ดวงตาคมกริบหรี่มองนิ้วเรียวยาวทั้งห้าเคาะโต๊ะบาร์ทรงสูง ขณะยืนรอพนักงานต้อนรับก้มหน้าก้มตาใช้คอมพิวเตอร์ค้นหาห้องว่าง ที่พักอาศัยชั่วคราวใกล้เคียงกับพวกเขาที่สุด เธอกวาดตามองสำรวจบริเวณรอบๆ ไปทั่ว ท่าทางนี้กำลังทำให้หนุ่มรุ่นน้องเจ้าของร่างสูงลอบมองอยู่อมยิ้มบางๆ พินิจพิจารณาบุคลิกที่เห็นตามความรู้สึก หญิงสาวเป็นคนใจร้อนใช่เล่น
“ว่าไงคะ? ยังมีห้องเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า”
เพราะนอกจากจะใช้น้ำเสียงห้วนๆ ในการสนทนากับคนแปลกหน้า สีหน้าของเธอนับตั้งแต่วินาทีที่เจอกัน แทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสักนิด
“ต้องขอโทษคุณลูกค้าด้วย ห้องพักของเราตอนนี้ไม่มีห้องไหนว่างเลยค่ะ แขก Check Out เร็วสุดก็ตอนสายๆ และเราจะต้องเคลียร์ห้อง ใช้เวลาตรงนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง..”
“โอเค”
ความใจร้อนที่ว่าไม่ใช่แค่การยืนมองให้ใครสักคนเอาเวลาของเธอไปใช้กับอะไรบางอย่างแล้วปล่อยให้เธอยืนรอ แต่เป็นบทสนทนาด้วย เพราะเพียงประโยคปานกลางไม่กี่ประโยค ซึ่งไม่นานเกินรอจะอธิบายจบ เธอกลับเลือกตัดบทหมุนตัวเดินออกไปหน้าตาเฉย ปล่อยชายหนุ่มที่ยืนรออยู่เคียงข้างยังมึนงง ก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อขออภัยแทนเธอ กระชับสายเป้เดินตาม ไม่นานกลับต้องชะลอฝีเท้าก็หลังเห็นเธอเดินเร็วมาหยุดอยู่ตรงประตูทางเข้า
“เราจะทำยังไงกันดีครับ”
“เราเหรอ?” หญิงสาวมองข้ามไหล่ ขึงตาใส่ด้วยความหงุดหงิด “หึ..ไม่ใช่แล้ว หลังจากนี้นายคนเดียวเถอะ”
พาสคาลเงียบกริบ เลิกคิ้วสูงใช้ดวงตาใสซื่อหลังกรอบแว่นหน้าเตอะนั้นมองเธอ พลันเป่าลมหายใจออกมา
“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นเราแยกกันตรงนี้ เดี๋ยวผมจะเดินหาไปเรื่อยๆ เอง ขอบคุณพี่มากนะครับ ที่อุตส่าห์พามาที่นี่”
รอบนี้เขาไม่ได้เซ้าซี้หรือขอร้อง แต่เลือกที่จะพยักหน้า หมุนตัวเดินออกไปแทน น่าแปลกเพียงแค่ประโยคราบเรียบ พร้อมท่าทางว่าง่าย สามารถทำหญิงสาวใจกระตุก เตียร์ปรายตาตามหย่อนหัวคิ้วแทบจะชนกัน เห็นแผ่นหลังกว้าง มือขวากระชับกระเป๋าเป้แน่น ขยับเขยื้อนจากใหญ่ไต่ระดับไปเล็ก ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นฟ้า พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เร่งตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่มันจะยุ่งมากไปกว่านี้ เธอกลัวเด็กต่างถิ่นคนนั้นจะไปเจอกับโจร หรือแก๊งยากูซ่ารีดไถเงิน
“เดี๋ยว”
ดวงตาแสนเท่หลุบลงต่ำ หลังตะโกนออกไปทำแผ่นหลังกว้างชะงักกึกหันกลับมาแล้วไม่กล้าสบตาตรงๆ
“ครับ?”
กว่าจะก้าวเท้าเดินไปหาได้ คิ้วหนาของคนถูกเรียกถึงกับยกสูงขึ้น มองร่างบางในคราบเสื้อคลุมตัวหลวมเดินเชื่องช้าเข้ามา สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง
ท่าทางนี้เขารู้ดีหล่อนกำลังช่างใจและลังเลอยู่ สับสนระหว่างจะช่วยเหลือหรือไม่ช่วยเหลือเขาดี เพียงแต่ไม่ทันได้คิดว่าพอตัดสินใจช่วย จะมากมายขนาดนี้ มันเหนือความคาดหมาย หลุดจากแผนที่วางไว้ออกทะเลไปไกล
“ฉันจะให้นายค้างห้องฉันคืนนึง พรุ่งนี้ช่วงสายค่อยกลับมาที่นี่ใหม่”
“จริงเหรอครับ?”
