ก่อเหตุ

1310 Words
เตียร์ตื่นนอนในช่วงสายของอีกวัน พอผลักประตูออกมากลับไม่เห็นเขาที่เดิมแล้ว โซฟาถูกเขานอนทับเมื่อคืนว่างเปล่า แถมสะอาดสะอ้านราวกับก่อนไปเขาได้เก็บกวาดให้ หญิงสาวใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มรู้สึกขัดใจขึ้นมาเสียเฉยๆ “ไอ้เด็กไร้มารยาท” หมุนตัวกลับเข้าห้องไป ไม่ทันเห็นกระดาษแผ่นเล็กที่วางแอบไว้ เนื่องจากมันได้เคลื่อนย้าย ปลิวหล่นซอกโซฟาเพราะสายลม วันเกิดเหตุ... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ขณะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอกดรับโดยไม่มองหน้าจอ “ฮัลโหล..” หากรู้ปลายสายมาทำเธอหัวเสีย ตั้งแต่วินาทีแรกที่รับสายกันแบบนี้ คงจะปล่อยให้นอนสั่นอยู่แบบนั้นไม่ผันแล (มาเฝ้าร้านแทนพี่หน่อย) ดวงตากลมโตหยุดขยับไม่คิดกะพริบต่อ จ้องมองไปยังเบื้องหน้าไม่ได้เพ่งเล็งที่จุดใดจุดหนึ่ง นั้นเพราะเจ้าของประโยคนี้ทำเธอชะงัก กำลังระงับอารมณ์ร้อนคุกรุ่นด้วยการยืนนิ่ง คัตสึกิเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ชอบเอาปัญหามากวนใจเธอเสมอ “ทำไมชอบทำให้อารมณ์เสียอยู่เรื่อย วันนี้วันหยุดฉันนะ” แต่ถึงเขาจะเป็นรุ่นพี่ ใช่ว่าเตียร์จะก้มหัวให้ ร่างบางรายนี้ไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะถือศักดิ์ว่าพ่อตนนั้นใหญ่ เป็นถึงหัวหน้ายากูซ่ามีแต่คนเกรงกลัว วงการเดียวกันไม่มีใครไม่รู้จักเขา เนื่องจากคนคนนี้ไม่เคยมีอยู่ในความทรงจำเลยสักนิด สมัยยังเรียนเขามักจะทำให้เพื่อนร่วมห้องของเธอไม่คุยด้วย พยายามตีตัวออกห่าง เพราะความอุกอาจของเขาตลอด มีอย่างที่ไหนมารับมาส่งเธอที่โรงเรียน ยกลูกน้องเดินตามหลังมาเป็นขบวน (ให้มานั่งเล่นเกมส์สบายๆ นี่ มันลำบากมากใช่ไหม) “ก็ไม่ได้สบายเท่ากับการนอนอยู่บนเตียงตอนนี้หรอก” (เฮ้ รุ่นพี่ขอความช่วยเหลือเนี่ย จะใจดำไปถึงไหน) “ถ้าจะมาพูดอะไรแบบนี้นะ ช่วยสำเหนียกตัวเองด้วย ไม่ใช่ครั้งเดียวหรือเปล่า...มันกี่ครั้งเข้าไปแล้ว เหอะ ต้องให้ขึ้นเสียง” ปลายสายเงียบกริบ เจ้าของเสียงตวาดก่อนบ่นพึมพำในประโยคท้ายๆ เดาออกด้วยสาเหตุอะไร เธอจึงกลอกตามองบน ถอนหายใจพรืดใหญ่ “เออๆ ก็ได้ รำคาญจริง” เพราะรู้สุดท้ายเธอจะต้องใจอ่อนหรือไม่ใช่ เหมือนกับตอนนั้น คืนที่พารุ่นน้องคนหนึ่งมาค้างแรม แล้วสุดท้ายก็หายไปอย่างปริศนา (ว่าแล้ว ยังไงน้องพี่ก็ต้องช่วย ขอบคุณนะครับ) “แหวะ มาทำเป็นเสียงสอง กองไว้ตรงนั้นแหละ” เสียงหัวเราะร่วนดังลั่นลำโพง ขณะคนฟังกลอกตามองบนซ้ำอีกรอบ กระนั้นก็ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า เป็นรอยยิ้มแห่งการกลั้นขำ ที่คนปลายสายจะไม่ได้เห็น ก่อนจะกดตัดบทเขาไป เพื่อแต่งตัวต่อ เตียร์เดินออกมาจากห้องด้วยชุดสาวห้าวสไตล์เธอกับกระเป๋าเป้สีดำอีกใบ ถึงแม้ก่อนออกจากธรณีประตูหลุดไปยังโถงทางเดินอาคาร ก็ใช่ว่าจะไม่หันมามองโซฟาตัวเปล่า อย่างกับพฤติกรรมนี้ติดเป็นนิสัยไปแล้ว คาเฟ่อินเตอร์เน็ต ร่างบางมองซ้ายมองขวาขณะเดินข้ามถนน ก่อนจะตรงเข้าไปในร้าน ผ่านประตูชนิดผลักดันอย่างคุ้นเคย ทั้งที่ยากสำหรับคนนอกที่ไม่เคยใช้บริการ เพราะนอกจะมองไม่เห็นแล้ว คงจะเดาไม่ออกด้วยข้างในนั้นนอกจากโต๊ะคอมเรียงรายเป็นตับ มากกว่าห้าสิบชุดเป็นอะไร ยังมีหลายอย่างซ่อนอยู่ ที่สามารถทำขาประจำอยู่นานได้ไม่อั้น ซึ่งถ้าไม่มีการกำหนดเวลาปิดเปิดที่แน่นอน ป่านนี้คงจะได้เห็นหน้าเด็กบางคนนั่งอยู่ที่เดิมติดต่อสองวันไปแล้ว “อะไร? นี่พอฉันมาจะไปเลยเหรอ” เตียร์เลิกคิ้วสูง ไม่ได้ตะเบ็งเสียงถามอย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจากการเดินมาเมื่อครู่นี้ทำเธอเหนื่อยจนหอบ คัตสึกิไหวไหล่แกร่ง ดึงเป้ขึ้นมาสะพายไม่สนใจคำถาม เตรียมจะเดินสวนกันกับเธอ ทว่ากลับถูกเธอยื้อไว้ โดยการเกี่ยวนิ้วเข้าไปในสายสะพายแล้วกระตุกกลับมา ทำร่างผอมแต่สูงกว่าหงายหลังเกือบล้ม “เฮ้ย อะไรเนี่ย” “ก็รู้ๆ กันอยู่ ฉันไม่ชอบคนเสียมารยาท” “ไม่เอาน่า มาถึงแล้วก็ไปนั่งแทนดิ พี่รีบ” “จะรีบไปไหนนักหนา นัดใครไว้รึไง สาวๆ สิท่า” “รู้แล้วจะถามทำไม” คนแซวกระตุกยิ้ม ขณะคัตสึกิเลิกลัก พยายามฉุดดึงตัวเองออกจากพันธนาการไปด้วย ดวงตาโตหรี่ต่ำ มองผู้ชายหน้าใสปานหญิงแรกแย้ม ริมฝีปากโค้งเปลี่ยนเป็นร้ายยิ่งกว่าเก่า ปล่อยมือจากสายสะพายนั้นกะทันหัน ทำชายหนุ่มที่กำลังดิ้นรนเสียหลังล้มไปจริงๆ เรียกเสียงหัวเราะของลูกค้าภายในร้านได้ไม่น้อย “ยัยบ้าเอ๊ย” สะบัดมือเข้าหากันหลายที ก้มลงมองคัตสึกิด้วยสีหน้าทะเล้นสุด พลางหมุนตัวเดินเข้าไปหลังร้านอย่างหน้าตาเฉย ก่อนจะหลุดขำกับเสียงตะโกนลอยตามหลังมา ตกกลางคืนท่ามกลางความเงียบสงัด ที่เหมือนจะเงียบกว่าปกติหลังลูกค้าหลายช่วงอายุพากันทยอยกลับบ้าน เนื่องจากเป็นเวลาที่ร้านใกล้จะปิดแล้ว เธอจึงใช้เวลานั้นลุกไปหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หวังกินตั้งแต่ตอนนี้กลับบ้านไปจะได้ไม่ลำบาก ก่อนจะทำการตัดเล็บฆ่าเวลา ในขณะตานั้นจ้องมองจอคอม กริ๊ง! เสียงกระดิ่งประตูหน้าร้านเขย่า เรียกความสนใจของเธอให้หันไปมอง เม้มริมฝีปากแน่น ปกติเวลานี้ของทุกคืนจะไม่มีใครเดินเข้ามา และคนแถวนี้ก็เป็นลูกค้าประจำของร้านเกือบทั้งหมด “ร้านจะปิดแล้วค่ะ” เธอจึงตะโกนบอกแต่เหมือนปลายทางจะไม่ได้ยิน มือบางละนิ้วออกจากแป้น กดหยุดสิ่งที่อยู่บนหน้าจอไว้ชั่วคราวมองร่างสูงที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “ร้านปิดแล้วค่ะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะ” “ตรงประตูหน้าร้านเหลืออีกสิบนาที” หลังจากนั้นทำให้เธอรู้แน่ชัดเลยว่า การยกเหตุผลทั้งหมดที่เธอมี ท้ายที่สุดไม่ได้ช่วยอะไรเลย ร่างสูงไม่ได้ฟัง มิหนำซ้ำยังไม่ยอมกลับ อ้างว่างานตนนั้นสำคัญสุด “สำคัญมากเหรอ ถึงมาใหม่พรุ่งนี้ไม่ได้” “สำคัญมากไหมนะเหรอ ผมสามารถโทรไปหาเจ้าของร้าน แล้วคอมแพลนพี่ได้” “อะไรนะ?” “ผมจะบอกว่าพี่ไล่ลูกค้า เพราะอยากจะปิดก่อนเวลา” “นี่!” “บอกตามตรง ถ้าพี่ปล่อยให้ผมได้ใช้คอม ไม่มายืนเถียงกันอยู่แบบนี้ ป่านนี้ผมเสร็จแล้ว” “ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันเพิ่งจะพูดกับนายแค่ไม่มีกี่คำ แล้วอีกอย่างเลิกเรียกฉันว่าพี่ได้แล้ว บางทีนายอาจจะแก่กว่าฉันก็ได้ เหลือไม่กี่นาทีแล้ว เวลานั้นฉันจะใช้เก็บกวาด นายกลับไปเถอะพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” “แต่ว่างานของผมมันสำคัญนะครับ ผมรบกวนพี่ไม่นานหรอก” “นี่กะจะเอาให้ได้เลยใช่ไหม?” “ครับ” “พี่จะคิดเงินผมเต็มชั่วโมงก็ได้ครับ ผมขอเวลาแค่ห้านาที” “ห้านาที? หายใจก็หมดแล้วไหม” “เหลืออีกสามนาที” ขณะทั้งคู่ถกเถียงกัน สมองเธอพลันสับสน เหมือนเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน ทั้งที่มีโอกาสได้สบตา แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก จนกระทั่ง... “พี่บังคับผมเองนะ” ภาพถูกตัดไปกลายเป็นสีดำในที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD