เสียงกระดิ่งประตูหน้าร้านเขย่า เรียกความสนใจของใครบางคนที่กำลังนั่งเล่นเกมอย่างสบายใจให้หันมามอง เตียร์ไม่สบอารมณ์นัก หลังเห็นลูกค้ามาเอาป่านนี้
“ร้านจะปิดแล้วค่ะ”
จึงตะโกนบอกแต่เหมือนปลายทางจะไม่ได้ยิน มือบางจำต้องกดหยุดสิ่งที่อยู่บนหน้าจอไว้ชั่วคราว ดึงหูฟังชนิดครอบออก รอให้เขาหลุดเข้ามาเต็มตัวถึงจะเจรจา
ดวงตาลอยที่มีพื้นที่สีขาวมากกว่าสีดำช้อนมองขึ้น มองร่างสูงแปลกหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ร้านปิดแล้วค่ะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะ”
ประโยคบอกเล่าออกมาจากปากอย่างราบเรียบ ทว่าท่าทางที่แสดงออกมาตรงกันข้าม บ่งบอกถึงความไม่ไว้ใจ เนื่องจากไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้มาก่อน เขาอยู่ในลักษณะแต่งตัวมิดชิด ...ที่มากจนเกินไป ปกปิดทุกอย่าง จะเหลือก็แต่ลูกตา
“ตรงประตูหน้าร้านเหลืออีกสิบนาที” แถมเหมือนจะเป็นคนชอบกวนปราสาทเสียด้วย
เตียร์รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น ก็ตอนเขาชี้ไปยังหน้าประตู
“สิบนาที ผมใช้มันไม่ถึงด้วยซ้ำ”
หญิงสาวถอนหายใจพรืด ปิดเปลือกตาลอยๆนั้น ราวกับกำลังข่มอารมณ์ หากไม่ติดว่าดึก และตอนนี้เฝ้าร้านตามลำพัง หลังพี่อีกคนขอตัวกลับก่อน เธอคงไม่มายืนลำบากใจอยู่แบบนี้ อีกอย่างถ้าปฏิเสธแลดูท่าเขาจะไม่ยอมง่ายๆ
“สำคัญมากเหรอ ถึงมาใหม่พรุ่งนี้ไม่ได้”
“สำคัญมากไหมนะเหรอ?” ชายหนุ่มยานคาง มือคู่ล้วงกระเป๋ากางเกง สายตาจ้องมาที่เธอ “ ผมสามารถโทรไปหาเจ้าของร้าน แล้วคอมแพลนพี่ได้”
“อะไรนะ?”
“ผมจะบอกว่าพี่ไล่ลูกค้า เพราะอยากจะปิดก่อนเวลา”
“นี่!”
ไม่ใช่แค่กวนประสาท สำหรับเตียร์คนตรงหน้าปากร้ายใช่เล่น ถึงกับดูไม่ออกเลยทีเดียวว่าการแต่งกายในลักษณะแบบนี้ ด้วยเสื้อคลุมติดหมวกสีดำกับผ้าปิดจมูกสีเดียวกันจะอยู่บนตัวของคนคนนี้ได้
การแต่งตัวของเขา ไม่ต่างจากคนกำลังหลบซ่อน..
“บอกตามตรง ถ้าพี่ปล่อยให้ผมได้ใช้คอม ไม่มายืนเถียงกันอยู่แบบนี้ ผมว่าผมเสร็จแล้ว”
“ให้มันน้อยๆหน่อย ฉันเพิ่งจะพูดกับนายแค่ไม่มีกี่คำ แล้วอีกอย่างเลิกเรียกฉันว่าพี่ได้แล้ว บางทีนายอาจจะแก่กว่าฉันก็ได้”
ร่างสูงถอนหายใจพรืด พลางสั่นศีรษะราวกับเรื่องที่เธอกำลังพูดเป็นเรื่องไร้สาระ และถ้ามองไม่ผิด เมื่อกี้เธอเห็นเขาหัวเราะเยาะผ่านดวงคมกริบคู่นั้นด้วย
“เหลือไม่กี่นาทีแล้ว เวลานั้นฉันจะใช้เก็บกวาด นายกลับไปเถอะพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
“แต่ว่างานของผมมันสำคัญนะครับ ผมรบกวนพี่ไม่นานหรอก”
“นี่กะจะเอาให้ได้เลยใช่ไหม?”
“ครับ”
ทำงานเฝ้าร้านเกมส์มาตั้งสองปี เตียร์ไม่เคยเจอลูกค้าคนไหนพูดไม่รู้เรื่องได้เท่ากับคนนี้ มากสุดก็มีแค่เด็กติดเกมส์บางกลุ่มที่เล่นเพลินจนไม่รู้เวล่ำเวลา แต่พอเธอไล่ก็ไม่เห็นมีใครถกเถียงหรือไม่เชื่อฟัง เหมือนกับคนตรงหน้าสักคน
“พี่จะคิดเงินผมเต็มชั่วโมงก็ได้ แต่ผมขอแค่ห้านาที”
“ห้านาที? หายใจก็หมดแล้วไหม”
เขาไม่ตอบ แต่กลับจ้องเธอเขม็ง น่าแปลกที่ความเงียบของเขาในตอนนี้จะทำให้เธอรู้สึกประหม่า มือบางที่กำลังเท้าสะเอวใช้อวดเก่งกับเขาในทีแรก เริ่มเหน็บชา หลังดวงตาของเขาไร้แสงประกาย เปลี่ยนไปราวกับคนละคน
“ เหลืออีกสามนาที”
ประโยคบอกเล่าของเขา ที่ทำคนฟังอย่างเธอถึงกับต้องชะงัก เพราะเขาไม่ได้พูดเปล่า แต่ขยับตัวใกล้เข้ามาด้วย เตียร์ขมวดคิ้วชนกัน สัญชาตญาณสั่งให้เธอถอย ช่างโชคร้ายที่การหนีกลายเป็นการเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาประชิดตัวมากขึ้น เนื่องจากตอนถอยต้นขาหลังชนกับเก้าอี้ เสียหลักทำให้ล้ม
“นะ นาย..”
ความตกใจที่ถูกครอบงำไปด้วยความกลัว สั่งให้ถ่างตาโตมากกว่าการร้องตะโกน เป็นจังหวะเดียวกันกับร่างสูงโน้มหน้าลงไป กับภายใต้ผ้าปิดจมูกที่เธอนั้นมองไม่เห็น เขากำลังยิ้มให้อยู่
“นายจะทำอะไรน่ะ”
" พี่บังคับผมเองนะ"
" ฉันบังคับอะไรนาย"
" ก็บังคับให้ผมต้องทำร้ายพี่ไง แต่ก่อนจะหลับ ผมอยากให้พี่จำชื่อของผมไว้ ผมชื่อ...”
ก่อนต้นคอของเธอจะถูกตีด้วยสันมืออย่างจังจนสลบไป