ตอนที่ 2 ความฝัน
เมื่อนานมาแล้วในยุคที่มนุษย์กับพญานาคสามารถไปมาหาสู่กันได้ แต่ไม่สามารถผสมเผ่าพันธุ์กันได้ นี่คือกฎของการอยู่ร่วมกัน เพราะพญานาคถือเป็นสัตว์เดรัจฉานไม่ใช่มนุษย์ แต่มีวิชาสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ ขึ้นมาปะปนอยู่บนโลกมนุษย์ได้
ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่ง ใบหน้างดงามคมคาย กำลังนั่งเขียนหนังสือเล่มหนึ่งอยู่คนเดียว ไร้ผู้คนรอบข้าง แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ชายหนุ่มรูปร่างงดงามท่านนั้นกำลังเขียนตัวอักษรด้วยความรู้สึกโศกเศร้าของตนล้วนๆ
ภูธเรศสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ มันทรมานแทบจะขาดใจ
"ฝันเหมือนเดิมอีกแล้วเหรอวะ" ผม...ภูธเรศ อายุ 28 ปี ทำงานออกแบบแล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง มีทั้งจัดสวน แต่งบ้าน ออกแบบบ้าน ผมรับทำหมด ผมมีบริษัทเป็นของตัวเอง มีลูกน้องฝีมือดีอยู่หลายคนคอยช่วย และผมยังมีร้านหนังสือให้เช่ายืม ผมชอบหอบเอางานกลับไปทำและนอนที่ร้านหนังสือเป็นประจำ ไม่ค่อยได้กลับบ้านสักเท่าไหร่นัก
งานออกแบบที่ผมทำคืออาชีพหลัก ส่วนร้านหนังสือ ผมไม่ได้สนใจรายได้ของที่นี่เลยด้วยซ้ำ
ที่ผมสร้างร้านหนังสือร้านนี้ขึ้นมา ผมต้องการจะหาหนังสือเล่มที่ผมฝันถึงเป็นประจำ ผมฝันซ้ำๆและรู้สึกเหมือนกับว่าผมเป็นคนเขียนหนังสือเล่มนั้นด้วยตัวเอง
ผมอยากรู้ว่าในหนังสือเล่มนั้นเขียนอะไรไว้ แล้วทำไมผมถึงต้องฝันถึงมัน แต่ตอนนี้ผมยังหาหนังสือเล่มนั้นไม่เจอเลย ทั้งๆที่ผมก็เปิดร้านหนังสือมาตั้งแต่ผมเรียนจบใหม่ๆ
ในความฝัน ผมเห็นหนังสือเล่มนั้นทุกครั้งไป ส่วนความรู้สึกในขณะที่กำลังเขียนนั้น มันโคตรเศร้า และรู้สึกผิดกับใครสักคน ความรู้สึกของผมมันบอกว่า ผมกำลังติดค้างใครคนนั้น ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
ในบางครั้งแต่ไม่บ่อยนัก ผมฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่มองเท่าไหร่ก็มองไม่ชัด รู้แต่ว่าเธอร้องไห้อย่างหนัก สายตาของเธอนั้นเจ็บปวดมากกว่าผู้ชายคนที่กำลังเขียนหนังสือเสียอีก
เมื่อฝันซ้ำๆบ่อยๆเข้า เมื่อก่อนผมอาจจะไม่เชื่อ แต่ต่อมาผมเริ่มเชื่อและรู้สึกว่ามันคือเรื่องเดียวกัน...
ผมอยากรู้ว่าในความฝันที่จริงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องร้องไห้ แล้วคนเขียนหนังสือเล่มนั้นอีก...ผมอยากหาหนังสือเล่มนั้นให้เจอ ผมจะหาไปเรื่อยๆจนกว่าผมจะสิ้นบุญจากโลกใบนี้
Rrrrrrr
เสียงมือถือของผมปลุกให้ผมออกจากภวังค์ความคิดเมื่อสักครู่ ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย
"ว่าไง..." สายที่โทรเข้ามาเป็นสายของไอ้ธารา มันเป็นเพื่อนและเลขาของผมเอง
"บอส...เช้านี้มีประชุม เข้าออฟฟิศด้วยนะครับ"
"เออ...ลืมไปเลย ขอบใจมาก" ผมกำลังจะวางสาย...
"เดี๋ยวๆ สามโมงตรงนะครับ ไม่ต้องรีบแต่ทุกคนกำลังรอบอสอยู่"
"เออ..." ผมตัดสายทิ้งทันที แล้วหันไปมองนาฬิกา สองโมงแล้ว!! ทำไมตื่นสายจังวะ ผมรีบลุกขึ้นเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย แล้วออกจากร้านหนังสือไปทำงานทันที อ่อ...ร้านหนังสือจะเปิดช่วงเย็นหลังเลิกงานหรือช่วงที่ผมสามารถอยู่ได้จนถึงสามทุ่ม
@บริษัทออกแบบ
"มาสายนะครับ เมียก็ไม่มี เข้านอนเร็วหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งครับ จะได้ตื่นเช้าๆ" รถมันติดมาสายไปสิบนาทีเอง รีบสุดๆแล้วเนี่ย!
"อย่ากวนตีน ประชุม!!" ผมเดินเข้าห้องประชุมแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่อยู่หัวโต๊ะทันที จากนั้นการประชุมก็ได้เริ่มขึ้น...
ทางด้านเพลงพิณ ตอนนี้เธอเรียนจบแล้วและกำลังออกเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ โดยมีพี่ชายของเธอเป็นคนไปส่งเธอที่สนามบิน เธอไปกับเพื่อนของเธอที่ชื่อเฟื่องฟ้า
ทั้งสองนั่งเครื่องหลายชั่วโมง จนถึงประเทศนิวซีแลนด์ บรรยากาศโดยรอบสวยงาม อากาศโดยรวมเย็นสบาย ผู้คนไม่แออัดมากนัก
ทั้งสองเริ่มใช้ชีวิตในเมืองนี้อย่างมีความสุข ธรรมชาติโดยรอบทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เช้าไปเรียนด้วยกันตามปกติ ตกเย็นกลับที่พัก แต่แล้ววันหนึ่ง เพลงพิณก็เกิดอาการเดิมขึ้นมาอีก ในขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือเรียนอยู่กับเฟื่องฟ้าเพื่อนของเธอในห้องพัก
"ไอ้ฟ้า...มันมาอีกแล้วว่ะ" อาการแรกคือเจ็บที่ด้านหลังอย่างรุนแรง
"อะไร..."
"กูขอเวลาแป๊บนึงนะ มึงอ่านไปก่อนเลย" เพลงพิณกำลังจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เพราะไม่อยากให้เพื่อนเห็นอาการที่เธอเป็น ซึ่งเฟื่องฟ้าก็เคยรู้มาจากคำบอกเล่าของเพื่อนเท่านั้น ยังไม่เคยเห็นอาการช่วงที่เพื่อนเป็นเลยสักครั้ง
"ไม่ต้องไป อยู่ตรงนี้แหละ" เฟื่องฟ้าจับข้อมือของเพื่อนเอาไว้แน่น เธอจะอยู่เป็นเพื่อนเอง
ทันใดนั้นเพลงพิณก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงทางด้านหลังของเธอ มันเจ็บจนแทบอยากจะขาดใจตาย เธอกรีดร้องออกมาแต่ก็พยายามเก็บกลั้นความทรมานนี้เอาไว้บ้าง ที่แสดงออกมาคือที่สุดแล้ว
ความเจ็บปวดยังไม่หาย ความแสบร้อนครึ่งซีกตัวทางด้านขวาก็ได้เริ่มขึ้น เธอเหมือนคนกำลังจะตาย แต่เธอรู้ว่าเธอไม่ตายหรอก น้ำตาเริ่มไหลออกมาเมื่ออยู่ๆในใจก็เริ่มเศร้าโศก ทรมาน เจ็บปวด ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง
เฟื่องฟ้าเห็นอาการของเพลงพิณเป็นครั้งแรก เธอไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรีบเข้าไปโอบกอดเพื่อนรักคล้ายกับอยากแบ่งเบาสิ่งที่เพื่อนกำลังเป็นอยู่อย่างไรอย่างนั้น
"ไม่เป็นไรนะแก...ฉันอยู่ตรงนี้" เสียงสะอึกสะอื้นและน้ำตาของเพลงพิณยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
"แกกลัวหรือเปล่า ฉันพยายามกลั้นความรู้สึกของตัวเองที่สุดแล้ว"
"ไม่ต้องกลั้น แกปล่อยมันออกมาให้หมด ฉันไม่กลัว อยากร้อง ร้องเลย" เฟื่องฟ้ายังคงกอดเพื่อนเอาไว้แน่น เพลงพิณร้องไห้ออกมาอย่างหนัก สักพักอาการที่เป็นก็เริ่มค่อยยังชั่วขึ้น
"นี่เหรอวะ โรคประหลาดที่แกเคยเล่าให้ฟัง" เฟื่องฟ้าไม่คิดว่ามันจะมากขนาดนี้ ทำเอาเรื่องเห็นผีของเธอเบาหวิวไปเลย
"อือ...นี่แหละ กูเจ็บ กูแสบ กูร้อน กูเศร้า กูเสียใจ ซึ่งกูก็อยู่ของกูดีๆ ทำไมกูถึงได้รู้สึกแบบนี้ได้วะ" พูดกับเพื่อน แต่รู้สึกโมโหตัวเอง รีบเช็ดน้ำตาตัวเองออกจากแก้มลวกๆ
"ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย" เพลงพิณพยักหน้าให้เป็นคำตอบ
"กูมีความเชื่ออยู่อย่างนึง ไม่รู้ว่ามึงจะว่ากูงมงายหรือเปล่า"
"พูดมาเถอะ...มาถึงขนาดนี้แล้ว กูเชื่อหมดแหละ"
"กูเชื่อว่าการที่คนเราได้มาเจอมาพบกัน จะต้องมีวาสนาต่อกัน ไม่มากก็น้อย และไม่มีความบังเอิญบนโลกใบนี้ สิ่งที่มึงเป็นก็ด้วย"
"ถ้างั้นก็คงจะเป็นเวรกรรมของกูมั้ง"
"กูเองก็เป็นแค่มนุษย์เดินดินธรรมดา กูไม่รู้จริงๆว่าจะช่วยมึงได้ยังไง"
"ช่างแม่งเถอะ! มันอยู่กับกูมานานแล้ว มันมาแป๊บเดียว เดี๋ยวมันก็ไป กูไม่ตายหรอก" พูดด้วยอารมณ์โกรธเคืองในโชคชะตาชีวิตของตัวเอง
"สุดยอดเพื่อนรัก! มึงโคตรเก่ง อยากกินอะไร กูเลี้ยงเอง"
"มึงไปถามซิ ร้านไหนอร่อย กูอยากไปร้านนั้น"
"ถามใคร" ผี...
"ใครก็ได้ที่เคยกิน แต่ไม่ใช่เจ้าขอร้านแน่นอน" เพราะเจ้าของร้านยังไงก็ต้องบอกว่าร้านของตัวเองอร่อยอยู่แล้ว
"ได้สิ...เช็ดน้ำตาซะ ตาแดงหมดสวยเลยเนี่ย" และแล้วทั้งสองก็พากันไปหาร้านอาหารอร่อยๆนั่งกินอาหารที่ชอบกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับทั้งสองคน ทำให้พวกเธอพยายามปรับตัวอยู่กับสิ่งที่ตัวเองเป็นให้ได้ มีความสุขในทุกๆวัน มองข้ามสิ่งที่ไม่ดีไป มองหาแต่สิ่งที่ดีๆให้ชีวิต แค่นี้ชีวิตที่น่าเบื่อของพวกเธอก็สามารถหาความสุขได้แล้ว...