“ตรงนั้นมีอะไรกัน?”
ปลายนิ้วเรียวที่กำลังเคาะพื้นโต๊ะเปลี่ยนเป็นชี้ผ่านกระจกลงไปบนถนนเบื้องล่าง บริเวณนั้นปรากฏนักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนเกาะกลุ่มรุมล้อมบางอย่าง ดวงตาคมหรี่มองอย่างสนใจใคร่รู้ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง อลันรีบลุกยืนตาม
“จะกลับแล้วใช่ไหม ฉันจะไปเอารถ”
“อือ ไปรอฉันที่เดิมแล้วกัน”
“นายไม่ไปด้วยกัน?”
ไฟซัลละสายตากลับมาจ้องเลขาคนสนิท ก่อนเดินผ่านหน้าเขาออกมาโดยไม่พูดอะไร อลันมองตามด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ เจ้านายเขาคนนี้บทจะว่าง่ายก็ว่ายเหมือนเด็ก บทจะเอาแต่ใจก็ไปจนสุดเหมือนกัน
“นายจะตามมาทำไม?”
เมื่อเดินมาถึงหน้าร้านกาแฟ ดวงตาคมปรายมองคนข้างกายอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย อลันไม่ไปเอารถแต่กลับเดินตามเขาต้อย ๆ เป็นลูกหมาหลงทาง
“ฉันคงปล่อยให้นายเดินกลางฝูงชนคนเดียวหรอกนะ เกิดฟุบสลบไปจะทำยังไง คิดอะไรของนายอยู่เนี่ย”
ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรถูกปิดบังด้วยผ้าปิดปากสีดำสนิทหันกลับมามองหนทางเบื้องหน้าตัวเองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ผู้คนพลุกพล่านคือสิ่งที่ไฟซัลหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด แต่ก็ใช่ว่าจะเลี่ยงได้ทุกครั้ง และในบางครั้งที่เขาไม่อาจเลี่ยงได้ เขาก็มักจะใช้ ‘ตัวช่วยพิเศษ’ ในการป้องกันโรคประหลาดของตัวเอง
ปลายนิ้วดึงผ้าปิดปากคลุมดั้งโด่ง ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง มืออีกข้างล้วงหยิบขวดคริสตัลในกระเป๋าขึ้นมาจ่อตรงหน้าก่อนจะ…
ฟืด… ฟืด… ฟืด…
ฉีดพรมใส่ตัวเองจนทั่วทั้งตัวโดยเน้นบริเวณหน้าอกซะส่วนใหญ่ ภาพการกระทำของเขาเรียกสายตาจากคนรอบข้างให้หันมาสนใจ แต่เจ้าตัวหาสนใจไม่ เขายังคงยืนเก๊กท่าหล่อเชิดหน้าขึ้นเหยียดแขนมาด้านหน้าแล้วฉีดพรมน้ำหอมใส่ตัวเองต่อไป
‘DGP’ หรือ ‘Dark Guy Parfum’ คือน้ำหอมสูตรพิเศษที่ไฟซัลคิดค้นขึ้นมาเอง เขาใช้เวลาหมกตัวอยู่ในห้องวิจัยเกือบปีกว่าจะได้น้ำหอมสูตรนี้ออกมา มันคือน้ำหอมฟีโรโมนเพศชายสูตรเข้มข้นซึ่งถูกดัดแปลงกลิ่นให้กลายเป็นน้ำหอมสูตรพิเศษที่คนปกติสามารถเข้าถึงกลิ่นของมันได้
เมื่อไฟซัลฉีดน้ำหอมสูตรพิเศษนี้ลงบนตัวเอง สำหรับคนรอบข้างจะได้รับกลิ่นหอมเหมือนน้ำหอมปกติทั่วไป ทว่าสำหรับเขาที่มีประสาทการรับกลิ่นผิดปกตินั้นจะได้รับกลิ่นที่รุนแรงมากกว่าปกติถึงสิบเท่า ซึ่งมันช่วยกลบกลิ่นสตรีเพศอันน่าสะอิดสะเอียนจากรอบกายเขาได้อย่างดี
แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าชั่วคราว เพราะเมื่อกลิ่นน้ำหอมเจือจางลง กลิ่นน่าอาเจียนพวกนั้นก็จะกลับมาเล่นงานเขาอยู่ดี ไฟซัลใช้น้ำหอมนี้เวลาจำเป็นต้องเข้าใกล้ผู้หญิง อย่างเช่นการประชุมหรือคุยงานนั่นเอง
