหยาขึ้นรถม้าเดินทางมายังนอกเมืองไม่ไกลจากเมืองมากนัก เรือนที่อยู่นอกเมืองเป็นจวนหลังเล็กที่เขียนป้ายเก่าว่าตระกูลหลี่ ท่านป้าสะใภ้และพี่สาวกำลังยืนรอนางหน้าจวนด้วยสีหน้าที่อิจฉาริษยาที่ปกปิดไม่มิด หลี่อี้เหยาถอนหายใจ นางไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ไม่ใช่ว่านางไม่อยากแสดงออกด้านร้ายกาจกับพวกเขา แต่เพราะพวกเขาเป็นญาติที่เหลืออยู่เพียงกลุ่มเดียวในโลกใบนี้ ยิ่งนางผ่านมาหนึ่งชีวิตแล้ว อะไรที่พวกเขาทำผิดพลาดไป …นางก็อยากให้อภัยพวกเขา เหมือนที่นางอยากได้รับการให้อภัยจากคนอื่นบ้าง “มาแล้วหรืออี้เหยา พวกเราคิดถึงเจ้ายิ่งนัก” ท่านป้าสะใภ้กล่าว ส่วนพี่สาวกลับมองชุดของนางด้วยความอิจฉาริษยา หลี่อี้เหยาถอดผ้าคลุมกันลมสีแดงออกไปแล้ว จึงเหลือเพียงชุดสีขาวเท่านั้น ความจริงไม่เพียงสวมใส่มาเพื่อมาสักการะเคารพป้ายวิญญาณบรรพบุรุษตระกูลหลี่เท่านั้น นางสวมใส่สีขาวเพื่อไม่ให้พวกเขาทำอะไรกับนางรุนแรงจนเกินไปนัก ส่วนเครื่องประดับก็เลือกที่ราคาแพงล้ำค่าเข้าชุด เพื่อไม่ให้พี่สาวผู้นี้ฉกฉวยแย่งชิงของของนางไป “เจ้าเอาเงินมาหรือไม่อี้เหยา” หลี่ชุนถามนาง พลางกระชากนางลงจากรถม้าให้รวดเร็วทันใจนาง หลี่อี้เหยา… ทั้งที่นางกับหลี่อี้เหยาก็ไม่ได้ไกลห่างกัน ฐานะก็ใกล้เคียงกัน แต่หลี่อี้เหยากลับได้ดีอยู่ในตระกูลแม่ทัพเซวีย เป็นคุณหนูที่ได้รับการสั่งสอน ฝึกฝนมารยาท ทำตัวสูงส่งเหนือผู้อื่น ทั้งที่เป็นแค่ลูกกำพร้าผู้หนึ่งเท่านั้น หลี่ชุนเห็นน้องสาวก็พลันอิจฉาริษยา ในขณะที่นางมีเพียงเสื้อผ้าธรรมดา เครื่องประดับน้อยชิ้น แต่หลี่อี้เหยากลับมีเสื้อผ้าอย่างดี เครื่องประดับราคาแพง “ข้านำมาไม่มาก ข้าไม่ได้รับเงินเยอะแยะนัก พวกท่านก็ทราบ” “ทราบอะไร เจ้าคิดจะยักยอกเก็บเงินไว้เองใช่หรือไม่ อย่าลืมนะว่าพวกเราดูแลป้ายวิญญาณพ่อแม่เจ้า ต้องเหนื่อยยากขนาดไหน" หลี่ชุนกล่าว แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกนางทั้งครอบครัวทำงานทำการเสียที่ไหน อาศัยเงินจากหลี่อี้เหยาทั้งปีเพื่ออยู่อาศัย จนเมื่อเดือนก่อนเงินก็หมดไปแล้วจนต้องอดมื้อกินมื้อเพื่อรอวันนี้ อาจูรีบนำถุงเงินมอบให้ป้าสะใภ้ทันที “อยากเข้าไปเยี่ยมก็เข้าไปสิ ท่านลุงเจ้าก็อยู่" ท่านป้าสะใภ้กล่าวก่อนจะพากันไปนั่งนับเงินกับลูกสาวของตนเอง หลี่อี้เหยาเดินเข้าไปในเรือนที่เสื่อมโทรมไม่น้อย กลิ่นเหม็นเหล้าสุราจนปวดศีรษะไปหมด ไม่ใช่นางไม่อยากพาท่านพ่อท่านแม่และบรรพบุรุษออกจากสถานที่แห่งนี้ แต่นางไม่ได้เก่งกาจ ไม่มีเงินทองมากมาย ไม่ได้รู้จักวิธีทำการค้า หาเงินทอง เฉลียวฉลาดเหมือนหลี่อีอี