โรงพยาบาล L
ทำไมต้องเป็นที่นี่ด้วยนะ…
ไลลานาแทบอยากจะหันหลังกลับเมื่อเห็นป้ายชื่อโรงพยาบาล เธอพยายามปรับสีหน้าให้ปกติ ปลอบตัวเองในใจว่าไม่เป็นไร มันคงไม่มีเรื่องบังเอิญอะไรเกิดขึ้นวันนี้หรอก… มั้ง
“พี่ไม่สบายหรือเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีเลย” ริตาช่างสังเกตเหมือนเคย เธอวางอุปกรณ์ลงบนโต๊ะพร้อมกับคนอื่น ๆ ไลลานาส่ายหัว ขยับยิ้มจาง ๆ แทนคำตอบ
Rrr…
สายเรียกเข้าโทรศัพท์ของริตาดังขึ้น เธอเดินเลี่ยงออกไปรับสาย ไลลานาไม่ได้ใส่ใจยังคงช่วยทุกคนจัดบูธต่อไป ระหว่างที่เธอกำลังยกกล่องบริจาคเดินออกมาวางหน้าบูธ ดวงตาหวานเลื่อนขึ้นสบตากับใครคนหนึ่งซึ่งหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก
ร่างสูงในชุดกาวน์สีขาวเปล่งออร่าความหล่อเหลาออกมาจนคนรอบข้างพากันเหลียวมอง ใบหน้าหล่อนิ่งขรึมทว่าแววตากลับนุ่มละมุนเสียจนร่างบางหัวใจสั่น เธอเกือบจะเผลอปล่อยมือจากกล่องรับบริจาค โชคดีที่ยกมันขึ้นมากอดเอาไว้ได้ทัน
“มาแล้วเหรอคะพี่หมอ ขอบคุณพี่มาก ๆ นะคะที่อนุญาตให้พวกเราเข้ามาเปิดบูธในโรงพยาบาลแบบนี้” เสียงริตาโพล่งออกมาจากด้านหลังไลลานาช่วยทำลายความกระอักกระอ่วนชวนอึดอัดได้อย่างดี
‘พี่หมอ’ หรือ ‘หมอตะวัน’ จิตแพทย์หนุ่มผู้เป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ได้ละสายตาไปมองคนทักทายเลยสักนิด สายตาเขาจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยหวานแสนคุ้นเคย แววตาห่วงหาฉายชัดอย่างไม่เก็บอาการ ไลลานาหลบสายตาสื่อความหมายคู่นั้น หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักแทบระเบิด
นานเท่าไหร่แล้วนะ… นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้พบกัน
“พี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
เพราะทนอึดอัดกับสายตาของชายตรงหน้าไม่ไหว ไลลานาจึงขอตัวหลบฉากออกมา เธอก้าวเท้าเร็ว ๆ เพื่อพาตัวเองให้พ้นจากสถานที่ตรงนั้น เมื่อหลุดพ้นมาบริเวณด้านโถงทางเดินของโรงพยาบาล เสียงถอนหายใจยาว ๆ หลุดรอดออกมา
สี่ปี… สี่ปีแล้วนับตั้งแต่วันนั้น…
‘พี่รักไลลานะ’
เสียงทุ้มแสนอ่อนโยนและหวานหูลอยเข้ามาในภวังค์ความคิด ภาพรอยยิ้มอบอุ่นที่เคยเป็นโลกทั้งใบของเธอปรากฏขึ้นมา
ไม่… เลิกคิดซะไลลา เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว… มันจบไปแล้ว…
ไลลานาสะบัดศีรษะเบา ๆ ไล่ความฟุ้งซ่านในอดีตออกไป เธอข่มใจให้สงบ เป่าปากสองสามทีเรียกสติตัวเองกลับมา ที่ผ่านมาเธอทำได้ ครั้งนี้เธอก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน สองเท้าเตรียมจะหมุนตัวเดินกลับ ทว่าร่างบางปะทะเข้ากับใครคนหนึ่งเข้าอย่างจังจนเธอเสียหลัก
“อ๊ะ…” เอวบางถูกกอดประคองไม่ให้ล้มหงายหลัง เปลี่ยนเป็นดึงตัวเธอให้เข้ามาซบลงบนแผงอกแกร่งแทน กลิ่นน้ำหอมที่มีความหอมพิเศษกว่ากลิ่นไหน ๆ ลอยเข้ามาปะทะปลายจมูก ความรู้สึกคุ้นเคยสายหนึ่งแล่นวาบเข้ามา
ฟืด…
เสียงสูดลมหายใจแรง ๆ ดังขึ้นเหนือศีรษะ ไลลานาสะดุ้งเล็กน้อยรีบผละออกจากร่างสูงทันที แต่วงแขนแกร่งกลับกอดรั้งเธอไม่ยอมปล่อย ร่างเล็กออกแรงดิ้นเบา ๆ รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา เธอบีบท่อนแขนที่เต็มไปด้วยหมัดกล้ามเพื่อเตือนให้เขาปล่อยเธอได้แล้ว
ไฟซัลที่เผลอกอดร่างบางแน่นแถมยังสูดดมกลิ่นหอมจากกายสาวด้วยความลืมตัวถึงกับชะงัก เขารีบปล่อยมือออกจากร่างเล็กด้วยความเสียดาย อยากจะกอดและสูดกลิ่นหอม ๆ นั้นให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่คงทำแบบนั้นไม่ได้เพราะดวงตาหวานของคนตรงหน้ากำลังจ้องเขาด้วยสายตาหวาดระแวงขั้นสุด
เวรแล้ว… เขาเผลอทำไก่ตื่นหรือเปล่าเนี่ย
ทางด้านไลลานาพอร่างกายเป็นอิสระก็รีบถอยหลังห่างไฟซัลหลายก้าว เธอมองเขาด้วยความหวาดระแวงอย่างมาก ตอนแรกก็นึกอยากจะขอบคุณเขาอยู่หรอกที่ช่วยประคองไม่ให้เธอล้ม แต่พอถูกกอดแนบแน่นแถมยังถูกสูดดมอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น เธอเอ่ยคำขอบคุณไม่ลงเลยจริง ๆ อดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า ทว่าเมื่อมองหน้าเขาชัด ๆ เธอถึงกับนิ่งไปหลายวินาที
ใบหน้าหล่อเหลาตัดรับกับเรือนผมสีดำยาวประบ่า ดวงตามังกรเรียวรีน่าเกรงขามทอดมองเธอด้วยแววตานุ่มลึก ริมฝีปากสีชมพูจาง ๆ คล้ายผู้หญิงช่วยขับให้ชายคนนี้ดูดีจนหัวใจดวงน้อยสั่นไหว
สวยจัง…
คำแรกผุดเข้ามาในหัวน้อย ๆ ของไลลานา เธอรู้ว่านี่ค่อนข้างเป็นคำชมที่ไม่น่าพิสมัยสำหรับผู้ชายนัก แต่เธอไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบเปรยหน้าตาของเขาคนนี้แล้ว เขาเป็นผู้ชายที่มีเค้าโครงหน้าสวยมาก ทั้งดวงตาเรียวรีดุจมังกร แพขนตางอนยาว จมูกโด่งสวย ริมฝีปากสีชมพูน่าสัมผัส องคาพยพทั้งห้าดั่งสวรรค์สรรค์สร้างชัด ๆ
ทว่าอีกนัยหนึ่ง… เธอรู้สึกคุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้อย่างน่าประหลาดเช่นกัน โดยเฉพาะกลิ่นน้ำหอมของเขา มันราวกับว่าเธอเพิ่งได้สัมผัสกลิ่นนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก…
“ตาคุณสวยจังเลยนะครับ” ไฟซัลขยับยิ้มบาง เขาจ้องสบดวงตาหวานแถมยังโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้ระดับสายตาของทั้งสองเท่ากัน และเปิดโอกาสให้เธอจ้องมองเขาได้อย่างเต็มที่
“เอ่อ ขอโทษค่ะ ฉันเสียมารยาทแล้ว” ไลลานารีบหลบตา เมื่อรู้สึกว่าตัวเองจ้องเขามากเกินไปแล้ว ไม่ใช่แค่กลิ่นน้ำหอม แม้แต่น้ำเสียงของเขาเธอก็รู้สึกคุ้นหูจริง ๆ
ใครกันนะ… ผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้เธอเคยพบที่ไหนมาก่อนนะ