“นายจะไปไหน? รถจอดอยู่ทางนู้นนะ” อลันขมวดคิ้วถาม ปกติร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นไฟซัลมีใจอยากจะออกมาเดินตามท้องถนนแบบนี้ ไม่รู้วันนี้นึกครึ้มอะไรขึ้นมา เขาล่ะตามอารมณ์ผู้ชายคนนี้ไม่ทันจริง ๆ
“ถ้าจะตามก็ตามมาเงียบ ๆ ฉันแค่จะไปดูว่าตรงนั้นมันมีอะไร” เรียวขายาวก้าวเดินผ่านผู้คนจ้อกแจ้กรอบตัว เหล่าเด็กนักเรียนหญิงวัยใสต่างพากันเดินสวนกับเขามากมาย บ้างหัวเราะ บ้างโวยวาย ทุกครั้งที่มีผู้หญิงเฉียดเข้ามาใกล้ ไฟซัลจะเบี่ยงตัวหลบแล้วทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เสมอ อลันมองไปส่ายหน้าไป นับถือในความพยายามของเจ้านายตัวเอง
“หยุดนะ! เอากระเป๋าคุณป้าคืนมานะ!”
ขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองกำลังเดินไปเบี่ยงตัวหลบไป เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากฝูงชนเบื้องหน้า ไฟซัลหรี่ตามอง เห็นว่ามีชายคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาวิ่งมาทางพวกเขา ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ในจังหวะที่ชายคนนั้นกำลังจะวิ่งผ่านร่างสูงไป เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไปคว้าคอเสื้อชายคนนั้นแล้วเหวี่ยงไปทางอลันซึ่งตั้งการ์ดรอรับก่อนจะพลิกตัวจับชายคนดังกล่าวกดลงบนพื้นด้วยท่าทางของคนที่ได้รับการฝึกมาดี ทว่า…
ปึก!
“อ๊ะ…”
ไฟซัลที่กำลังยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางเท่บาดใจกลับถูกร่างเล็ก ๆ พุ่งเข้ามาชนอย่างจัง เขาเสียหลักถอยหลังเล็กน้อย สองแขนโอบรับร่างบางตามสัญชาตญาณ
ร่างสูงนิ่งค้างตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกผู้หญิงพุ่งเข้ามาชนแถมยังกอดกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาคมหลุบมองคนในอ้อมแขน วินาทีนั้นราวกับเวลารอบตัวหยุดเดินกะทันหัน
ใบหน้าสวยสะกดสายตาเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ดวงตาหวานเจือแววตื่นตระหนกคล้ายลูกนกตัวน้อย ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มเม้มแน่นตัดรับกับกรอบหน้าเรียวขาวเนียนใส
นางฟ้าหรือเปล่า… นางฟ้าน่ารักเกินไปหรือเปล่า
“ไฟซัล! นายเป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงตะโกนเรียกของอลันแทรกเข้ามาในภวังค์ชั่วขณะของไฟซัล เขากะพริบตาปริบ ๆ ขณะที่สายตายังจดจ้องใบหน้าสวยในอ้อมกอดไม่ยอมละ
“เอ่อ… ปล่อยฉันได้หรือยังคะ?”
นางฟ้าพูดได้… ไม่… ไม่ใช่… ผู้หญิงในอ้อมกอดเขาต่างหากล่ะที่พูด
พรึ่บ
สองแขนรีบคลายออกทันทีที่รู้สึกตัว คิ้วเข้มขมวดยุ่ง สายตาจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึงไม่หาย ความรู้สึกคุ้นเคยสายหนึ่งแล่นวาบเข้ามา เขากวาดตามองใบหน้าสวยไล่ลงมาตามชุดที่เธอกำลังสวมใส่
คุ้นมาก… คุ้นอย่างน่าประหลาด…