เงินที่ได้มาล้วนเป็นเงินที่ท่านพ่อท่านแม่ให้รายเดือน และเงินยาซุ่ยเฉียนเท่านั้น แต่นางก็ต้องแบ่งมาที่นี่เพื่อเอาเงินให้พวกเขา ห้องบรรพบุรุษสกปรกมีฝุ่นเกาะหนา “อาจูเจ้าเหนื่อยหน่อยนะ” หลี่อี้เหยากล่าว อาจูพยักหน้า เป็นหน้าที่ของทั้งเจ้านาย และข้ารับใช้ทุกปี อาจูเดินไปตักน้ำ พร้อมกับหาผ้าสะอาดมาให้หลี่อี้เหยา นางหยิบไม้กวาดกวาดลานเรือนบรรพบุรุษ นำใบไม้เก่าไปทิ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะเข้ามาเช็ดป้ายวิญญาณบรรพบุรุษ ทั้งยังนำกำยานหอมมาจุดเพื่อให้ห้องหับมีกลิ่นหอมสะอาด เซวียเหลียงเฟยที่กำลังมองจากด้านบนอีกฝั่งหนึ่งของเรือน เขาแอบตามหลี่อี้เหยามาตลอดทางจึงได้เห็นเหตุการณ์หลายอย่าง ที่แท้นางการที่นางใช้เงินเกินตัวจนเยอะที่ท่านแม่เคยออกปากบ่นครั้งหนึ่งก็คงเป็นเพราะสิ่งนี้นี่เอง หลี่อี้เหยาทำความสะอาดจนเหนื่อยอ่อนทั้งเจ้านาย และข้ารับใช้ อาหารเช้าที่ได้ทานร่วมกันก็เป็นเพียงหมั่นโถวกับน้ำเปล่าเท่านั้น “พวกเจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ให้เงินมาหรือยัง” ท่านลุงของหลี่อี้เหยากล่าว เขาเป็นพี่ชายของท่านพ่อนาง เดิมทีนางควรจะต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวนี้ แต่ท่านแม่ทัพเซวียไม่อยากให้หลี่อี้เหยาลำบาก จึงได้รับนางมาอยู่ด้วยแทน เพราะท่านลุงผู้นี้ของนางไม่ใช่คนดีนัก อีกทั้งเขาเคยถูกขับออกจากตระกูลหลี่ไปแล้ว จนกระทั่งทุกคนตายหมด เขาถึงได้กลับมาตระกูลหลี่อีกครั้ง เพื่อเรียกร้องทรัพย์สินที่เขาอยากได้ “ข้าให้เงินท่านป้าไปแล้วเจ้าค่ะ” เพี้ย! “นางเด็กโง่ ไปให้เงินอีแก่นั่นหมด ข้าก็ไม่เหลือเงินไปซื้อเหล้าสิว่ะ” ท่านลุงของหลี่อี้เหยาที่มีนามว่าหลี่เฉียงตบหน้าของนางอย่างแรงจนล้มกับพื้น หลี่อี้เหยาน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด นางหยิบถุงเงินอีกอันหนึ่งให้กับท่านลุงของนางทันที นางไม่อยากจะเป็นคนอ่อนแอ แต่สู้ไปก็เท่านั้น นางเคยขัดขืน แต่ท่านลุงผู้นี้เผาจวนแห่งนี้ ทั้งยังทำลายป้ายวิญญาณบรรพบุรุษจนหมด “ข้ามีให้ท่านแยกเจ้าค่ะ” “ดีมาก แล้วเจ้าจับคุณชายใหญ่ได้หรือยัง อย่าโง่ปล่อยให้หลุดมือไปเชียวนะ หน้าตาก็งดงามเช่นนี้ ต้องทำให้สำเร็จเข้าใจหรือไม่” ท่านลุงกล่าวพลางจ้องมองใบหน้าหลี่อี้เหยาด้วยความรู้สึกเสน่หาอย่างแปลกประหลาด หลานสาวคนนี้หน้าตางดงามเหมือนมารดาของนางไม่มีผิด ยิ่งมองก็ยิ่งงาม แต่ติดที่ว่านางเป็นหลานสาว หากไม่ใช่หลานสาวเขาคงไม่ปล่อยให้นางอยู่รอดอย่างแน่นอน “ขะ ข้าจะพยายามเจ้าค่ะ” “นี่ข้ามียาเจ้าเอาหรือไม่ อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้วนี่ วางยาคุณชายใหญ่เสีย จากนั้นเจ้าก็จะได้เป็นฮูหยินน้อยตระกูลเซวีย เจ้าไม่อยากร่ำรวย มีอำนาจ มีเกียรติหรือ คุณชายเซวียน่ะ วันหน้าจะต้องได้เป็นขุนนางใหญ่โต” “มะ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านลุง” “ปีหน้าข้าต้องเห็นเจ้าเป็นฮูหยินน้อยตระกูลเซวียเข้าใจหรือไม่ หากทำไม่ได้ ข้าจะเอาเจ้าไปขายเสีย” ท่านลุงดึงผมของนางอย่างแรงจนเจ็บก่อนจะกล่าวถ้อยคำข่มขู่นาง ไม่เพียงข่มขู่แต่กลับหอมที่เส้นผมของนาง หลี่อี้เหยารู้สึกรังเกียจเหลือทนจนนางหลั่งน้ำตาออกมาอย่างน่าสงสารก่อนจะถูกผลักจนล้มลงกับพื้น อาจูได้แต่ช่วยพยุงคุณหนูทั้งน้ำตา ท่านลุงวางขวดยาให้นางก่อนจะเดินจากไปพร้อมถุงเงิน “คุณหนู เหตุใดต้องทนเจ้าค่ะ ท่านกลับไปฟ้องท่านแม่ทัพเถอะ ตระกูลเซวียต้องช่วยเหลือท่านอย่างแน่นอน” “ข้าไม่อยากให้เป็นภาระท่านพ่อ อาจู บรรพบุรุษตระกูลหลี่จะเข้าไปอาศัยในห้องบรรพบุรุษตระกูลเซวียได้อย่างไร” หลี่อี้เหยาน้ำตานองหน้า นางรู้ว่าตายก็จบสิ้นทุกอย่าง แต่คำว่ากตัญญู แม้ตายก็ต้องดำรงอยู่ ท่านลุงจะว่าจัดการง่าย ก็ง่ายดายนัก แต่ใครเล่าจะดูแลจวนแห่งนี้ ใครเหล่าจะเฝ้าที่นี่ได้ จะให้นางพึ่งพาแต่ท่านพ่อ ท่านแม่ตระกูลเซวียเช่นนั้นหรือ “เอายานี่ไปทิ้งซะ” “แล้วคุณหนูจะไม่ทำตามท่านลุงบอกหรือ” “ข้าไม่ทำ อาจู เจ้าจะให้ข้าวางยาพี่ชาย ที่เป็นลูกของผู้มีพระคุณตัวเองเช่นนั้นหรือ บาปกรรมนัก” หลี่อี้เหยากล่าว ก่อนจะเข้าห้องบรรพบุรุษไปไหว้ทุกท่านด้วยน้ำตา นางรู้ว่าที่นางรักปักใจกับเซวียเหลียงเฟยมันมีปัจจัยมากมาย เขาเป็นบุรุษเพียงคนเดียวที่นางถูกปลูกฝังให้รักมาตั้งแต่เยาว์วัย มองเขาเป็นเหมือนผู้มีอำนาจในการพานางออกจากวังวนอันแสนโหดร้ายเช่นนี้ แท้จริงนางก็ต้องพบเจอเรื่องร้ายมากมายนัก ถึงได้หล่อหลอมให้นางชั่วร้าย เห็นแก่ตัว นางพยายามหลีกเลี่ยงจิตใจด้านมืดของตนเอง แต่มันก็ยากนัก สายตาของท่านลุงเมื่อครู่ นางรังเกียจ สะอิดสะเอียนเป็นที่สุด หลี่อี้เหยาอยู่ที่จวนตระกูลหลี่จนกระทั่งใกล้ยามเซินนางก็ตรงกลับเข้าเมืองทันที ก่อนจะลงเดินไปตามถนน ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่มีงานเลี้ยงสนุกสนาน หลี่อี้เหยาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่อยากเที่ยวบ้าง เทศกาลเช่นนี้ไม่ได้มีบ่อยครั้งนัก ผู้คนมากมายที่กำลังเดินขวักไขว่ สองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านรวงมากมายหลายสีสัน เสียงดนตรี เสียงพูดคุยดังไปหมดทั่วทั้งหัวถนน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD