01
เซวียเหลียงเฟย แม่ทัพน้อยตระกูลเซวีย เกิดมาพร้อมพรสวรรค์อันยากที่จะพบพานในรอบหนึ่งร้อยปี เป็นทายาทที่คนตระกูลเซวียภาคภูมิใจมากที่สุด เขาออกรบติดตามบิดาสร้างผลงาน บุกตะลุยทุกสมรภูมิรบอย่างไม่กลัวตายจนกลายเป็น เทพสงครามน้อยแคว้นเผิง
หนึ่งดรุณีน้อยผู้งดงามเป็นเอกของแคว้นเผิงนามหลี่อี้เหยา บุตรสาวรองแม่ทัพหลี่ หนึ่งในคนสนิทของแม่ทัพเซวียเจิ้งที่ตายตกไปทั้งครอบครัว ในขณะที่ถูกใส่ความล่าสังหารจนสิ้น เหลือเพียงทายาทเพียง คือคุณหนูหลี่อี้เหยาที่ไม่มีญาติที่ไหน แม่ทัพเซวียจึงได้นำมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ด้วยการดูแลของฮูหยินเอกของเขา นางกลายเป็นบุตรบุญธรรมที่แสนรัก มีนิสัยเอาแต่ใจ ร้ายกาจ แต่ก็เป็นเอกในกิริยามารยาท ศิลปศาสตร์จนเป็นที่กล่าวถึง
ทว่า… หลี่อี้เหยามีพี่สาวอยู่หนึ่งนาง นามว่าหลี่อีอี แต่เพราะมารดาของหลี่อีอีไม่ได้ตายไปในเหตุการณ์ความสูญเสียของตระกูลหลี่ และมารดาของนางก็เป็นบุตรสาวสายรองของเสนาบดีตระกูลมู่ ทำให้พวกเขารับบุตรสาว และหลานสาวกลับเข้าจวน ฐานะของพวกนางแต่เดิม หลี่อีอีเป็นบุตรสาวภรรยาเอกที่มีตระกูลเดิมที่ดีนัก ส่วนหลี่อี้เหยาเป็นบุตรสาวสายรองที่มารดามีบ้านเดิมเป็นเพียงสาวชาวบ้าน แต่เพราะมารดาของนางเป็นทหารหญิงกล้าผู้หนึ่งในกองทัพของแม่ทัพเซวียเจิ้ง ทำให้ท่านแม่ทัพเอื้อเอ็นดูหลานสาวผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง จึงได้รับมาเลี้ยงและให้อยู่ในการดูแลของฮูหยินเอกเพื่อยกฐานะของนางให้สูงขึ้น
หลี่อี้เหยานั้นหลงรักผู้เป็นพี่ชายอย่างเซวียเหลียงเฟย แต่ทว่า… เขากลับรังเกียจเดียดฉันท์นางนัก เพราะนางมาแย่งความรักจากมารดาของเขา ทั้งยังชอบตีสองหน้า หน้าหนึ่งแสดงออกว่าเป็นคนเรียบร้อย นิสัยดี รู้จักมารยาท แต่อีกด้านหนึ่งคือตามตอแยเขาไม่เลิกรา เขารังเกียจจนหนีออกไปใช้ชีวิตในกองทัพ ในค่ายทหารอย่างยากลำบากดีกว่าจะต้องมาอยู่ร่วมจวนกับนาง ฮูหยินผู้เป็นมารดาอย่างจิ่งตานไม่ใช่ไม่ทราบ แต่เพราะรักหลี่อี้เหยาเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ทั้งยังสงสารนางจับใจ จึงทำเหมือนมองไม่เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น และทำใจปล่อยบุตรชายให้ออกจากจวนไปอยู่ในค่ายทหารหรือจะสนามรบแทน
หลี่อีอีเติบโตในจวนตระกูลมู่ มารดาของนางเป็นเพียงบุตรสาวอนุ เดิมทีก็นับว่าไม่ค่อยมีความหมายในจวนนัก พอนางกลับมาอยู่ที่นี่ก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่เพราะท่านตาเป็นคนเที่ยงธรรมจึงทำให้ชีวิตของนางและท่านแม่ไม่ลำบากมากจนเกินไปนัก หลี่อีอีเรียนรู้งานหลายอย่าง เป็นคนเก่ง จิตใจดี แม้จะไม่เก่งในศาสตร์ของสตรี แต่ในด้านการบัญชี ดูแลงานในเรือน เป็นสตรีที่ร่าเริงสดใส จนท้ายที่สุดวาสนาโชคชะตาของนางก็นำพาให้ได้พบ เทพสงครามน้อยแคว้นเผิง และองค์ชายแปด เผิงเหล่ยหลง
หลี่อีอีกลายเป็นที่หมายตาของบุรุษผู้มีแต่คนปรารถนาทั้งสอง ทำให้คนมากมายอิจฉาริษยานาง โดยเฉพาะหลี่อี้เหยา นางเป็นน้องสาวของหลี่อีอี มารดาของนางเป็นสตรีที่บิดารักมากที่สุด นางมีรูปโฉมที่งดงามมากกว่า กิริยามารยาทก็นับว่าเหนือสามัญ ทั้งยังเป็นบุตรีบุญธรรมแสนรักของแม่ทัพเซวีย และฮูหยินจิ่งตาน นางพยายามแย่งชิง รังแกพี่สาวของตัวเอง จนกลายเป็นที่รังเกียจ
ท้ายที่สุดหลี่อีอีก็ฝ่าฟันอุปสรรคกลายเป็นพระชายารองขององค์ชายแปด บุรุษที่นางรักได้ ส่วนหลี่อี้เหยานางก็ได้กลายเป็นฮูหยินน้อยตระกูลเซวียสมใจ แต่สามีกลับรังเกียจ แม้จะร่วมหอก็ยังไม่เคย เขาทอดทิ้งนางไว้ที่จวน และออกไปอยู่บัญชาการทหารที่ชายแดน หลี่อี้เหยาเสียใจจนแทบไม่รู้จะทำอย่างไร นางเคียดแค้นและชิงชังหลี่อีอีจนร่วมมือกับองค์ชายสิบที่คิดก่อการกบฏสังหารองค์ชายแปดที่มีอำนาจมากที่สุดในราชสำนักตอนนั้น แต่ทว่า… เหตุการณ์กลับพลิกผัน องค์ชายแปดขึ้นครองราชย์ หลี่อี้เหยากลายเป็นผู้ร่วมก่อการกบฏ นางนำพาความตายมาสู่ครอบครัวตระกูลเซวีย
เซวียเหลียงเฟยมาไม่ทันถึงเมืองหลวง ทุกคนในตระกูลก็ถูกสังหารจนหมด หลี่อี้เหยาที่เห็นบิดามารดาที่รักที่สุดตายด้วยการบั่นคอ นางจึงระลึกได้ว่า …แท้จริงแล้ว นางไม่ควรทำเช่นนี้เลย หากผู้อื่นไม่รักก็ช่าง ขอเพียงมีท่านพ่อ ท่านแม่ที่รักนาง แต่งงานกับบุรุษที่ควรรักออกไป ครอบครัวคงไม่ถึงจุดจบเช่นนี้
เซวียเหลียงเฟยที่เห็นหลี่อี้เหยายังไม่ตาย ด้วยความชิงชัง เขาจึงสังหารนางให้ตายด้วยกระบี่ในทันที…
ท่านพ่อ ท่านแม่…
หากเลือกได้อีกครั้ง ข้าจะเป็นบุตรที่ดีของพวกท่าน ข้าจะไม่ทำตระกูลเซวียต้องเสื่อมเสียเพราะข้า…
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดเหม่อลอยเช่นนั้นเจ้าคะ” เสียงของอาจูสาวใช้ที่หลี่อี้เหยาไม่ได้ยินมานานแล้วกล่าว ดวงตาของนางที่เหม่อลอยมองเคว้งคว้างออกไปไกลคล้ายเริ่มได้สติ ความเจ็บปวดภายในใจ ความทุกข์ใจถาโถม ทั้งที่คิดว่าความตายคือจุดจบของชีวิต แต่ไม่เลย… ความว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่างหากที่ทำให้นางเจ็บจนแทบเจียนตาย
“อาจูนี่เจ้ายังไม่… ที่นี่คือ” หลี่อี้เหยากล่าว เบื้องหน้าของนาง อาจูยังดูเยาว์วัยนัก อีกทั้งรอบบริเวณบ่อบัวอันงดงามแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ในวัยเยาว์ที่นางชอบมากที่สุด เพราะเคยหลอกผลักหลี่อีอีตอนมาจวนตระกูลเซวียครั้งนั้น ทำให้เซวียเหลียงเฟยถมดินใส่บ่อบัว ทำลายศาลาที่นางชอบมากที่สุดจนสิ้น
“คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ เหตุใดหน้าซีดเช่นนั้น”
"ไม่เป็นอะไรหรอก ตอนนี้ข้าอายุเท่าไหร่กัน"
“เหตุใดถามอะไรแปลกประหลาดเช่นนั้นเจ้าคะ ท่านก็อายุสิบสองขวบปีอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
“อากาศหนาวเช่นนี้เจ้ายังมานั่งมาเล่น ไม่สวมใส่เสื้อคลุมกันลมให้เรียบร้อย” น้ำเสียงอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ที่หลี่อี้เหยาฟังตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นความฝัน หรือว่า… เป็นความจริง ฮูหยินจิ่งตานปรากฏตัวในชุดสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้างดงามที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน หลี่อี้เหยาที่รู้สึกผิด นางร้องไห้ออกมาก่อนจะรีบลุกวิ่งไปกอดคนตรงหน้า
“ท่านแม่ ท่านแม่ ลูกคิดถึงท่านแม่เหลือเกินเจ้าค่ะ” หลี่อี้เหยากล่าว บนโลกนี้ใครไม่รักนางก็ช่างเถิด ขอเพียงมีท่านพ่อ ท่านแม่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ที่ผ่านมานางมักมองหาความรักจากคนอื่น ไม่เคยมองย้อนกลับมาดูเลยว่าตัวนางที่เป็นเพียงลูกกำพร้าของรองแม่ทัพปลายแถวได้รับความเมตตา ความรักอันบริสุทธิ์ ท่านแม่ต้องเหนื่อยยากทุกข์ใจกับนางขนาดไหน แม้ใกล้ตายท่านพ่อท่านแม่ที่สามารถหนีได้ก็ยังไม่คิดทอดทิ้งนางจนแม้ตัวตายก็ตามที
“เป็นอะไรไป เหตุใดร้องไห้น้ำตานองหน้าเช่นนี้หื้ม” เสียงของท่านแม่กล่าว หลี่อี้เหยายิ่งกอดรัดท่านแม่มากกว่าเดิม เพราะนางไม่อยากให้ท่านแม่หายไป ฮูหยินจิ่งเองก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู เพราะหลี่อี้เหยามีนิสัยขี้อ้อน ช่างพูด ทำให้นางที่แต่งเข้ามาในจวนแม่ทัพไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายเลยแม้สักวันเดียว แม้โตมา นิสัยของนางจะเอาแต่ใจ ร้ายกาจไปบ้าง แต่อย่างไรก็เป็นลูกสาวที่นางรักมาก แม้จะต่างสายเลือดกันก็ตาม
“เมื่อคืนลูกฝันไม่ค่อยดีนักเจ้าค่ะ พอเห็นท่านแม่ก็เลยรู้สึกหวาดกลัว” หลี่อี้เหยากล่าว นางไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดสิ่งที่เกิดจะเป็นอย่างไร แต่ความทุกข์ทรมานใจหลายปีไม่มีทางเป็นของปลอม การได้กอดท่านแม่เช่นนี้ก็ไม่ใช่ของปลอม เกรงว่าคงเกิดเรื่องราวประหลาดที่อาจจะส่งนางย้อนกลับมาอีกครั้ง หรือนั่นเป็นความฝันอันยาวนานที่ย้ำเตือนไม่ให้นางเดินทางผิดพลาดเช่นนั้นอีกแล้ว
“โถ่… เด็กน้อยของแม่ จะกลัวอะไรกับความฝันกัน”
“ฝันร้ายมากเลยเจ้าค่ะ ต่อจากนี้ลูกไม่กล้าไม่เชื่อฟังท่านแม่แล้ว” หลี่อี้เหยาบอก ฮูหยินจิ่งยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลูบศีรษะลูกสาวด้วยความเอ็นดู
“อะไรกันเด็กคนนี้ บทจะอ้อนก็อ้อนนัก” ฮูหยินจิ่งกล่าว ข้ารับใช้ทุกคนต่างยิ้มยินดี ในตอนที่หลี่อี้เหยาอายุเพียงสิบสองปีนางไม่ได้ร้ายกาจมากนัก เพราะนางยังไม่ได้พบกับพี่ชายที่หนีออกไปกองทัพชายแดนกับท่านพ่อ แต่เกรงว่าอีกไม่นาน เขากับท่านพ่อก็คงกลับมาแล้ว หลี่อี้เหยาจดจำได้ว่านางในตอนนั้นหลงใหลพี่ใหญ่อย่างมาก เขามีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา เรือนกายใหญ่โตดั่งชายชาติทหาร แต่นึกแล้วหากเจอเขาอีกครั้ง นางก็คงไม่รักเขาในแบบนั้นอีกแล้ว ถ้าต้องเดินซ้ำรอยเดิม นางขอเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่งที่แต่งออกไปในตระกูลอื่น ไม่หาเรื่องเดือดร้อนให้กับท่านพ่อ ท่านแม่ ถึงวันสำคัญก็ได้เดินทางกลับมาหาท่านพ่อท่านแม่ มีลูกมีหลานให้พวกท่านเห็นสักคนสองคน ใช้ชีวิตธรรมดาในจวนของพ่อค้าธรรมดาสักคน เช่นนี้แล้วจะเป็นทางออกของจุดจบอันเลวร้ายที่ดีที่สุด “เดี๋ยวอีกไม่กี่วัน พี่ใหญ่กับท่านพ่อของเจ้าก็จะกลับมาแล้ว เจ้าคิดถึงพวกเขาหรือไม่” ฮูหยินจิ่งถามบุตรสาว
“ถ้าท่านพ่อคิดถึงมากเจ้าค่ะ แต่ถ้าพี่ชาย ลูกไม่กล้ามองหน้าพี่ใหญ่แล้ว”
“ทำไมเล่า”
“ข้าก่อกวนจนพี่ใหญ่หนีออกจากจวน เหยาเอ๋อร์ไม่กล้าเอาหน้าไปให้พี่ชายเห็นแล้วเจ้าค่ะ” หลี่อี้เหยากล่าว ฮูหยินจิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย บุตรสาวของนางรู้สึกอย่างไรกับบุตรชายของนาง ใช่นางจะไม่รู้เชียวหรือ เหตุไฉนวันนี้ถึงได้เอ่ยเช่นนี้ ยิ่งมองเข้าไปในดวงตาของนางก็ไม่คล้ายจะโกหกเลยสักนิด
“อย่าคิดมากเลยลูก ผ่านไปตั้งสองปีแล้ว พี่เขาคงไม่โกรธเจ้าหรอก” ฮูหยินจิ่งกล่าว หลี่อี้เหยาพยักหน้า ครั้งนี้นางจะไม่ก่อกวน และทำตัวให้เรียบร้อยเหมาะสม
“เจ้าค่ะท่านแม่ แต่ท่านแม่เจ้าคะ คืนนี้ลูกขอนอนกอดท่านแม่ได้หรือไม่เจ้าคะ ลูกไม่อยากฝันร้าย” หลี่อี้เหยากล่าว เดิมทีนางเติบโตอายุมากขนาดนี้แล้วไม่ควรร้องขอที่จะนอนร่วมกับมารดาเท่าไหร่ แต่สำหรับนางที่เคยเห็นคนที่นางรักที่สุดตายตกไปต่อหน้าต่อตา นางไม่เหลือรอยความอับอายอีกแล้ว ขอเพียงได้เห็นท่านพ่อ ท่านแม่มีชีวิตที่มีความสุข นางล้วนยินดีทั้งสิ้น จะให้นางเป็นอะไรนางก็ยอม
“เอาสิลูก เหยาเอ๋อร์ของแม่” ฮูหยินจิ่งกล่าว ค่ำคืนนี้หลี่อี้เหยามานอนที่เรือนของท่านแม่ นางล้มตัวนอนลงกอดท่านแม่ ยามที่ท่านแม่หลับสนิทนางเพียงแค่ได้มองเสี้ยวหน้าของท่านแม่ น้ำตาของนางไหลออกมาด้วยความรู้สึกผิดบาดลึกลงไปในใจ หากสวรรค์จะเมตตา นางก็ขอบคุณที่ทำให้นางได้มีโอกาสแก้ตัว นางรู้แล้วว่าความรักแท้จริงที่นางมีอยู่ นางไม่ได้ด้อยกว่าใคร แม้บิดามารดาผู้ให้กำเนิดจะตายจากไปพร้อมกับมลทิน แต่ท่านพ่อเซวียเจิ้งก็ได้ล้างมลทินไปหมดแล้ว ทั้งยังรับนางมาเลี้ยง จากบุตรสาวอนุสู่บุตรสาวบุญธรรมในการดูแลของฮูหยินเอก ฐานะของนางไม่ด้อยกว่าใครในเมืองหลวงนัก ท่านพ่อเป็นแม่ทัพใหญ่เป็นถึงขุนนางหลักระดับสอง จะนับว่านางเกิดมาโชคร้ายได้อย่างไร เพราะความดีของพ่อแม่ จึงทำให้นางไม่ต้องตกระกำลำบาก ชีวิตของนางนับว่าดีกว่าหลี่อีอีมากนัก เหตุใดนางถึงต้องไปอิจฉาคนผู้นั้นด้วย นางทำร้ายคนผู้นั้นจนหลงลืมไปแล้วว่าบนโลกใบนี้ นางมีสายเลือดเป็นพี่น้องกับนาง เหลือกันแค่เพียงสองคนที่ยังใช้แซ่หลี่ นางช่างโง่เขลานัก หลี่อีอีเกิดมาพร้อมกับโชคชะตาดอกท้อที่เต็มไปด้วยความรัก ทั้งยังปฏิบัติตัวดีกับทุกคน คงไม่แปลกนักหากใครจะรุมรักนาง หากตัดอคติ กับความริษยาออกไป หลี่อี้เหยาก็รู้สึกนับถือใจของหลี่อีอีนัก
“คุณหนูเจ้าค่ะ ท่านออกมาร้านผ้าจินเฉียน ท่านตั้งใจจะมาหาผ้างามๆ ไว้ตัดรอคุณชายใช่หรือไม่เจ้าคะ” อาจูกล่าว ในขณะที่หลี่อี้เหยากำลังเลิกม่านบนรถม้าเพื่อมองวิวทิวทัศน์ภายในเมือง เมื่อก่อนนางไม่เคยดื่มด่ำกับทัศนียภาพรอบตัว เอาแต่หวนคิดถึงตัวเอง และมักจะดูถูกผู้อื่นเสมอ ไม่คิดเลยว่าพอได้มาเห็นภาพพวกนี้อีกครั้ง มันจะทำให้นางรู้สึกสนใจมากขนาดนี้
“เหลวไหล ข้ามารับผ้าของท่านแม่ที่สั่งตัดไว้ ไม่ต้องซื้อใหม่หรอก เสื้อผ้าเยอะแยะแล้ว”
“แต่ถ้าท่านไม่เปลี่ยนชุดใหม่ที่สวยกว่าเดิม คุณชายจะไม่มองเอาได้นะเจ้าคะ”
“อาจู ต่อให้เสื้อผ้างดงาม ใบหน้าเป็นโฉมงามล่มเมือง หากคนเขาไม่อยากมอง ต่อให้แก้ผ้าเบื้องหน้าเขาก็ไม่มองหรอก เจ้าเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว พี่เหลียงเฟยเป็นพี่ชายของข้า” หลี่อี้เหยากล่าว อาจูถอนหายใจ คุณหนูทำท่าเหมือนตัดใจจนสิ้นแล้วจริงๆ หลี่อี้เหยาที่พูดออกไปไม่ใช่ว่าไม่เป็นเรื่องจริง นางเคยพยายามยั่วยวนเซวียเหลียงเฟยแล้ว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งที่ผู้อื่นต่างบอกกันว่านางมีใบหน้ารูปโฉมกริยางดงาม สัดส่วนของนางแทบจะเกินกว่าสตรีอื่นจนเป็นที่อิจฉา แต่นางก็ยังสู้พี่สาวที่เก่งกาจไม่ได้เลย
“ถึงแล้วเจ้าค่ะ คุณหนู” อาจูบอก หลี่อี้เหยาพยักหน้าก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถม้า นางจำต้องคลุมใบหน้าครึ่งหนึ่งเพื่อไม่ให้เผยโฉมออกไปอย่างถ้วนทั่ว ตามประสาสตรีชั้นสูง หลี่อี้เหยาไม่อาจไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนั้นได้ นางเพียงลงจากรถม้าด้วยท่วงท่ากิริยามารยาท แล้วตรงเข้าไปในร้าน
“เถ้าแก่เนี้ย ข้ามารับชุดและผ้าที่ท่านแม่ของข้าสั่งตัดไว้เจ้าค่ะ” น้ำเสียงอบอุ่นของคุณหนูหลี่แห่งจวนแม่ทัพเซวียกล่าว เถ้าแก่เนี้ยเจ้าของร้านผ้าจินเฉียนได้แต่มองด้วยความแปลกใจ คุณหนูหลี่ลูกกำพร้าผู้นี้ยามปกติแล้วมักจะพูดจาไม่ดีกับผู้ที่ต่ำต้อยกว่าตนเองเสมอ เหตุใดวันนี้จึงได้พูดจาเพราะนัก
“คุณหนูรอสักครู่เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าให้คนนำมาให้ วันนี้สนใจผ้าผืนไหนหรือไม่เจ้าคะ มีหลายผืนมาใหม่เยอะแยะ เหมาะกับท่านนัก”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เสื้อผ้าของข้านั้นมีมากแล้ว” หลี่อี้เหยากล่าว สายตาของคนเรามักจะปกปิดไม่มิด เมื่อก่อนกริยาของนางก็ไม่ถือว่าดีนัก ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเลือกชนชั้น ต่ำกว่านางก็แสดงนิสัยอีกแบบ สูงกว่านางก็แสดงนิสัยอีกแบบ นับว่าไม่ดีเลยแม้แต่น้อย คนเราใช่จะต่ำต้อยไปตลอดชีวิต สัจธรรมนี้เกรงว่านางน่าจะเข้าใจมากที่สุด