“ต้องการคำยืนยันเป็นคำตรงกันข้ามไหมล่ะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะมีน้ำใจแค่ไหน ท้ายที่สุดเธอก็ดุเก่งอยู่ดี แต่หากเปรียบเทียบกับสุนัข สำหรับเขาเธอจะกลายเป็นสุนัขพันธุ์ที่น่ารักที่สุดตัวจะเล็กที่สุดสำหรับเขา ทว่าเธอคงไม่รู้ แท้จริงเขานั้นหมาป่า
พาสคาลสั่นหน้า ยิ้มกว้างหวานละมุน แต่น่าหมั่นไส้สำหรับคนมอง หญิงสาวเบ้ปากก่อนจะหมุนตัวเดินนำ โดยมีร่างสูงก้าวตามไปติดๆ ระหว่างทางที่เดินพวกเขาเอาแต่เงียบนั่ นเพราะไม่มีใครเริ่มเปิดบทสนทนา
จนกระทั่งถึงที่หมาย...
“นายไว้ใจได้ใช่ไหม?”
ไม่นานคำถามนี้ถูกพ่นออกมาจากเตียร์ ด้วยโทนเสียงห้วนแฝงความวิตกกังวลหลบซ่อน ช้อนตาขึ้นมองเขาหลังคลายล็อคประตู พลางเปิดเข้าไปแล้วเสร็จ ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นเป็นสัญญาณแทนคำสัญญา ทำหน้าทะเล้น
“ด้วยเกียรติของผมเลยครับ”
“นายมีเกียรติขนาดไหนกันเชียว”
ทว่าคนฟังกลับไม่เล่นด้วย เธอยกยิ้มมุมปากแสร้งทำเป็นดูแคลนเขา ก่อนจะเดินหายเข้าไปข้างใน ที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของเธอ เนื่องจากไม่นานเธอเดินออกมาพร้อมหมอนกับผ้าห่ม ก่อนจะทุ่มมันลงโซฟา ทำร่างสูงหันตามยืนมองนิ่ง
“นั่น.. ที่นอนนาย”
ดึงหน้ากลับขึ้นมายิ้มเจื่อนก็ตอนเห็นนิ้วชี้กับคำสั่งที่ฟังแล้วรู้สึกไม่ลื่นหูเท่าไหร่นัก พลางปลดสายเป้ออกจากบ่า ทิ้งตัวลงบนโซฟาปิดเปลือกตาหลวมบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าสูงสุด ท่ามกลางการมองอยู่ของเตียร์กับสายตาซึ่งยากจะคาดเดา ในขณะเธออยากรู้ชื่อของเขาเตรียมจะอ้าปากถาม แต่อีกใจหนึ่งกลับทำให้เธอปิดปากเงียบ เลือกที่จะไม่รู้จะดีกว่า
“จะไปแล้วเหรอครับ”
เสียงทุ้มอู้อี้ถูกปล่อยออกมาในจังหวะหมุนตัวเตรียมจะเดิน เท้าคู่จึงชะงักงัน มองข้ามไหล่ไปหาเขาอีกครั้ง
“ฉันก็ง่วงเป็นนะ”
“ไม่คิดจะถามชื่อผมหน่อยหรือ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับพี่อยู่”
“ไม่จำเป็น”
“แต่ผมอยากบอก เผื่อของพี่หายพี่จะได้รู้ว่าผมเป็นคนขโมยไป”
ดวงตากลมโตกลอกขึ้นมองบน รู้สึกคนตรงหน้ากำลังกวนประสาทเธอจนหงุดหงิด เธอไม่ได้หันมามองเขาทั้งตัว ส่วนเขาเองก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาพูดกับเธอเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างหลบซ่อนอยู่ในมุมมืด จะสัมผัสได้เฉพาะหัวใจตัวเองเท่านั้นที่เกิดเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะเตียร์ คนที่ไม่เคยพาผู้ชายเข้ามาในห้องสักครั้ง เขาคือคนแรก
เธอถอนหายใจแผ่ว หันไปหาเขาทั้งตัว
“โอเค ถ้าอย่างนั้น...นายชื่ออะไร?”
“พี่บอกชื่อพี่ก่อน”
“นี่!”
“อย่าเพิ่งโมโหสิครับ ผมก็แค่ให้เกียรติพี่ อยากให้พี่บอกผมก่อนในฐานะเป็นพี่สาวผม”
“ใครเป็นพี่สาวนาย?”
“ใครก็ได้ที่มีอายุมากกว่า ผมเรียกว่าพี่ทั้งนั้นแหละ”
ใจจริงเธอไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขานักหรอก เพราะอยู่ในสภาพง่วงจะแย่ หญิงสาวจำต้องหยุดนิสัยเอาชนะไว้ชั่วคราวหวังตัดบท
“โอเค ฉันชื่อเตียร์ นายล่ะ?”
แต่ทว่า..
“เปลี่ยนใจดีกว่า ผมไม่อยากบอกพี่แล้ว”
“ไอ้...”
เป็นเขาที่จงใจจะกวนประสาททำให้เธอโกรธจริงๆ เกือบจะหลุดคำหยาบขณะตลึงตาใส่เขาแล้ว หากไม่ติดว่าเขาลืมตาขึ้นมามองเธอพอดิบพอดี พร้อมกับฉีกยิ้มให้
“ไว้พรุ่งนี้ตอนผมไป ผมจะบอก”