เด็กน้อยสวมชุดสีขาวของผู้ป่วยในโรงพยาบาลเอกชน ขนตางอนยาวเป็นแพรสวยกำลังหยุดเคลื่อนไหวพร้อมกับลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอ รอยส์พึ่งนอนหลับไปเมื่อครู่ ภายในห้องจึงเต็มไปด้วยความเงียบ เพราะกลัวว่าเด็กชายจะตื่น
“จะมองผมอีกนานไหม มีอะไรก็ถามมา”
“ฉันไม่อยากแต่งงาน คุณก็ไม่อยากแต่งเหมือนกันใช่ไหมคะ” เจ้าเอยถามเสียงเบา
“ใช่ผมไม่อยากแต่ง แม่ของคุณเรียกร้องสิทธิ์ให้คุณขนาดนี้แล้ว ผมคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะแต่งงาน ผมก็มีเหตุผลเหมือนกัน ยังไงก็ต้องแต่ง หลังจากนั้นค่อยหย่าก็ได้”
“ทำไมต้องทำให้เสียเวลาด้วยคะ”
“ถ้าผมไม่แต่ง ผมก็ต้องเสียสิทธิ์ต่างๆ ที่ลูกอย่างผมควรได้รับจากพ่อกับแม่ เพราะท่านจะยกให้หลานทั้งหมด ผมปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ ถึงเขาจะเป็นลูกของผม แต่ผมก็ควรจะได้สิทธิ์พวกนี้”
“นั้นมันเรื่องในครอบครัวของคุณค่ะ” เจ้าเอยตอบปัดทันที เรื่องนี้เธอไม่อยากยุ่ง เพราะเป็นเรื่องครอบครัวของเขา
“แม่ของผมพูดเรื่องนี้กับแม่ของคุณแล้ว แม่ไม่มีทางผิดคำพูดของตัวเอง คุณอยากได้ข้อตกลงอะไรในเรื่องแต่งงานก็เขียนลงกระดาษมา ผมจะทำสัญญาขึ้นมา ผมให้คุณเลือกวันหย่าได้เลย ตามที่คุณสะดวก”
เจ้าเอยนิ่งคิด เธอรู้ว่าแม่ของตัวเองไม่ยอมเรื่องนี้ง่ายๆ แน่ การแต่งงานคงเป็นทางออกที่ดีสำหรับเธอและเขาในตอนนี้ ข้อตกลงในเรื่องของการแต่งงาน หญิงสาวไม่ต้องการอะไร เธออยากพาลูกกลับไปอยู่ที่เดิมมากกว่า
“เรื่องแต่งงานเราควรจะร่างสัญญาขึ้นมาดีกว่านะคะ คุณบอกสิ่งที่คุณต้องการฉันก็จะบอกสิ่งที่ต้องการเหมือนกันค่ะ” เจ้าเอยเสนอ ดวงตากลมโตกำลังจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้า
“ได้ หลังจากที่กลับไปถึง ผมจะร่างสัญญาของเราขึ้นมา ส่วนเรื่องแต่งงานผมจะให้คุณจัดการ”
“ฉันไม่อยากจัดงานแต่งใหญ่โตค่ะ เชิญแขกที่สำคัญก็พอ อีกไม่นานเราก็ต้องหย่ากันอยู่ดี ไม่จำเป็นจะต้องจัดงานให้มันใหญ่โต ถ้าเป็นไปได้ ฉันไม่อยากให้นักข่าวเข้ามาในงาน” เธอรู้ว่าเพทายโด่งดังในวงสังคมมากเพียงใด สำหรับหญิงสาวแล้วการอยู่อย่างสงบสุขเป็นสิ่งที่ต้องการมากกว่า
“ได้” เขาตอบรับความต้องการของเธอด้วยความเต็มใจ ทุกอย่างผิดคาดกว่าตอนที่เขาคาดเดาเอาไว้ เพทายคิดว่าเจ้าเอยต้องการให้ประโคมข่าวออกไปให้ดัง เพื่อที่จะให้คนรู้ว่าเธอและเขานั้นแต่งงานกันแล้ว
แน่นอนถ้าหากเป็นเช่นนั้น เขาก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นสามีแสนดี จะทำอะไรคงต้องคิดหนักและต้องแอบซ่อนความเจ้าชู้ของตัวเองเอาไว้ให้ดี
สามวันต่อมา
“ห้ามสร้างปัญหาอีกเข้าใจใช่ไหม แม่ไม่มีความอดทนขนาดนั้นหรอกนะ แกควรคิดเห็นอนาคตของลูกบ้าง อะไรที่ควรเป็นของตัวเองก็ควรสู้จนถึงที่สุด” คุณหญิงเอื้อมจันทร์เอ่ยพร้อมกับกอดอกมองลูกสาวที่นั่งตัวงออยู่บนโซฟาของบ้าน
“......” ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับแต่อย่างใด เธอรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว ต้องคิดให้มากกว่านี้เป็นร้อยเท่า เพื่ออนาคตของลูก
“จะหย่าก็ค่อยหย่าหลังแต่งอีกสักหนึ่งปี ตอนนั้นฉันจะไม่บังคับแกอีก”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“เข้าใจก็ดี อย่าทำให้คนอื่นต้องเหนื่อย สงสารพี่สาวแกหน่อย วิ่งวุ่นเรื่องของแกมาตั้งแต่แกเกิด แม่อาจไม่ใช่แม่ที่ดี แต่เชื่อเถอะ ไม่มีแม่คนไหนอยากให้ลูกตัวเองลำบากหรอก”
“ค่ะ”
“เรื่องงานแต่งเดี๋ยวแม่จัดการเอง จัดงานใหญ่ไปเลย ให้โลกได้รู้ว่าผู้ชายเจ้าชู้อย่างเพทายแต่งงานแล้ว จะได้เลิกทำตัวแบบนั้นสักที”
“มันไม่ได้ช่วยให้เขาเจ้าชู้น้อยลงหรอกนะคะ” เจ้าเอยแย้งขึ้น
“แต่อย่างน้อยจะทำอะไรก็นึกถึงแกกับลูกก่อน คนอื่นจะได้เป็นหูเป็นตาให้ด้วยไง จะทำอะไรเหมือนเมื่อก่อนก็คงยากแล้ว”
“เอาตามที่แม่ว่าดีค่ะ เอยขอตัวก่อนนะคะ” เจ้าเอยถอนหายใจออกมา การทำตามคำสั่งของมารดาคงเป็นส่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้
เจ้าเอยแหงนมองตึกสูงตรงหน้าที่เพทายเป็นเจ้าของด้วยสายตาสงบนิ่ง ก่อนที่เธอนั้นจะเดินเข้ามาภายในบริษัท โดยมีนวัตรเลขาของเพทายมารอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว
ประตูห้องทำงานของชายหนุ่มถูกเปิดออก ก่อนที่แฟ้มงานที่กางเอาไว้ตรงหน้าของเพทายจะถูกปิดลง เขาจ้องมองเจ้าเอยและลูกชายที่กำลังนอนหลับอยู่ที่อกของแม่ ด้วยสายตาเรียบเฉย
“ฉันขอฝากลูกหน่อยค่ะ มีนัดหมอต้องไปตรวจร่างกาย” เจ้าเอยวางลูกชายที่นอนหลับอยู่ลงบนโซฟา ก่อนที่เธอนั้นจะจัดแจงที่นอนใหม่ให้กับรอยส์ ผ้าห่มผืนเล็กถูกห่มลงมาที่ตัวของเด็กชายอย่างแผ่วเบา
“เมื่อไหร่คุณจะหาพี่เลี้ยงเด็ก? จะให้ผมจัดการให้ไหม”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันเลี้ยงเองได้ เอาไว้หลังแต่งงานค่อยหาแล้วกันค่ะ ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาหามานั่งสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็ก” การที่เธอจะหาพี่เลี้ยงให้ลูกสักคนมันไม่ได้ยากมากนัก แต่ก็ต้องเลือกให้ดีและใจเย็น
“ผมไม่มีเวลามาเลี้ยงลูกให้คุณตลอดเวลาหรอกนะ แล้วจะกลับตอนไหน”
“จะรีบกลับค่ะ ไม่น่าเกินสองชั่วโมง” เจ้าเอยพูดเผื่อเวลา “ฉันเตรียมนมกับของเล่นเอาไว้ให้แล้ว อีกนานกว่าลูกจะตื่น ถ้ามีอะไรคุณก็โทรหาฉันแล้วกันนะคะ”
“อืม” เขาเอยเพียงเท่านั้น
สายตาของเจ้าเอยเต็มไปด้วยความเป็นห่วง วันนี้เธอมีนัดตรวจสุขภาพใหญ่ที่แม่ของเธอจองเอาไว้ให้ก่อนที่จะแต่งงาน ทุกคนล้วนไม่ว่างที่จะมาดูลูกให้ หญิงสาวจึงขอร้องให้เพทายมาดูแลลูกชายตอนที่เธอไม่อยู่
เสียงปิดประตูดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ภายในห้องจะเต็มไปด้วยความเงียบ เพทายจ้องมองร่างเล็กที่น้องหลับสนิท เพียงครู่ก่อนที่เขาจะก้มหน้าทำงานต่ออย่างมีสมาธิ จนเวลาล่วงเลยมาเกือบหนึ่งชั่วโมง
“ม๊ามี๊..” เสียงของเด็กชายดังขึ้น พร้อมกับลุกนั่งและเอามือขยี้ดวงตา จ้องมองหาแม่ก่อนที่จะมองไปยังเพทายที่นั่งทำงานอยู่ “แด๊ดดี๊” รอยส์เดินลงจากโซฟาก่อนที่เขาจะคว้าเอาขวดนมเดินตรงมาหาเพทายที่โต๊ะทำงาน
“ว่าไง… ไม่ร้องเลยแห๊ะ..เก่งมาก” เขาอุ้มลูกชายขึ้นมานั่งบนหน้าตัก พร้อมกับก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยๆ นั้นด้วยความรัก
เพทายได้ทำความรู้จักกับลูกชายของเขาก็ตอนที่อยู่โรงพยาบาลทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมากขึ้น เขาเองก็ต้องทำหน้าที่พ่อที่ดีให้กับรอยส์ เขากำลังซึมซับคำว่าพ่อมากขึ้นเรื่อยๆ
“ม๊ามี๊” เสียงเด็กถามหามารดา ทำให้เพทายจ้องมองใบหน้าของบุตรชายอีกครั้ง เขาจะตอบว่าอะไรดีไม่ให้รอยส์ร้องไห้งอแง
“ม๊ามี๊ไปเข้าห้องน้ำครับ เดี๋ยวก็มา รอยส์อยากไปเที่ยวไหม เดียวแด๊ดดี๊จะพาเที่ยว”
“เที่ยว เที่ยว” เสียงเล็กๆ ฟังดูสดใสร่าเริง ก่อนที่สิ่งที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้น เมื่อเสียงของรอยส์เงียบไป
“อย่าบอกนะ!! ไม่ใช่ ใช่ไหม” เพทายมีสีหน้าเลิกลั่น พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของลูกชายที่กำลังร้องไห้ เขาเอื้อมมือไปกดโทรศัพท์ต่อสายหาเลขาหน้าห้อง “เข้ามาที่ห้องด่วนเลย”
“คุณชายมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ช่วยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ที” เขามีสีหน้าไม่ดีมากในตอนนี้ เพราะกลิ่นที่เขาได้สัมผัสมันชวนอาเจียนเสียมากกว่า
“ผมทำไม่เป็นครับ คุณชายเอ่อ…” นวัตรนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขานั้นจะหันหลังกลับออกไป