ตอนที่ 4 : ผู้ช่วยคนสนิท

2040 Words
เงียบกริบ... อี้เฉิงหน้าชาวาบ ราวกับถูกฟ้าผ่าลงตรงหัว ใบหูร้อนผ่าวขึ้นทันที เขารีบดึงมือออกเหมือนโดนไฟลวก “อื้อ….” ทันใดนั้น ซูเสี่ยวหนิงก็พลิกตัวตื่นพอดี ดวงตากลมใสกะพริบ ปรือตา ก่อนหาวหวอด…. เธอเห็นเขายืนหน้าตึงอยู่ข้างเตียงจึงขมวดคิ้วถาม “เป็นอะไรของคุณ มายืนทำหน้าแดง มีไข้หรือ?” หวังอี้เฉิงรีบหันหน้าหนี เสียงเข้มแต่ติดสั่นเล็กน้อย “เธอ…ทำไมเธอถึง… คือเธอนอนยังไงถึงถอดเสื้อผ้าเกลื่อนแบบนี้!” ซูเสี่ยวหนิงยังงัวเงีย ขณะมองไปเห็นเสื้อชั้นในบนพื้น ก่อนหัวเราะพรืด “อ๋อ…! ก็มันอึดอัดนี่นา เลยถอดไว้ตอนดึก ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาเห็นนะสิ ฮ่าๆๆ! ที่หน้าแดงเพราะเขินใช่มั้ย” หวังอี้เฉิงเม้มปากแน่น หันหลังกลับแทบจะทันทีเพื่อปกปิดใบหน้าที่แดงก่ำ “หุบปากซะ! รีบแต่งตัวแล้วลงมากินข้าว อย่าให้ฉันต้องมาเสียเวลาปลุกเธออีก!” เสียงสั่งการเด็ดขาดดังขึ้น แต่ก้าวเดินกลับออกไปเร็วผิดปกติ ราวกับหนีจากอะไรบางอย่าง เขากำลังหนีจากความเขินอายที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต ซูเสี่ยวหนิงมองตามหลังเขา ยกมือป้องปากหัวเราะเบาๆ “อุ๊ย…เจ้านายมาเฟียผู้เย็นชา…ก็ยังหน้าแดงเป็นนะคิกๆ” ว่าแล้วก็บิดขี้เกียจ งัดตัวเองให้ลุกออกจากที่นอนแสนสบาย เป็นคืนแรกตั้งแต่เกิดมาที่ได้มีการพักผ่อนที่ยอดเยี่ยม เธอยังตื่นตาตื่นใจที่ตู้เสื้อผ้ามีชุดสวยมากมาย ไม่รู้ว่าแม่บ้านเข้ามาจัดการตั้งแต่เมื่อไร จึงสลัดเสื้อนอนลงตะกร้าหลังจากแปรงฟันล้างหน้า แปลงร่างเป็นสาวน้อยน่ารักชุดสีหวานละมุน ตอนนี้ซูเสี่ยวหนิงคือผู้หญิงของมาเฟีย ด้านล่าง…. แม่บ้านสิบคนยืนอยู่มุมห้อง ต่างมีถาดในมือซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องดื่ม ผลไม้ที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ผ้าชุบน้ำมันหอมสำหรับเช็ดมือ ขนมจำพวกคุกกี้ ขนมปัง ยืนหลุบตาลง แต่จับการเคลื่อนไหวรอฟังคำสั่งเพียงกระดิกนิ้ว โต๊ะอาหารยาวเหยียดในห้องโถงใหญ่ ถูกจัดเต็มด้วยกับข้าวหรูหรานับสิบชนิด โจ๊กหอมกรุ่น เกี๊ยวร้อนๆ เนื้ออบซอส และขนมติ่มซำที่จัดเรียงอย่างประณีต หากใครมาเห็นจะต้องกลืนน้ำลาย แต่ไม่ใช่กับคนในคฤหาสน์ที่ยังเก็บกิริยาสุขุม พวกเขาไม่ได้ถูกละเลย ไม่เคยต้องทำให้อดอยาก ขอเพียงตั้งใจทำงาน ทำตามกฎระเบียบ หวังอี้เฉิงนั่งหัวโต๊ะ ท่าทางเคร่งขรึม สง่างามไร้ที่ติ เขาไม่ได้แตะต้องอาหาร ลูกน้องยืนเรียงรายรอบห้อง แผ่นหลังตรงราวไม้บรรทัด ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขยับ ทว่าในบรรยากาศเงียบสงัดนั้น… “อ้าม...อร่อยมาก!” เสียง ซู้ด ซู้ด และ กร้วม! ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่สนว่าจะมีสายตากี่คู่ที่มองตน เนื่องจากกำลังเพลิดเพลิน “โอ้สวรรค์! มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น” ดวงตาเปล่งประกายวิบวับ ทำเหมือนว่าหากช้าจะถูกแย่ง ทั้งที่ไม่มีใครจะทำเช่นนั้น “กิน! ต้องกินอย่าให้เหลือ ไม่อย่างนั้นมันจะบูด” “....” หวังอี้เฉิงอับจนวาจา ชั่วขณะนึกไม่ออกว่าจะเอ่ยคำใด มองซูเสี่ยวหนิงนั่งฝั่งตรงข้าม มือคีบเกี๊ยวเข้าปากอย่างไม่หยุดพัก “อื้มมม...อร่อยจัง! อันนี้ใส่กุ้งด้วยใช่ไหม? ว้าวๆๆ!” เธอหันไปตักโจ๊กใส่ถ้วยใบใหญ่ แล้วก้มหน้าซดเสียงดังจ๊วบ! ลูกน้องรอบห้องเบิกตากว้าง มองภาพหญิงสาวคนนี้เหมือนเห็นปีศาจ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? กล้ากินเสียงดังกลางโต๊ะของเจ้านาย! “ซู๊ด! อ้างั่มๆ” พวกเขาตกตะลึง! หน้าตาก็ดีอยู่หรอก แต่เธอคนนี้คือคนที่ไม่รู้มารยาทจริงๆ หวังอี้เฉิงชะงักตะเกียบเล็กน้อย เขาเหลือบตาคมมองเธอ แต่เธอกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ยังกินเพลิน แถมยังพูดไม่หยุด “โหเกิดมารวยนี่ดีจริงๆ! มีของกินดีๆ แบบนี้ทุกวันเลยเหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันเปลี่ยนใจ ไม่ขอกลับไปไหนแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ” จากที่คิดร้อยพันวิธีหาเงินมาใช้หนี้ เพื่อจะไม่ต้องเสียตัว กลับอยากประเคนให้มันตรงนี้เลย ต้องบอกก่อนว่าเธอเกิดมายากจน สมัยที่พ่อแม่ยังอยู่พวกเขาลำเอียงแบบไม่มีเว้น ทุ่มเทความรักความหวัง สิ่งใดดีจะถูกมอบให้แก่พี่ชาย งานหนักเรื่องลำบากตกเป็นของเธอ พอเขาตายยังทิ้งภาระที่ไม่เคยโตไว้ให้ พี่ชายของเธอจะสามสิบแต่ไม่เอางานแถมติดการพนันอย่างหนัก เป็นเธอที่ต้องตามเช็ดตามล้างเหนื่อยสายตัวแทบขาด ถึงอย่างนั้นซูเจิ้งกั๋วไม่ปล่อยให้เธอได้พัก ขยันก่อเรื่องจนของในบ้านถูกยึดไปเกลี้ยง เขายังแอบเอาบ้านไปลงในบ่อน เธอต้องอาศัยเช่าห้องเก็บฟืนที่ไม่มีความอบอุ่น ไม่ปลอดภัย หลายครั้งที่คนไม่หวังดีคิดล่วงเกิน เธอต้องระมัดระวังตัวอย่างมากกว่าจะผ่านไปได้แต่ละวัน เก็บเงินเพื่อหาที่พักดีๆ กลับถูกพี่ชายแย่งไป ดังนั้นเธอจึงต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะเธอจะได้การจัดสรรเรื่องที่พักจนกว่าจะเรียนจบ เรื่องค่าใช้จ่ายเธอไม่กังวล ขอแค่ขยันทำงานจะต้องผ่านไปได้ แต่ตอนนี้…. มองคนที่นั่งหัวโต๊ะ ผู้ที่มีเงิน มีอำนาจ เบ้าหน้าฟ้าประทานชวนหลงใหล เธอตักข้าวเข้าปากเคี้ยวๆ กลืน เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงจึงต้องการคนที่มีฐานะมั่งคั่ง หวังอี้เฉิงยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างนั่งนิ่ง แต่หูแดงขึ้นเล็กน้อย เห็นว่าซูเสี่ยวหนิงกินทั้งมองมาที่เขา ให้รู้สึกแปลกๆ เขากระแอมไอไล่ความกระอักกระอ่วน ก่อนเอ่ยเสียงเย็น “ไม่ต้องรีบ กินช้าลงบ้างก็ได้ ไม่มีใครแย่งเธอ” ได้ยินดังนั้นซูเสี่ยวหนิงหยุดเคี้ยว หันมามองตาแป๋ว? คล้ายลูกแมวที่กำลังส่ายหัวเล็กๆ “ถ้าฉันกินช้า ของอร่อยก็จะเย็นหมดนะสิ! มันคือการดูถูกฝีมือแม่ครัว” เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปใส่ใจกับมื้ออาหาร “คุณไม่เข้าใจหรอก!” แล้วเธอก็ก้มหน้ากินต่ออย่างเมามัน โดยไม่สนว่าเขาคือมาเฟียผู้ทรงอำนาจที่สุดในเมือง กำลังแข็งค้างหลังถูกสั่งสอน ใบหน้าเขาอึมครึมเหมือนวันที่เมฆตั้งเค้าในฤดูร้อน ลูกน้องบางคนเผลอตัวกลั้นหัวเราะไม่ได้ จนถูกสายตาคมกริบของหวังอี้เฉิงกวาดมอง ต้องรีบก้มหน้าหลบแทบไม่ทัน รอจนบางคนกวาดอาหารลงจนเกลี้ยง หวังอี้เฉิงวางตะเกียบลงในที่สุด เขาไม่รู้ว่าระหว่างความเงียบสงบที่ควรจะเป็น กับ หญิงสาวจอมซนกินจุ ยังเถียงเขาทุกคำแบบไม่สำนึก…. สิ่งไหนทำให้หัวใจเขาสั่นไหวมากกว่ากัน แม่บ้านที่ยืนเป็นระเบียบเข้ามาจัดการเก็บจานออกไปอย่างเป็นระบบ พริบตาเดียวโต๊ะตัวยาวไม่มีสิ่งใดถูกละเลย มันกลับมาสะอาดอย่างที่ควรเป็น “คุณๆ ฉันขอน้ำขิงสักถ้วยได้ไหม” “คราวนี้รู้จักปวดท้องแล้ว สมน้ำหน้า! ตะกละดีนัก” “รู้แล้วน่า คราวหลังจะกินแต่พอดี ไม่ยัดจนกระเพาะจะแตกอีก” ไม่นานน้ำขิงหนึ่งแก้ววางตรงหน้า ซูเสี่ยวหนิงถึงสามารถเรอเอาลมที่จุกเสียดออกมา เธอหน้าแดงเพราะอาย ทุกคนมองเธอด้วยสายตาที่หลากหลาย ที่แน่ๆ พวกเขาไม่ได้ชื่นชม ตึก ตึก ตึก… เสียงรองเท้าส้นสูงดังก้องไปตามพื้นหินอ่อน หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ก้าวเข้ามาในห้องอาหารด้วยท่วงท่าสง่างาม เธอใส่สูทสีดำพอดีตัว ผมยาวรวบเรียบร้อย ใบหน้าเรียบเย็นจนเหมือนรูปปั้น แต่ก็สะกดให้คนมองได้เช่นกัน คนทั้งห้องก้มศีรษะให้ทันที ความเคารพที่มีทำให้ซูเสี่ยวหนิงสนใจ ยังเหล่ตามองหวังอี้เฉิงอย่างจับผิด อย่าบอกนะว่าเขาแต่งงานแล้ว? แม่บ้านที่มาเก็บแก้วกระซิบบอกด้วยเสียงเบา “นี่คือ คุณไป๋หลิน ผู้ช่วยคนสนิทของเจ้านาย” ซูเสี่ยวหวังร้องอ๋อ…. พยักหน้าว่าเข้าใจ และก็แอบโล่งที่ไม่ต้องถูกด่าว่าแย่งสามีใคร ผู้ช่วยสาวสวยก้าวมาหยุดข้างโต๊ะ ก่อนกวาดตามองมายังซูเสี่ยวหนิง ที่กำลังนั่งกอดอกอย่างไม่สนใจใคร สายตาเย็นเฉียบเต็มไปด้วยการประเมิน รู้สึกไม่ชอบใจอย่างแรง “เจ้านายคะ คุณคิดจะเลี้ยงเด็กสาวที่มารบกวนความสงบของบ้านคนนี้จริงหรือคะ?” “ฉันมองแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็ไร้ซึ่งคุณค่า หากให้มาเป็นสาวใช้ซักผ้าคงฟังขึ้นมากกว่า” เสียงนั้นนุ่มนวล แต่แฝงความกดดันยังมีความจิกกัดในรูปประโยค ลูกน้องบางคนถึงกับกลืนน้ำลาย ไม่กล้ามองหน้าใคร ลอบสังเกตท่าทีของหวังอี้เฉิง ต้องรู้ว่าไป๋หลินคือคนที่ใส่ใจเขาที่สุด และยังเป็นคนที่เขาไว้วางใจ ซูเสี่ยวหนิงชะงักวางแก้ว เงยหน้าขึ้นมองไป๋หลินตาแป๋ว “คุณพูดถึงฉัน… ดูเหมือนเราจะเพิ่งเจอกัน ไม่ทราบว่าฉันไปทำแบบนั้นตอนไหนหรือ? นี่ก็แค่กินข้าวเองนะ” “ก็กินเสียงดังเกินไปนะสิ ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย คนเราแม้ไม่ได้รับการศึกษา แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงสันดานหยาบออกมาให้คนหัวเราะ” ไป๋หลินยังเชิดคางขึ้นเล็กน้อย มุมปากเหยียดเป็นรอยยิ้มเย็น “มัน…ไม่ได้น่าอวดเลย” ซูเสี่ยวหนิงหน้าแดง เธอไม่ใช่คนโกรธง่าย แต่คำพูดนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนดูถูก เธอวางมือข้างหนึ่งลงบนโต๊ะดัง ปึง! แล้วพูดเสียงดัง “ก็ของมันอร่อยจะให้กินเบาๆ ได้ยังไง! ข้าวคือชีวิตคือรากเหง้าคือความภูมิใจของชาวนา ต้องแสดงพลัง!” เธอเอียงคอ ก่อนจะพูดด้วยหน้าตาที่ใสซื่อ “จะให้กินละเมียดทีละเม็ดแบบคุณหรือ แบบนั้นสี่ชั่วโมงยังไม่อิ่ม” ลูกน้องบางคนถึงกับหลุดหัวเราะพรืด! แต่รีบยกมือปิดปาก เพราะเห็นหวังอี้เฉิงเหลือบตามองมาด้วยสายตาคมกริบ ไป๋หลินหันไปหาหวังอี้เฉิงด้วยท่าทีเรียบเฉย น้ำเสียงติดเย็นชา “คุณควรจัดการเธอ ไม่เช่นนั้นเกียรติชื่อเสียงของคุณอาจพลอยเสียไปด้วย ในโรงงานยังพอมีตำแหน่งว่างจำพวกใช้แรงงาน แบบนั้นจะเหมาะสมมากกว่าให้มาชูคออยู่ในคฤหาสน์” “คุณหวัง ฉันมีประโยชน์นะ อย่างน้อยฉันก็มีใบหน้านี้ เรื่องมารยาทพวกนั้นมันสามารถเรียนรู้ ถ้าต้องทำงานในโรงงานเกรงว่าทั้งชาติจะเสียเวลาเปล่า” ซูเสี่ยวหนิงเอาหลังมือช้อนรองคางมน กล่าวอย่างน่ารัก ส่งสายตาให้ชายหนุ่ม หวังอี้เฉิงวางถ้วยชาลงเบาๆ ทว่าเสียงก้องชัด เขาเหลือบตามองซูเสี่ยวหนิงที่ยังทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กถูกแย่งขนม ก่อนหันไปตอบผู้ช่วยเสียงเรียบ “เรื่องในบ้านนี้…ไม่ใช่หน้าที่เธอจะมาตัดสิน” ห้องทั้งห้องเงียบกริบ…. ไป๋หลินชะงักเล็กน้อย แววตาที่เสียความมั่นใจแล่นวาบขึ้นมา แต่เธอรีบปรับสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม “ทราบแล้วค่ะ” ซูเสี่ยวหนิงที่นั่งฟังตาโต หัวใจเต้นแรงแบบไม่เข้าใจ นี่เขากำลัง…ปกป้องเธอใช่ไหม? แต่ยังไม่ทันดีใจ ถูกคำพูดต่อมาของชายหนุ่มทำให้สะอึก “ให้คนไปหาคนมาสอนมารยาท เอาคนที่เข้มงวดสักหน่อย ยังต้องการคนที่เคร่งครัดเรื่องบุคลิกที่ดี” “หา!” “ค่ะ ฉันจะจัดคนที่ยอดเยี่ยมเพื่อขัดหินหยาบให้เกลี้ยงเกลา” ซูเสี่ยวหนิงมองสายตาของไป๋หลินแล้วขนลุก นี่ไม่ใช่กำลังคิดหาทางเอาคืนเธออยู่ใช่ไหม ให้ตายเถอะ! ถ้ารู้จะเป็นแบบนี้ เธอจะนั่งให้เงียบไม่เถียงเด็ดขาด!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD