สายลมยามเช้าพัดผ่านเข้ามากระทบม่านสีอ่อนให้ปลิวพริ้วไสวตามแรงลม ร่างเปลือยเปล่าของตะวันฉายนอนแน่นิ่งมีเพียงผ้าห่มผืนหนาปกปิดกายขาวซีด ตามตัวเธอมีแต่รอยที่เขาจับตราจองเอาไว้ เปลือกตาหนากระพริบอย่างช้าๆเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนน้ำตาใสๆของเธอยิ่งไหลออกมา ตะวันฉายพยายามลุกขึ้นก่อนจะมองดูข้างๆที่ตอนนี้ไร้วี่แววของพายุภัค เมื่อได้ในสิ่งที่พอใจเขาก็จากไป สายตากลมโตหันไปมองคราบเลือดที่เปื้อนผ้าปูที่นอนอยู่หญิงสาวรีบลุกขึ้นก่อนจะกระชากมันออกมา พร้อมเดินตรงไปในห้องน้ำ น้ำเย็นถูกเปิดใส่ผ้าเธอพยายามล้าง ล้างให้มันออกให้หมด พร้อมหยาดหยดน้ำตาที่ยังคงไหลออกมาอย่างเจ็บปวด
'มันควรเป็นแบบนี้สินะตะวัน เธอต้องทนแทนบุญคุณห้ามร้องไห้ ห้ามอ่อนแอ!' หญิงสาวกัดฟันพยายามข่มความรู้สึกของตน
ปัจจุบัน
เมื่อเธอนึกถึงอดีตที่เจ็บปวดที่มันไม่เคยหายไปจากความทรงจำของเธอเลยสักครั้ง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เธอมีหน้าที่รองรับอารมณ์ของเขาเสมอมา โดยที่ใครไม่มีทางรู้ความสัมพันธ์ของเธอและเขา หญิงสาวเพิ่งฟื้นจากพิษไข้ฝีมือก็มาจากเขาคนนั้น ร่างกายเธอแทบไม่พักไหนจะโดนสั่งให้ช่วยจัดงานวันเกิดให้พายุภัคอีก หญิงสาวจนเป็นลมล้มตกน้ำไป เธอจำอะไรไม่ได้เลยแต่ใบตองบอกว่าคนที่ช่วยเธอก็คือพายุภัค คนอย่างเขาน่ะหรอรู้จักช่วยคนอื่นเป็น
"เป็นไงบ้างลูก?"เสียงคุณหญิงรุจีเดินเข้ามาเยี่ยมตะวันฉายในห้องนอน
"ดีขึ้นมาแล้วค่ะคุณแม่ ขอบคุณนะคะที่ดูแลตะวัน"
"ขอบคุณอะไรกันมันคือหน้าที่ของแม่ อีกอย่างดูพี่เขาจะเป็นห่วงหนูไม่น้อยเลยนะ ใครจะคิดล่ะว่าคนดุๆอย่างพายุจะรู้จักเป็นคนอื่น แม่เลือกไม่ผิดจริงๆที่จะให้หนูแต่งงานกับพี่เขา" ตะวันฉายไม่ได้พูดอะไรตอบนอกจากยิ้มแห้งๆให้คุณหญิงรุจี
อีกด้านของพายุภัค
เขาเข้ามาช่วยท่านมานพบริหารกิจการนับหลายหมื่นล้านเรื่องการทำงานเขาไม่ด้อยกว่าใคร มีแต่นิสัยที่เอาแต่ใจ โวยวายไม่ไว้หน้าใครของชายหนุ่มทำให้ใครๆต่างไม่กล้าเข้าใกล้
ปั่ง! เสียงแฟ้มเอกสารปลิวลงพื้นจนพนักงานต่างกันก้มหน้าก้มตา
"มีปัญญาทำได้แค่นี่รึไง! ผมต้องการได้ผลสรุปไตรมาสปีนี้ทุกอย่างไม่ใช่รวมอะไรมาก็ไม่รู้ พวกคุณคิดว่าเล่นขายของกันรึไง ผมให้เวลาอีกหนึ่งวันถ้ายังทำงานกันแบบนี้ก็ลาก่อนไปชะ!" เสียงดุดันพูดออกมาอย่างไม่ไว้หน้าใครจนทุกคนไม่กล้าสบสายตาชายหนุ่ม
พายุภัคเดินออกมาจากห้องประชุมด้วยอารมณ์ไม่ดี สีหน้าท่าทางของชายหนุ่มเหมือนกินรังแตนที่ไหนมาจนท่านมานพต้องมาที่ห้องลูกชาย
"พ่อว่าใจเย็นๆลงบ้างก็ดีนะพายุ ทำแบบนี้พนักงานก็กลัวกันหมด!"
