“คุณอลันคะ ฉันสรุปข้อมูลการประชุมครั้งล่าสุดเสร็จแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ” แฟ้มเอกสารการประชุมถูกวางลงบนโต๊ะทำงานเลขาหนุ่ม เขาแทบไม่เงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ สายตาคมยังคงจดจ้องอยู่บนเอกสารในมือ
พูดก็พูดเถอะ ไลลานาสังเกตมาสักพักแล้ว เธอรู้สึกว่าอลันทำงานหนักกว่าไฟซัลซะอีก ท่าทางเคร่งขรึมของเขาดูจริงจังกับการทำงานมาก ๆ ในขณะที่ไฟซัลทำหน้าที่เพียงเซนต์เอกสารที่อลันส่งเข้าไปให้เท่านั้น ซึ่งเอกสารบางฉบับเขาก็แทบไม่ได้อ่านตอนเซนต์เลยด้วยซ้ำ ทำเหมือนว่าตัวเองมีหน้าที่เซนต์ชื่อลงไปอย่างเดียว ส่วนอลันคือคนที่ตรวจทานและทำงานแทนรองประธานอย่างเขาทุกอย่าง
“กาแฟค่ะ” แก้วกาแฟส่งกลิ่นหอมโชยเรียกสายตาคมละจากเอกสารในมือ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย
“เขาจะดื่มกาแฟเหรอครับ”
ตั้งแต่ไลลานาเข้ามาทำงานร่วมกับไฟซัลและอลัน ทำให้เธอได้รู้ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ความสัมพันธ์และการพูดจาในบางครั้งจึงค่อนไปทางเพื่อนมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง เพราะฉะนั้นคำว่า ‘เขา’ ในที่นี้ของอลันจึงหมายถึงไฟซัลนั่นเอง
“ไม่ใช่ค่ะ นี่กาแฟของคุณอลัน กาแฟดำไม่ใส่ครีมเทียม ใส่น้ำตาลหนึ่งช้อนค่ะ” อลันชะงักนิ่ง เขาเลื่อนสายตาจากแก้วกาแฟขึ้นมองหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้า เธอรู้เรื่องส่วนผสมกาแฟของเขาได้ยังไงกัน “พอดีฉันเคยเห็นคุณอลันชงกาแฟเมื่อหลายวันก่อนน่ะค่ะ แล้ววันนี้คุณก็ยังไม่ได้ดื่มเลย ฉันเลยชงมาให้ค่ะ คุณไม่ชอบหรือคะ?”
“ไม่ใช่ครับ” อลันคว้าแก้วเอาไว้เมื่อไลลานาทำท่าจะหยิบแก้วคืนไป “ผมแค่แปลกใจน่ะ ขอบคุณสำหรับกาแฟนะครับ แต่คราวหน้าคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะครับ คุณชงให้แค่ท่านรองก็พอ”
ไลลานายิ้มรับบาง ๆ เธอไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน พอได้มาทำงานร่วมกับอลันแบบจริงจัง เธอจึงได้รู้ว่าอลันเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก ๆ เขามักจะขีดเส้นรอบตัวเอง ไม่ยอมให้ใครก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นไปได้ง่าย ๆ คงมีเพียงแค่ไฟซัลคนเดียวละมั้งที่ก้าวเข้าไปในโลกของอลันได้อย่างหน้าตาเฉย
ติ๊ง…
เสียงประตูลิฟท์ฝั่งผู้บริหารเปิดออกเรียกสายตาคนทั้งสองหันมองอย่างพร้อมเพรียงกัน ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานเดินออกมาจากตัวลิฟต์พร้อมชายอีกคนที่ดูจะเป็นเลขาของเขา
“ท่านประธาน สวัสดีครับ” อลันรีบลุกขึ้นยืนโค้งต้อนรับท่านประธานบริษัทที่ร้อยวันพันปีไม่ค่อยจะได้มาเหยียบชั้นนี้สักเท่าไหร่ ไลลานาเมื่อได้ยินดังนั้นจึงโค้งตัวทักทายอย่างสุภาพตามอลันด้วย
“อืม… ไอ้ลูกหมามันอยู่ในห้องใช่ไหม”
