พลั่ก
เพราะความรีบเร่งเดินตามให้ทันร่างบางจึงเกิดการไม่ระวังจนเผลอชนเข้ากับคนอื่น ไฟซัลประคองร่างคนที่เดินมาชนเขาตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อเห็นว่าเธอคือผู้หญิง สองมือหนารีบปล่อยทันทีราวกับโดนของร้อน
“ขอโทษค่ะท่านรองประธาน” เธอคนนั้นก้มหัวขอโทษขอโพย ขณะที่ไฟซัลนิ่งค้างไปเกือบวินาทีก่อนจะ…
“อุ๊บ…”
“ว๊าย! ท่านรองเป็นอะไรไปคะ?” เสียงโวยวายจากด้านหลังหยุดชะงักฝีเท้าไลลานา เธอหันกลับไปมองด้วยความสนใจ ภาพที่เห็นคือผู้ชายคนหนึ่งลงไปนั่งยอง ๆ กับพื้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นปิดปากท่าทางพะอืดพะอม ขณะที่ผู้หญิงอีกคนนั่งลงและพยายามลูบหลังให้เขา แต่เขากลับปัดมือเธอออกแล้วเบี่ยงตัวหนีอย่างไม่ใยดี
นั่นคุณไฟซัลนี่นา… เกิดอะไรขึ้นกับเขานะ ท่าทางดูไม่ดีเลย
“ออกไป… ออกไปห่าง ๆ ฉัน!” เสียงไฟซัลเอ่ยไล่เธอคนนั้นดังลั่น ผู้คนเริ่มหันมอง อลันรีบวางสายแล้ววิ่งมาหาเจ้านายด้วยความร้อนใจ
“เกิดอะไรขึ้น บ้าเอ๊ย… นายรีบเดินออกมาทำไมเนี่ย!” อลันดูจะหัวเสียมาก ทว่าคนถูกบ่นกลับไม่ได้สนใจ สายตาเขามองตรงไปทางหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล
“มานี่… มาหาผม”
ไลลานายืนนิ่ง มองริมฝีปากหนาที่ขยับพูดขณะจ้องตากับเธอ เขากำลังเรียกให้เธอเข้าไปหาอย่างนั้นเหรอ? ทำไมกัน… แล้วทำไมอยู่ ๆ เขาถึงมีอาการแบบนั้น ใบหน้าหล่อเหลาเรื่อแดงและชื้นเหงื่อไปหมด แถมยังหายใจติดขัดราวกับคนที่มีอาการแพ้บางอย่าง…
“ไปจากตรงนี้ก่อน คนกำลังมองนายอยู่นะไฟซัล” อลันประคองไฟซัลให้ลุกขึ้นยืน เขารู้สึกหงุดหงิดเจ้านายตัวเอง ไฟซัลเดินออกมาท่ามกลางผู้คนโดยที่ไม่ฉีดน้ำหอมป้องกันได้ยังไง ถึงเขาจะรีบร้อนแค่ไหนก็ไม่ควรลืมเรื่องง่าย ๆ พวกนี้นะ มันเหมือนกับคนที่รู้ว่าแพ้อาหารชนิดนี้แต่ก็ยังจะเผลอทานเข้าไปนั่นแหละ
“ฉันไม่เป็นไร… อุ๊บ” ปฏิเสธยังไม่ทันจบก็ต้องรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากตัวเองเพื่อหยุดอาการคลื่นไส้ กลิ่นน้ำหอม DGP บนผ้าเช็ดหน้าช่วยทุเลาอาการเขาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทางฝั่งไลลานาที่กำลังยืนลังเล พอเห็นว่าไฟซัลมีอาการแย่ลง เลือดนักสังคมสงเคราะห์ภายในตัวก็ทำงานทันที เธอเลิกลังเลและเดินเข้ามาหาเขาด้วยความเป็นห่วง เมื่อร่างบางหยุดยืนตรงหน้าสองหนุ่ม เธอเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าห่วงใย
“คุณไม่สบายเหรอคะคุณไฟซัล” เสียงหวานมาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างบาง ไฟซัลเหม่อมองหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะทำเรื่องน่าตกใจด้วยการคว้าตัวเธอเข้ามาสวมกอดท่ามกลางสายตาทุกคน ไลลานาเบิกตาโพลงร่างกายเครียดเกร็งอย่างตื่นตระหนกเพราะคาดไม่ถึงว่าจะถูกดึงเข้าไปกอดแบบนี้ อลันเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
ฟืด…
เสียงสูดลมหายใจดังข้างใบหูทำเอาร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอพยายามตั้งสติ ยกสองมือผลักเขาออกจากตัว แต่ไฟซัลกอดเธอแน่นเกินไป เธอไม่มีแรงมากพอจะขัดขืนเขา
“คะ คุณไฟซัล… ปล่อยฉันนะคะ!”
“นาทีเดียว… ผมขออยู่แบบนี้แค่นาทีเดียว” เสียงทุ้มกระซิบเอาแต่ใจข้างหู ไลลานาอยากจะร้องไห้จริง ๆ ใบหน้าเธอร้อนผ่าวไปกับไออุ่นจากร่างหนา แถมยังถูกสวมกอดต่อหน้าผู้คนมากมายอีก เธออายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว!
“แต่ว่า…”
“นะครับ… ผมขอร้อง”
“…”
.
.
.
ห้องทำงานรองประธาน
“Gynophobia เหรอคะ… หมายถึงโรคกลัวผู้หญิงงั้นเหรอคะ?”
หลังจากปล่อยให้ไฟซัลกอดเกือบสองนาที อลันคือผู้ชายชีวิตไลลานาเอาไว้ เขาจับไฟซัลแยกออกจากเธอสำเร็จและพาทั้งสองคนกลับเข้ามาในห้องทำงานของไฟซัลอีกครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้น ไฟซัลตัดสินใจเล่าถึงโรคประหลาดของตัวเองให้ไลลานาฟังอย่างไม่คิดจะปิดบัง ทั้งที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย นอกจากอลันกับคนในครอบครัวและหมอประจำตัวของเขาแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก แต่เขากลับเล่าให้ไลลานาฟังง่าย ๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาต้องการความช่วยเหลือจากเธอก็เป็นได้
“ฉันรู้จักโรคนี้นะคะ ในฐานะนักสังคมสงเคราะห์ ฉันเคยพบเจอเด็กที่มีเคสคล้ายกันนี้ค่ะ แต่เด็กคนนี้จะมีอาการหวาดกลัวเพศตรงข้ามเพราะถูกทารุณกรรมมาอย่างรุนแรงค่ะ ในกรณีของคุณ…” เธอชะงักคำพูดทันทีที่รู้สึกตัวว่าเผลอพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกมา ทว่าไฟซัลกลับไม่ได้มีสีหน้าโกรธเคืองอะไรเธอ เขาเพียงมองเธอด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกครับ ผมไม่ได้ถูกทารุณกรรมในวัยเด็ก ความจริงถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ… ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่าเริ่มมีอาการนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตั้งแต่จำความได้ผมก็เข้าใกล้เพศตรงข้ามไม่ได้เลย มันรู้สึกเหม็นจนอยากจะอาเจียนทุกครั้ง”
“เป็นแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนเลยเหรอคะ?”
“ครับ ยกเว้นคุณแม่” ตอนพูดประโยคนี้ น้ำเสียงทุ้มแผ่วลงเล็กน้อย เขาสลัดความหม่นเศร้าไปจากแววตาก่อนเงยหน้าขึ้นมองไลลานา “และก็คุณ”
“ฉันเหรอคะ?” นิ้วเรียวชี้ตัวเองพลางเลิกคิ้ว
เพราะงั้น… เขาถึงกอดฉันงั้นเหรอ?
“คุณไม่แปลกใจเหรอครับว่าทำไมผมถึงเข้าใกล้คุณได้โดยไม่มีอาการอะไรเลย”
“นะ นั่นสิคะ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะคะ” เธอรู้สึกขัดเขินขึ้นมา ไม่ใช่แค่เขาเข้าใกล้เธอได้ แต่เขายังกอดเธอได้ด้วยต่างหาก แถมยัง… หลายครั้งหลายคราด้วย
“เพราะคุณสวยมั้งครับ” ทว่าคำตอบของไฟซัลกลับทำไลลานานิ่งอึ้งไปหลายวินาที
นี่มันใช่เวลามาพูดเล่นไหมคะ?