"ผมไม่สนใจว่าจะกลัวหรือจะชอบ แต่ทุกคนที่ทำงานที่นี้ต้องเต็มที่ไม่ใช่ทำอะไรมาก็ไม่รู้ เงินเดือนเราจ่ายสูงกว่าที่อื่นก็หวังคนที่มีคุณภาพมาทำงานให้นะครับพ่อ"ท่านมานพไม่พูดอะไรต่อมันก็จริงอย่างที่ลูกชายว่า
"เอ่อนี้ แม่เราโทรมาบอกว่าวันนี้กลับบ้านเร็วหน่อยนะ สงสัยจะลงครัวทำอาหารมื้อใหญ่บำรุงหนูตะวัน" พอได้ยินชื่อนี้สีหน้าของพายุภัคก็เปลี่ยนไปอีกแบบ
"เธอหายดีแล้วหรอครับ?"
"เห็นว่าอย่างนั้นนะ เริ่มดีขึ้นมาก ลูกก็อย่าไปแกล้งหนูตะวันให้มากหน่อยเลย"
"ผมก็เป็นของผมแบบนี้!" สีหน้าท่าทางยิ้มเจ้าเล่ห์ของพายุภัคทำให้ท่านมานพพอเดาได้ เขารู้จักลูกตัวเองดีว่าเป็นคนอย่างไร อายุเท่านี้ไม่ออกไปเที่ยวผู้หญิง ไม่มีข่าวคบหาใคร ก็คงจะเดาไม่ยาก
ตกค่ำของวัน วันนี้คุณหญิงรุจีเข้าครัวด้วยตัวเองเธอทำซุปของโปรดของตะวันฉายและพายุภัคมากมาย หญิงสาวรับรู้ถึงความรักของคุณหญิงรุจีที่มีให้เธอ รอยยิ้มน้อยๆมองดูหญิงวัย50ด้วยความสุข
"หอมไหมจ้ะตะวัน มาลองชิมหน่อยแม่ตั้งใจทำเลยนะไม่รู้ขาดอะไรรึเปล่า"คุณหญิงรุจีตักน้ำชุปใส่ช้อนน้อยๆพร้อมป้อนหญิงสาว รสชาติอร่อยจนแววตาของตะวันฉายเป็นประกายขึ้นมา
"อร่อยมากเลยคะคุณแม่"
"จริงๆนะ ได้ยินอย่างแม่ก็โล่งใจกลัวไม่ถูกปาก ยิ่งพายุแล้วนะรายนั้นเรื่องเยอะกว่าใครแม่ต้องใส่ใจทุกอย่าง" หญิงสาวยิ้มแห้งเมื่อคุณหญิงรุจีพูดถึงพายุภัค อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของเขาแล้วทุกคนในบ้านจึงเหนื่อยมากขึ้นก็เพราะต้องจัดงานให้ถูกใจตามที่เขาตรงการ เสียงรถเลี้ยวเข้ามาแม่บ้านทุกคนรีบออกไปต้อนรับเช่นเดียวกับเธอและคุณหญิงรุจี มันเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันเวลาท่านมานพไปทำงานคุณหญิงรุจีต้องไปยืนรับยืนส่งทุกวัน
แววตาตะวันฉายก้มหน้าก้มตาลงเมื่อเห็นพายุภัคเดินตามท่านมานพเข้ามา ชายหนุ่มแยกไปคนละคันกับบิดา สีหน้าคมสันจมูกโด่ง เขาหล่อมากคนหนึ่งแต่ความหล่อนั้นกลับไม่มีใครกล้ามอง หึก็เขาทั้งดุ ทั้งโหดใครจะกล้า
"พายุเป็นไงบ้างเหนื่อยรึเปล่าลูกวันนี้?"คุณหญิงรุจีถามลูกชาย เขาหันมามองมารดาก่อนจะแอบมองมาที่ตะวันฉาย
"ไม่เหนื่อยครับ แรงยังเหลือเฟือย!" คำพูดเน้นคำจนตะวันฉายทำตัวไม่ถูก
"งั้นก็ดีแล้วจ้ะ มาๆแม่ให้คนจัดอาหารขึ้นโต๊ะพอดี"คุณหญิงรุจีจับแขนลูกชายไปที่ห้องอาหาร ท่านมานพเดินมาพร้อมยิ้มให้ตะวันฉายพร้อมลูบหัวหญิงสาวเบาๆก่อนจะเดินตามภรรยาไป
บนโต๊ะอาหารมากมายที่ถูกจัดขึ้นมีคนรับประทานแค่สี่คนโดยคนนั่งหัวโต๊ะเป็นท่านมานพ ซ้ายมือคือพายุภัค ฝั่งขวามีคุณหญิงรุจีและตะวันฉาย แววตาหญิงสาวทุกครั้งที่ร่วมทานข้าวพร้อมชายหนุ่มเธอจะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบสายตาเขา
"แล้วนี่หนูตะวันดีขึ้นแล้วหรอ"ท่านมานพถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
"ดีขึ้นแล้วคะคุณพ่อ"
"พ่อลืมถามว่าทำอีท่าไหนถึงได้ตกน้ำตกท่าได้ละ?" พายุภัคจ้องรอฟังคำตอบ ตะวันทำตัวไม่ถูก
"คือหนูไม่ทันระวังเลยตกลงไปคะ"
"ไม่ได้นะลูก ต้องระวังร่างกายผู้หญิงเราต้องดูแลอย่างดี" พายุภัคได้ยินคำตอบของตะวันฉายก็ยกมุมปากยิ้มขึ้นมา เขาเป็นคนแกล้งเธอเองแต่รู้ดีว่าคนอย่างตะวันไม่กล้าบอกใครว่าเขาทำอะไรเธอบ้าง ท่านมานพมองหน้าลูกชายอย่างรู้ทัน เขารู้ว่าคนที่ทำตะวันฉายก็คือลูกชายตัวดีของเขาเอง
หลังจากทานอาหารเสร็จต่างคนต่างแยกย้ายไปพักผ่อน รวมถึงตะวันฉายเองอีกไม่นานเธอต้องฝึกงานท่านมานพและคุณหญิงรุจีต่างให้เธอไปช่วยงานพายุภัคใจเธอไม่อยากทำแต่ก็ห้ามไม่ได้ แค่คิดเธอก็ยิ่งทุกข์ต้องเจอเขาทั้งที่บริษัทและที่บ้าน
21:45 นาที
ร่างบางอรชรลุกเดินไปปิดไฟหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเธอไม่ลืมที่จะล็อกห้องนอนอย่างดี พร้อมเดินมาที่เตียงก่อนจะล้มตัวนอนลง ทุกๆวันเขามักจะเข้ามาหาเธอแต่ตอนที่เธอป่วยเขาก็ไม่มาอีกเลย มันทำให้เธอดีใจมากที่จะไม่ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขา ไม่นานนักตะวันฉายก็หลับเพราะเธอเพิ่งกินยาไปเลยง่วงเร็วกว่าทุกวัน
ลมหายใจรดต้นคอขาวระหงชายหนุ่มขึ้นค่อมก่อนจะจูบตามร่างกายของเธอ เขาอดทนมาหลายวันเพราะเห็นว่าเธอป่วยพอรู้ว่าเธอดีขึ้น พายุก็แอบมาไขกุญแจเข้าห้องเธอ ริมฝีปากหยักได้รูปบรรจงดูดเนินอกอวบไปมา
"หื้ม!"เสียงครางดังขึ้นมาพร้อมร่างกายของตะวันที่บิดขี้เกียจไปมา เธอรู้สึกหนักตัวก่อนจะพยายามลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ สีหน้าตกใจเมื่อเห็นเงาหนาใหญ่ทับทาบกายเธออยู่ ไม่ต้องเดาเธอก็รู้ว่าเป็นเขา กลิ่นน้ำหอมของชายหนุ่มเธอจำได้ดี
"คุณพายุอย่าคะ!"เธอร้องห้าม
"เคยห้ามฉันได้ด้วยหรอตะวัน?"เขาพูดขึ้น มันก็จริงเธอไม่เคยห้ามเขาได้เลยสักครั้ง
"เดี๋ยวมีใครเห็นนะคะ"
"ใครสนกันละ?" เขาไม่พูดเปล่าพร้อมยกมือมาปลดกระดุมชุดนอนของตนออก
"ฉันทรมานมาหลายวันแล้วนะ เธอไม่สงสารฉันบ้างหรอตะวัน!"