“อยู่ครับ คุณไฟกำลังอ่านเอกสารการประชุมอยู่ครับ”
“ฮึ! อ่านเอกสารหรือหมกตัวอยู่ในห้องลับของมันกันแน่”
ไลลานาสะดุ้งน้อย ๆ เพราะตอนที่เธอเดินออกมาจากห้องไฟซัล เขากำลังหมกตัวอยู่ในห้องลับจริง ๆ
แย่แล้ว… เธอควรเข้าไปเตือนเขาก่อนดีไหมนะ
ติ้ด
เสียงสัญญาณบางอย่างดังเบา ๆ จากโต๊ะของอลัน มันเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน แต่เพราะเธอยืนชิดกับโต๊ะของเขามาก เธอจึงได้ยินและได้เห็นว่าอลันแอบกดปุ่มบางอย่างบนโต๊ะของเขา
“เปิดประตู”
อลันทำตามคำสั่ง เดินอ้อมมาเปิดประตูห้องให้ท่านประธาน ไลลานาเดินตามหลังเข้ามาในห้องคนสุดท้าย เธอชะงักนิ่งตอนเห็นไฟซัลกำลังนั่งเอกสารอยู่หลังโต๊ะทำงาน สีหน้าของเขาเคร่งขรึมจริงจังอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
เขาออกมาจากห้องลับตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ…
“อ้าว ลมอะไรหอบท่านประธานมาถึงนี่ได้ล่ะครับ” ไฟซัลละสายตาจากเอกสารในมือเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นบิดา เขาวางเอกสารลงบนโต๊ะ เหลือบสายตามองไลลานาแวบหนึ่ง
“ฮึ! ยังมีหน้ามาถามอีกนะไอ้ลูกหมาเอ๊ย!”
มาดท่านประธานเมื่อครู่หลุดอาการทันทีที่เห็นหน้าเจ้าลูกชายตัวดี แฟรงค์ แวนเนอร์ นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลมหาศาลในวงการธุรกิจมากว่าสามสิบปี เขาเป็นลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส หลังจากแต่งงานกับภรรยาชาวไทยจึงย้ายรกรากมาอยู่เมืองไทยถาวรและก่อตั้งบริษัทแวนเนอร์กรุ๊ปขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
“มีอะไรอีกละครับพ่อ ผมไม่ว่างมาทะเลาะด้วยหรอกนะ” ไฟซัลถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาอุตส่าห์หลบเลี่ยงการเจอหน้าบิดามาได้ตั้งหลายเดือน เรียกเขาเข้าพบตั้งกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยไปพบ ไม่คิดว่าสุดท้ายบิดาของเขาจะถึงขั้นมาหายันที่แบบนี้ โชคดีที่อลันกดสัญญาณเตือนภัยให้ดังเข้าไปในห้องลับ เขาถึงรีบวิ่งหน้าตั้งออกมานั่งเอาหน้าได้ทัน ไม่อย่างนั้นมีหวังห้องลับของเขาได้ถูกสั่งปิดแน่
“แกนี่มัน… จริง ๆ เลย! ฉันเรียกแกไปหาตั้งไม่รู้กี่ครั้งทำไมถึงไม่ไปห๊ะ?!” เขาชี้หน้าลูกชาย ตอนนี้คนอื่น ๆ ในห้องเริ่มถอยห่างออกมาจากรัศมีสงครามพ่อลูกอย่างรู้หน้าที่ อลันดึงไลลานาให้หลบมายืนข้างกันตรงหน้าประตูห้อง การกระทำนั้นตกอยู่ในสายตาของไฟซัลเพียงไม่กี่วินาทีก่อนละกลับไปมองผู้เป็นบิดา
“ก็ผมไม่ว่างนี่ งานผมเยอะจะตาย” เขายักไหล่ตอบหน้าตาย
“งานเยอะเรอะ! เหอะ! งานแกมันจะไปเยอะอะไร! คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าวัน ๆ หนึ่งแกแค่คอยนั่งเซนต์ชื่อเฉย ๆ น่ะ คนทำงานมันคือเลขาแกต่างหากเล่า!”
ไลลานาเหลือบมองอลันด้วยสายตาทึ่ง ๆ แม้แต่ท่านประธานก็ยังคิดเหมือนเธอเลยแฮะ